บทที่ 731 เจอพวกเหลือขอระหว่างทาง / บทที่ 732 มาถึงที่หมาย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 731 เจอพวกเหลือขอระหว่างทาง

เจ้าเด็กผีถูกสืออีทำหน้าดุพลางตะโกนใส่ สีหน้าก็แข็งทื่อแต่ไม่ได้เกรงกลัว +หันหน้าพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของหญิงวัยกลางคนด้วยความน้อยใจ

“แม่ครับ! มันด่าผมอะ!”

“นี่คุณทำอะไร?!” เมื่อเห็นลูกของตัวเองเหมือนถูกรังแก หญิงวัยกลางคนก็ไม่สนว่าใครถูกใครผิด ลุกขึ้นยืนผลักไหล่ซ้ายของสืออีก “เป็นผู้ชายทั้งแท่ง แต่มารังแกเด็กเล็กๆ หมายความว่าไง ไอ้คนพ่อแม่ไม่สั่งสอน!”

เด็กเล็กๆ อะไร? เด็กคนนี้อายุสิบกว่าปีแล้ว ยังเป็นเด็กเล็กๆ เหรอ?

“ถ้าคุณยังผลักอีกโดนดีแน่” สืออีตาฉายประกายเย็นเยียบ ปกติแม้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่คนแบบนี้สมควรไม่นับเป็นผู้หญิง

รู้แบบนี้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปก็ดี แต่ว่าตอนนี้คุณหนูหวันหวั่นต้องการสร้างภาพลักษณ์ เอาชนะใจคน จะทำตัวมีเอกสิทธิ์ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นขี้ปากคนอื่น

“จะตบฉันเหรอ?” หญิงวัยกลางคนพลันกรีดร้อง “เป็นผู้ชายอกสามศอก ไม่นึกว่าคิดจะตบตีเด็กกับผู้หญิงที่ไม่มีเรี่ยวแรง? ยังมียางอายบ้างไหม?! ไหน ลองตบฉันดูสิ?”

“คุณเป็นใครกัน มารังแกเด็กกับผู้หญิง?!” ชายวัยกลางคนที่เงียบเสียงมาโดยตลอดพลันลุกขึ้น ตั้งหมัดขึ้นคล้ายจะต่อยใส่สืออี

แต่ว่าหมัดนี้ยังไม่ทันพุ่งออกไป บอดี้การ์ดลับที่นั่งอยู่บนเครื่องบินสิบคนก็พากันลุกขึ้นยืน

ผู้ชายร่างสูงสิบคนยืนขึ้นพร้อมกันกลางพื้นที่ปิดในเครื่องบิน ภาพอลังการนี้ดึงดูดสายตายิ่งกว่าเดิม

แค่พริบตาเดียว ชายวัยกลางคนมีสีหน้างงงัน ดวงตาสิบคู่ที่อยู่รอบๆ กำลังจับจ้องเขาอย่างไม่เป็นมิตร ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็มทำให้กำปั้นที่ชายวัยกลางคนง้างอยู่กลางอากาศค้างเติ่งกับที่ ตกตะลึงจนไม่อาจต่อยออกไป

เสียงทะเลาะกันครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้โดยสารบนเครื่องบิน

พอเห็นบนเครื่องเกิดเรื่อง แอร์โฮสเตสก็รีบเข้ามากล่าวเตือนด้วยเจตนาดี ห้ามปรามไม่ให้ความขัดแย้งขยายวงกว้าง

ชายหญิงพม่าวัยกลางคนที่ตอนแรกอวดดี คิดไม่ถึงว่าข้างๆ เยี่ยหวันหวั่นจะมีคนมากขนาดนี้ จึงไม่กล้าก่อเรื่องต่อ หาทางลงจากการกล่าวเตือนของแอร์โฮสเตส แล้วกลับไปบนที่นั่งใหม่

“แม่งเอ๊ย รอถึงพม่าค่อยคิดบัญชีคนพวกนี้” ชายวัยกลางคนนั่งลงแล้ว แต่ก็จดจำเรื่องนี้ไว้ เขาใช้หางตากวาดมองพวกเยี่ยหวันหวั่น แค่นเสียงฮึ “ไอ้พวกคนไม่มีตา กล้าหาเรื่องฉันงั้นเหรอ เดี๋ยวถึงเวลาฉันเอาพวกแกตายแน่!”

สืออีขี้เกียจจะเสวนากับคนแบบนี้ หลังจากคืนหนังสือการพนันหยกให้เยี่ยหวันหวั่นแล้ว ก็บอกให้บอดี้การ์ดลับคนอื่นๆ นั่งลง ตั้งแต่ต้นจนจบเซวียลี่กับทีมผู้เชี่ยวชาญไม่ได้พูดสักประโยค เพียงมองดูเหตุการณ์นี้อย่างเย็นชา

เยี่ยหวันหวั่นได้หนังสือกลับมาก็ไม่ได้ว่าอะไร เรื่องเล็กๆ แบบนี้ไม่มีใครใส่ใจเช่นกัน

จนกระทั่งถึงตอนบ่าย ในที่สุดเครื่องก็ถึงที่หมาย

ประเทศพม่า เมือง H

พวกเยี่ยหวันหวั่นเพิ่งเดินลงจากเครื่องได้ไม่นาน ครอบครัวสามคนที่อยู่บนเครื่องก็มาถึงด้วย

“พวกแกคนเยอะ เก่งมากใช่ไหม ระวังตัวให้ดีเถอะ!”

ชายหญิงวัยกลางถลึงตามองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าจากไปไม่หันกลับมา

เยี่ยหวันหวั่นคร้านจะเอาเรื่องคนแบบนี้ แม้แต่สนใจยังไม่สนใจ พาพวกสืออีกมุ่งหน้าไปยังประตูสนามบิน

พวกเยี่ยหวันหวั่นไม่ทันเดินออกจากสนามบิน ชายเสื้อดำสวมแว่นคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือชูป้ายรับคน

———————————————————————

บทที่ 732 มาถึงที่หมาย

สืออีกับเซวียลี่เข้าไปหาแล้วทักทายผู้มา ดูคุ้นเคยกันดี

หลังจากทักทายกันเสร็จ ชายชุดดำมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยรอยยิ้ม เอ่ยอย่างเกรงใจว่า “คุณหนูเยี่ย สวัสดีครับ…ผมหม่าปิง เป็นเพื่อนในพม่าของคุณสวี่อี้ พอรู้ว่าครั้งนี้คุณหนูเยี่ยจะมา คุณสวี่อี้ก็กำชับให้ผมมารับเป็นพิเศษ”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็พยักหน้า ก่อนที่จะมาพม่า สวี่อี้ได้บอกเรื่องนี้กับเธอแล้ว

หม่าปิงคนนี้ค่อนมีชื่อเสียงในพม่า ว่ากันว่าทำงานขาวดำสองสาย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการดูหยกเต็มเปี่ยม

เมือง H ของพม่าได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการพนันหยก กำไรจากการค้าหยกนำพาความเจริญมาสู่เมืองนี้ แต่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่ค่อนข้างวุ่นวาย การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างไม่เป็นระเบียบ มีคนดีคนเลวปะปนกันอยู่เต็มไปหมด

มีคำพูดว่ามังกรแกร่งไม่ข่มเหงงูเจ้าถิ่น ถ้าหากอาศัยแค่พวกสืออีดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่คุ้นกับที่นี่ สวี่อี้จึงส่งหม่าปิงมาทักทาย

หม่าปิงคนนี้นับเป็นงูเจ้าถิ่นในเมือง H เมื่อมีเขาอยู่ก็ตัดความยุ่งยากไปได้มาก

“สวัสดีค่ะคุณหม่าปิง ขอรบกวนด้วยนะคะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับหม่าปิงด้วยรอยยิ้ม

“พูดอะไรอย่างนั้นกันครับคุณหนูเยี่ย คุณเป็นนายหญิงของตระกูลซือ การได้ทำงานให้กับคุณหนูเยี่ยนับเป็นเกียรติของผมจริงๆ นอกจากนี้ผมกับสวี่อี้ยังสนิทกันมาก ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะสวี่อี้ ผมคงตายอยู่ข้างถนนในพม่าแล้ว!” หม่าปิงพูดอย่างยินดี

เยี่ยหวันหวั่นไม่เกรงใจอีก ทุกคนตามหม่าปิงออกจากสนามบินไป

ระหว่างทาง เยี่ยหวันหวั่นสอบถามสถานการณ์ของเมือง H และเรื่องหินหยกกับหม่าปิง เขาตอบด้วยความยินดี

เมือง H ของพม่าเป็นเมืองแห่งการพนันหยก แต่ก็เป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการพนันหยกมากที่สุดด้วย

หยกดิบในเมือง H แตกต่างกับหยกดิบทั่วไป พวกมันเป็นหยกเจไดต์ทั้งหมด มูลค่าของหยกเจไดต์ในปัจจุบันสูงขึ้นมาก มีตลาดใหญ่ในระดับนานาชาติ เพราะความนิยมนี้เอง คนที่ทุ่มสุดตัวจึงมีอยู่เต็มไปหมด

นอกจากนี้การพนันหยกในเมือง H ก็เป็นการพนันหยกที่คึกคักที่สุดบนโลก ไม่มีใครเหมือน การพนันหยกทั้งหมดในที่นี่เป็นการวิเคราะห์ขนาดและสีของหิน

หยกดิบทั่วไปในประเทศมีราคาตั้งแต่กรัมละสองสามหมื่นหยวนไปจนถึงกรัมละสองสามพันหยวน ในเมือง H ของพม่า หยกดิบคุณภาพดีมีราคาสูงถึงกรัมละหลายแสนหยวน หินที่มีราคามากกว่าหนึ่งร้อยกรัม ถึงขั้นต้องจ่ายไปหลายล้านหยวน เกิดผ่าออกมาแล้วเป็นหินเปล่า อย่างนั้นก็เท่ากับขาดทุน

ในเมือง H มักมีนักพนันหยกที่รวยในชั่วข้ามคืนหรือล้มละลายในชั่วข้ามคืน

นักพนันหยกเหล่านั้น มีอยู่หลายคนที่ขายบ้านขายสมบัติเพื่อการพนันครั้งนี้ สุดท้ายผลลัพธ์เป็นอย่างไร มีแต่วินาทีที่ผ่าหยกถึงจะรู้ได้ และชีวิตของครอบครัวที่พวกเขาพนันไว้ก็ต้องทุ่มกันแบบนี้

“เหอะ คุณหนูเยี่ย ธุรกิจการพนันหยกถ้าไม่รวยชั่วข้ามคืนก็ไม่ได้อะไรกลับมา”

หม่าปิงซอยเท้าไปด้านหน้าเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยว่า “อย่างเช่น ก่อนหน้านี้สองสามเดือน ร้านหยกของเราในเมือง H ได้หินยักษ์หนักร้อยห้าสิบกิโลฯ มา ไม่ว่าจะเป็นสีหรือผิวสัมผัสก็มีคุณลักษณะที่ดีมาก ราคาพุ่งไปอยู่ที่กรัมละสี่แสนหยวน เห็นว่ามีโอกาสที่จะผ่าได้หยกเจไดต์คุณภาพสูง ไม่นานจากนั้น เศรษฐีคนหนึ่งพาทีมผู้รับรองที่เชี่ยวชาญการพนันหยกมา และใช้เงินร้อยกว่าล้านซื้อหินใหญ่ก้อนนั้นไป คุณหนูเยี่ยลองทายดูว่าผลลัพธ์เป็นยังไง”

“เป็นยังไงเหรอคะ?” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ ถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น

แต่ความจริงแล้ว เมื่อชาติก่อนตอนที่เธอมาพม่าได้ฟังเรื่องนี้แล้ว

……………………………………………………..