กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 626
“ท่านพี่หน่วน เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย จะทำอย่างไรดี?คงจะไม่ปล่อยเขาไปใช่หรือไม่?”

“เสี่ยวลู่บอกว่าจอมมารพาอัครมเหสีฉู่ออกมาจากเผ่าเพลิงฟ้าอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราไม่รู้ความสัมพันธ์ของเขากับเยี่ยเฟิง บางทีอัครมเหสีฉู่อาจจะรู้”

“เช่นนั้นท่านหมายความว่าตอนนี้พวกเราต้องไปหาอัครมเหสีฉู่”

“ใช่ โชคดีที่ตอนนี้อัครมเหสีฉู่ยังอยู่ที่รัฐเยี่ย พวกเราจึงไม่ต้องไปหาพวกเขาที่รัฐฉู่”

“แล้วจะรออะไรอยู่ รีบไปกันเถอะ” เซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นไปบนหลังม้า และพาลั่วอิ่งที่ถูกสกัดจุดขึ้นไปด้วย จากนั้นก็เรียกกู้ชูหน่วนและคนอื่น ๆ

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจ “น้องหญิงฮวาฉี่หลัว เจ้าเป็นหญิงตัวเล็กบอบบาง และนอนกลางดิน กินกลางทรายกับข้ามาโดยตลอด ข้าเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ เช่นนั้นเจ้ากลับไปรอข้าที่จวนหานอ๋องก่อนจะดีกว่า หลังจากข้าเสร็จธุระแล้ว ข้าจะกลับไปหาเจ้าที่จวนหานอ๋อง”

ฮวาฉี่หลัวโบกมืออย่างเย่อหยิ่ง “ไอ้หยา ลูกหลานชาวยุทธภพไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าฮวาฉี่หลัวไม่ใช่คนบอบบาง ท่านพี่หน่วน ท่านไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายท่าน ชายผู้นี้ก็อย่าคิดว่าจะแตะต้องท่านได้”

“เจ้าไม่ได้กลับไปนานแล้ว ท่านพี่ไป๋ของเจ้าคงจะต้องเป็นห่วงแย่ เช่นนั้นเจ้ากลับไปหานางก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับมาหาข้า”

“ท่านพี่ไป๋กับท่านพี่หน่วน แน่นอนว่าท่านพี่หน่วนสำคัญกว่า ท่านพี่ไป๋ย่อมมีวิธีที่จะหาข้าจนเจอ ท่านพี่หน่วนไม่ต้องกังวล ระหว่างที่ท่านพี่ไป๋ยังหาท่านไม่พบ ข้าจะปกป้องท่านเอง”

กู้ชูหน่วนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกและพึมพำ “ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ”

นางต้องการแยกฮวาฉี่หลัวออกไป หญิงผู้นี้แฝงไปด้วยกลลวงและเกาะติดแน่น ไม่ว่าจะสะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด จึงทำได้เพียงแค่พานางไปด้วย

หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงศาลาพักม้าของรัฐฉู่

เนื่องจากมีสัญลักษณ์ของจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ กู้ชูหน่วนและคนอื่น ๆ จึงพบอัครมเหสีฉู่ได้อย่างง่ายดาย

ในห้องโถงใหญ่ของศาลาพักม้า ใบหน้าของอัครมเหสีฉู่เต็มไปด้วยความดีใจ นางจับมือเล็ก ๆ ของกู้ชูหน่วน และไถ่ถามทุกข์สุข

ใบหน้าของเซี่ยวอวี่เซวียนมีรอยยิ้มจาง ๆ

เยี่ยเฟิงเป็นพี่น้องของเขา เขาตายอย่างน่าอนาถ สำหรับเขาแล้ว เขาเป็นห่วงจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่เช่นเดียวกับพ่อแม่แท้ ๆ ของตนเอง

จักรพรรดิฉู่ไม่ได้สวมเสื้อคลุมมังกร แต่เป็นชุดธรรมดา แม้แต่ในชุดที่เรียบง่าย เขาก็ยังสง่าผ่าเผยและน่าเกรงขามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ความสง่าผ่าเผยและความน่าเกรงขามเช่นนี้ มีเพียงผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งมาเป็นเวลานานเท่านั้นถึงจะมีได้

จักรพรรดิฉู่คารวะพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ และขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจ “ท่านทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราสามีภรรยา ไม่เพียงแต่พวกท่านจะเป็นเพื่อนของเยี่ยเฟิง แต่ยังเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเยี่ยฟิงและอวิ๋นเอ๋อร์ด้วย ความหวังดีของท่านทั้งสอง ไม่ว่าข้าจะตอบแทนอย่างไรก็ยากที่จะตอบแทนได้หมด”

เซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วนต่างพากันตกใจ และรีบประคองจักรพรรดิฉู่

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทำเช่นนี้จะทำให้พวกเราอายุสั้น เป็นอย่างที่พระองค์ทรงตรัส เยี่ยเฟิงเป็นเพื่อนของพวกเรา เพื่อเพื่อน เพื่อเสด็จแม่ของเพื่อน ไม่ว่าอย่างไรก็คุ้มค่า”

“แม่สาวอัปลักษณ์พูดถูก อีกอย่าง…..ก็เพราะพวกเราปกป้องเยี่ยเฟิงได้ไม่ดี หากวันนั้น……”

เมื่อนึกถึงอดีต นัยน์ตาของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ดูโศกเศร้า

แม้ว่าเรื่องจะผ่านไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังโทษตัวเอง

ในชีวิตนี้เขามีเพียงแม่สาวอัปลักษณ์ เยี่ยเฟิง หลิ่วเย่ว์ และอวี๋ฮุย สี่คนเท่านั้นที่เป็นเพื่อน

แต่เขาเห็นเพื่อนสนิทของเขาตายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก

บรรยากาศโศกเศร้าเล็กน้อย

การตายของเยี่ยเฟิง เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่เลย

จักรพรรดิฉู่ยังคงแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นไร แต่อัครมเหสีฉู่น้ำตานองหน้าทุกคืน แม้แต่ในเวลานี้นางก็ยังยกแขนเสื้อขึ้นมาและค่อย ๆ เช็ดน้ำตา

เมื่อจักรพรรดิฉู่เห็นเช่นนี้ก็โบกมือ “คนตายไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปพูดถึงเลย ไม่รู้ว่าทั้งสองท่านรีบมาที่ศาลาพักม้าอย่างรีบร้อนเช่นนี้ มีอะไรหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนทำสีหน้าจริงจัง และถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้าอยากจะถามว่าในตอนที่อัครมเหสีฉู่ให้กำเนิดบุตร ให้กำเนิดบุตรคนเดียวหรือว่าสองคน?”

“คนเดียว ก็คือเฟิงเอ๋อร์”

อัครมเหสีฉู่งุนงง และจักรพรรดิฉู่ก็งุนงงเช่นกัน

“เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจจะเป็นฝาแฝด เพียงแต่พระองค์จำไม่ได้?”

“พระชายาหาน ท่านต้องการจะพูดอะไร?”

“เพราะพวกเราพบคนคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกันกับเยี่ยเฟิง”

กู้ชูหน่วนปรบมือ และฮวาฉี่หลัวก็พาลั่วอิ่งที่ถูกสกัดจุดเข้ามา

ในทันทีลั่วอิ่งเข้ามา สีหน้าของจักรพรรฉู่และอัครมเหสีฉู่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก อัครมเหสีฉู่รีบเข้าไปหา

“เยี่ยเฟิง…..เจ้าคือเฟิงเอ๋อร์ เจ้ายังไม่ตาย?”

ลั่วอิ่งไม่ชินกับการที่มีคนเข้าใกล้ตั้งแต่ไหนแต่ไร

แต่เมื่ออัครมเหสีฉู่โผเข้ามาหาเขา ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเขาถึงมีความรู้สึกแปลก ๆ แวบเข้ามา

นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน

โดยเฉพาะเมื่ออัครมเหสียื่นมือออกมาอย่างสั่นเทา ราวกับว่านางได้สมบัติล้ำค่า นางต้องการจะสัมผัสใบหน้าของเขา แต่ก็ลังเลอยู่นานและไม่กล้าแตะต้องเขา

“ติ๋ง……”

น้ำตาของนางหยดลงบนหลังมือของเขา

ทั้งสองมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าอัครมเหสีฉู่จะมีคำพูดนับพันที่อยากจะพูด แต่ก็พูดไม่ออก

แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่รู้ว่านางไปเอาความกล้ามาจากไหน จู่ ๆ นางก็กอดเอวของเขาไว้แน่นและร้องไห้ออกมา

นางพึมพำกับตัวเอง “เฟิงเอ๋อร์ เฟิงเอ๋อร์ของข้า เจ้ากลับมาแล้วจริง ๆ หรือ?แม่จะไม่ยอมสูญเสียเจ้าไปอีกแล้ว และแม่จะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยให้เจ้า”

ลั่วอิ่งตกตะลึงและดูเหมือนว่าสมองของเขาจะไม่สั่งการ เขาปล่อยให้อัครมเหสีฉู่กอดเขาไว้แน่น และเสียงร้องไห้จนแทบจะขาดใจของอัครมเหสีฉู่ก็ดังอยู่ข้าง ๆ หู

จักรพรรดิฉู่ตาแดงก่ำ เขานิ่งสงบมากกว่าอัครมเหสีฉู่ แต่ก็ตัวสั่นสะท้านไม่หยุด

“เขา……เขาเป็นพระโอรสของข้าจริง ๆ หรือ?”

คำพูดของกู้ชูหน่วน ตัดความหวังทั้งหมดของพวกเขา

“เขาไม่ใช่เยี่ยเฟิง เขาเพียงแค่หน้าตาเหมือนเยี่ยเฟิงเท่านั้น”

จักรพรรดิฉู่โซเซและหน้าซีด “เจ้าพูดอะไร?”

อัครมเหสีฉู่ไม่ยอมปล่อยลั่วอิ่ง นางกล่าวอย่างมั่นใจ “เขาคือเฟิงเอ๋อร์ แม่ลูกสื่อถึงกันได้ ข้ามั่นใจได้ว่าเขาคือเฟิงเอ๋อร์ของข้า”

“เช่นนั้นพระองค์ก็ควรจะดูให้ละเอียดถี่ถ้วน” เซี่ยวอวี่เซวียนเตือน

อัครมเหสีฉู่ปาดน้ำตา และปล่อยลั่วอิ่งอย่างไม่เต็มใจ

จนกระทั่งตอนนี้ นางก็ตระหนักได้ว่าเยี่ยเฟิงที่อยู่ตรงหน้านาง ดูเหมือนว่ามีบางอย่างที่แปลกไป

เขาเยือกเย็นมากเกินไป และมีกลิ่นอายของความเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย แววตาเฉียบคม หากมองอย่างละเอียดนัยน์ตาคู่นั้นว่างเปล่า ราวกับหุ่นกระบอก ไม่มีความคิดของตนเอง เป็นหุ่นกระบอกที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

แม้ว่าเยี่ยเฟิงจะเยือกเย็น แต่เขาก็อ่อนโยนมาก และคงจะไม่อยู่ห่างออกไปเช่นนี้

อัครมเหสีฉู่ดึงเสื้อผ้าด้านหลังของเขาออกอย่างสั่นเทา

อัครมเหสีฉู่มองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความตกใจ

เฟิง……เฟิงเอ๋อร์ของนางมีปาน

อัครมเหสีฉู่รีบจับมือของเขา จากนั้นก็เห็นว่าด้านหลังมือซ้ายของเขาไม่มีตำหนิ นางแทบจะเป็นลม จักรพรรดิฉู่จึงรีบประคองนางไว้

“เป็น……เป็นไปได้อย่างไร……”

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้ข้าจึงอยากถามอัครมเหสีฉู่ว่าตอนที่พระองค์ทรงให้กำเนิดบุตร เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”

“ในวันนั้นพวกเราเจอโจร และข้าก็คลอดยาก คนรอบข้างล้วนแต่ถูกฆ่าตาย และไม่ง่ายเลยที่ข้าจะให้กำเนิดเยี่ยเฟิง จากนั้นเด็กก็ถูกลักพาตัวไป”

“แล้วหมอตำแยที่ทำคลอดล่ะ?”

“ในตอนนั้นข้าอ่อนแรงและสลบไป เมื่อข้าฟื้นขึ้นมา หมอตำแยก็หายไปแล้ว ส่วนคนรับใช้ก็บาดเจ็บล้มตาย”

อัครมเหสีฉู่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่นางก็จำไม่ได้จริง ๆ

นางจำได้เพียงว่าบุตรของนางที่เพิ่งคลอดถูกลักพาตัวไป