ตอนที่ 1437

Monster Paradise

พี่ ข้าเองก็อยากร่วมสู้ด้วย!

บนชั้นสามขอบเหวนรก พื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นสมรภูมิรบ แต่ก็มีความแตกต่างชัดเจนระหว่างสนามรบแต่ละแห่ง

 

สนามรบเทพเสมือนนำโดยเทพเสมือนขั้น 9 เช่นคุณฟู่กับหลินซวน และนักสู้เผ่าแมลงก็คือทัพหลัก ด้วยจำนวนที่เหลื่อมล้ำกันน้อยสุด การต่อสู้ส่วนนี้จึงดูรุนแรงสุด

 

สนามรบของเทพแท้จริงแบ่งออกเป็นสามส่วน

 

เทพแท้จริงขั้นต่ำนำดดยมอนสเตอร์อัญเชิญและวิญญาณต่อสู้ของหลินฮวง จำนวนสนามรบนี้มีความเหลื่อมล้ำมาก แต่นี่เป็นส่วนที่หลินฮวงกังวลน้อยสุด

 

เขตแดนเทพเขาลอบกระจายออกไปเงียบๆ และภายในรัศมีของสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ มอนสเตอร์เขาจะคืนชีพได้

 

สำหรับวิญญาณต่อสู้รูปแกะสลักเทพ  พวกมันคือศพแต่แรกแล้ว ตราบเท่าที่พลังวิญญาณที่ขับเคลื่อนพวกมันไม่หาย พวกมันก็จะไม่ตาย ต่อให้ร่างกายพวกมันจะเสียหายรุนแรงและสู้ต่อไม่ได้ พวกมันก็จะฟื้นคืนภายใน 24 ชั่วโมงหลังถูกโยนเข้าหลุมฟื้นฟูของเผ่าแมลงสักพัก

 

ส่วนสนามรบเทพแท้จริงขั้นกลาง หลินฮวงไม่กังวลเลย

 

แม้จำนวนทาสดาบจะเป็นแค่หนึ่งในเจ็ดของผู้รุกราน ทาสดาบก็ล้วนเป็นเทพแท้จริงขั้น 6 และความสามารถก็เกือบถึงเทพแท้จริงขั้น 7 การจัดการกับกลุ่มมอนสเตอร์ที่ไร้ระเบียบไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย

 

หากหลินฮวงไม่ออกคำสั่งล่วงหน้า ผู้รุกรานของสนามรบนี้คงตายกันไปแล้ว

 

สำหรับสนามรบเทพแท้จริงขั้นสูง หลินฮวงแค่ควบคุมมันด้วยมือเดียว

 

จากมีดบินพลังจิตหลายร้อยที่วิวัฒนาการจากอาวุธเซียน แต่ละเล่มได้รับมอบหมายให้จัดการผู้รุกรานแต่ละตัว ตั้งแต่ที่พวกมันข้ามมิติมา พวกมันก็ถูกมีดบินพัวพันไม่หยุด

 

หากพวกมันประมาท ร่างของพวกมันจะถูกแทงจนพรุน

 

เหมือนเกมแมวจับหนู มีดบินพลังจิตล้อมกลุ่มเทพแท้จริงขั้นสูงไว้จนไม่สามารถหลบหนีได้ต่อให้อยาก นับประสาอะไรกับการยุ่งสนามรบอื่น

ขณะที่หลินฮวงกำลังเพลิดเพลินกับการควบคุมที่เขามีเหนือสนามรบ เขาพลันสัมผัสได้ถึงกำลังเสริมที่มาจากขอบเหวนรกชั้นสาม

 

หลังกวาดจิตเทะวออกไป เขาก็พบว่ามันคือหลินซินกับเสี่ยวโม่ ยังมีอีกคนที่คุ้นหน้า หลินฮวงจำได้ว่ามันคือทาสดาบ แต่ไม่รู้เลข

 

แต่ทว่า หลังจิตเทวะเขากวาดออกไป หลินฮวงก็ถึงกับผงะ

 

นี่เพราะเขาตระหนักว่าหลินซินเป็นเทพเสมือนขั้น 9 แล้ว ซึ่งสูงกว่าเขาถึงสามขั้น

 

‘ร่างกายของนางน่าอิจฉาจริงๆ’หลินฮวงพูดไม่ออก เขาต้องตามล่าหาทรัพยากรอย่างสิ้นหวังและเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 6 ในโลกกรวด ไม่มีทางที่เขาจะก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้

 

แต่ทว่า หลินซินกลับแค่ต้องกินแก่นเทวะ และในเวลาเพียงหกเดือน นางกลับเลื่อนถึง 9 ขั้นจากจักรพรรดิทองม่วงเป็นเทพเสมือนขั้น 9 มันดูง่ายเกินไป!

กลับกัน เสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างนางกลับเผยให้เห็นว่าแม้เขาจะปิดประตูบ่มเพาะไปหลายเดือน ระดับพลังเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

อย่างไรก็ตาม หลินฮวงสังเกตเห็นว่าเสี่ยวโม่ได้ปล่อยความผันผวนพลังกฏเทพ และรับรู้ได้อย่างคลุมเครือว่ามันคือการตรัสรู้ธาตุลม

 

เห็นได้ชัดว่าแม้ระดับพลังของเสี่ยวโม่จะไม่พัฒนา แต่ความสามารถเขานั้นไม่เหมือนเดิม ตอนนี้ ต่อให้เขาเจอกับเทพเสมือนขั้นสูง เขาก็ควรมีพลังสู้ได้ แน่นอน นี่เป็นไปตามสมมติฐานที่คู่ต่อสู้เขาไม่มีพลังกฏเทพ

 

ศักยภาพของเสี่ยวโม่เกินความคาดหมายของหลินฮวงเพราะเสี่ยวโม่ใช้พลังกฏเทพได้ขณะที่ยังเป็นเทพเสมือนขั้น 3

 

หลินฮวงถอนจิตเทวะเขาและในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที หลินซินกับคนอื่นก็เข้าสู่สนามรบ

 

“พี่!”

จากระยะไกล หลินซินสังเกตเห็นหลินฮวง

 

หลินฮวงถอนจิตเทวะเขาและไม่ถึงครึ่งนาทีต่อมา หลินซินและคนอื่นก็เข้าสู่สนามรบ

 

“พี่!’

จากระยะไกล หลินซินสังเกตเห็นหลินฮวง

นางปิดประตูบ่มเพาะมากว่าครึ่งปี ซึ่งหมายความว่านางไม่เห็นหลินฮวงมานานถึงหกเดือน

 

“เจ้ามาแล้ว”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย

แม้จะควบคุมสนามรบด้วยมีดบินพลังจิตนับร้อย นี่ก็ไม่ส่งผลต่อเขาในการคุยกับผู้คนเลย

หลินซินวางแผนจะอวดผลการบ่มเพาะนางทันทีที่เห็นหลินฮวง แต่ทว่า นางก็สังเกตเห็นว่าหลินฮวงกำลังสู้และไม่กล้าขัดจังหวะเขา

 

นางอยากพูดว่า’พี่ ข้าเป็นเทพเสมือนขั้น9แล้ว!” แต่นางก็ต้องกลั้นมันเอาไว้

 

หลินฮวงกลับเป็นฝ่ายเริ่มคุยแทน

 

“ผลการบ่มเพาะเจ้าตลอดหกเดือนน่าทึ่งมาก เจ้าเป็นเทพเสมือนขั้น 9 แล้ว!”

เมื่อได้ยินหลินฮวงเผยระดับพลังนาง หลินซินก็รู้สึกอิ่มเอมใจและโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกมา’พี่ ข้าเองก็อยากร่วมสู้ด้วย!”

หลินฮวงพยักหน้า”ได้เลย งั้นเจ้าไปสนามรบเทพเสมือนละกัน”

 

หลินฮวงอนุญาตเพราะตอนนี้หลินซินมีความสามารถพอปกป้องตัวเองแล้ว ตราบเท่าที่นางไม่พบเทพแท้จริง ด้วยระดับพลังปัจจุบันนาง มีคนไม่มากที่สามารถต่อสู้กับนางได้

 

นอกจากนี้ คุณฟู่ยังอยู่ทางนั้นด้วย ร่วมกับหลินซวนและคนอื่น พวกเขาต้องคอยจับตาดูหลินซินแน่ ดังนั้น หลินฮวงจึงวางใจ สุดท้าย น้องสาวเขาต้องการโอกาสในการต่อสู้จริง

 

หลินซินไม่คิดว่าหลินฮวงจะตอบรับคำขอนางง่ายๆ

 

ก่อนนางจะมาขอบเหวนรก นางเตรียมวาทศิลป์หลายชุดเพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชายนาง

 

แต่ทว่า หลินฮวงกลับตอบรับทันทีโดยที่นางไม่ต้องอ้อนวอนเลย

 

“ข้ารักพี่ที่สุด!”

 

จากนั้นนางก็ทิ้งเสี่ยวโม่ตรงไปสนามรบที่คุณฟู่กับหลินซวนอยู่

 

“ฝ่าบาท ข้าเองก็จะไปสนามรบเทพเสมือนเหมือนกัน”เสี่ยวโม่รีบพูด

“ตามสบาย ด้วยความสามารถเจ้า เจ้าจะดูแลตัวเองได้”หลินฮวงพยักหน้า

 

เสี่ยวโม่สับนสนเล็กน้อย แม้เขาจะรู้ว่าความสามารถเขาพัฒนา แต่เขาไม่รู้ว่ามันพัฒนามากขึ้นแค่ไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสามารถใหม่ที่เขาใช้ได้คือพลังกฏเทพ

 

ขณะมองทั้งสองเข้าร่วมสนามรบเทพเสมือน หลินฮวงถึงละสายตาไปมองทาสดาบที่เพิ่งมาถึง

 

“ขอบคุณสำหรับความพยายามตลอดครึ่งปีของเจ้ามาก”

“นี่เป็นหน้าที่ของบ่าว”ดาบ106ก้มหัว

“เลขประจำตัวเจ้าคือ..”
“ดาบ106ครับ”

“เอาละ ข้าจำไว้แล้ว”หลินฮวงพยักหน้า”งั้นเจ้าก็ไปร่วมสนามรบด้วยเถอะ”

“ขอรับ ฝ่าบาท!”ดาบ106ก้มหัวอีกครั้ง หลังลุกขึ้น ร่างเขาก็บินขึ้นฟ้า ทะยานเข้าหาสนามรบเทพแท้จริงขั้นกลาง

 

หลังทาสดาบจากไป หลินฮวงก็หันไปมองบริเวณที่พวกเทพเสมือนกำลังสู้

 

เมื่ออยู่บนสนามรบ หลินซินกับเสี่ยวโม่ก็ตั้งท่าสู้อย่างรวดเร็ว

 

หลินซินสวมเกราะเงินและปืนพกคู่ สาดกระสุนออกไปอย่างดุเดือด กระสุนแต่ละนัดทะลุหัวมอนสเตอร์ด้วยความแม่นยำ จากนั้นหัวมอนสเตอร์ก็จะระเบิด

 

อุปกรณ์ของนางวิวัฒนาการจากอาวุธเซียนที่หลินฮวงมอบให้ และทั้งหมดก็มีสามชิ้น

หนึ่งชิ้นได้พัฒนาเป็นชุดเกราะ อีกชิ้นเป็นอาวุธปืน สุดท้ายแปลงเป็นอาวุธจิตวิญญาณที่คอยปกป้องในตัวนาง

 

ไม่ไกลจากหลินซิน เสี่ยวโม่ได้แปลงเป็นเงาดำและแหวกผ่านสนามรบ เขาไม่มีความเข้าใจดีถึงควาสามารถตัวเองและเลือกคู่ต่อสู้เป็นเทพเสมือนขั้นต้นทั้งหมด ระหว่างการโจมตี มอนสเตอร์เทพเสมือนขั้นต้นแต่ละตัวถูกฆ่าง่ายๆ ไม่มีตัวใดสามารถแตะชายเสื้อเขาได้เลย…