บนชั้นสามขอบเหวนรก พื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นสมรภูมิรบ แต่ก็มีความแตกต่างชัดเจนระหว่างสนามรบแต่ละแห่ง
สนามรบเทพเสมือนนำโดยเทพเสมือนขั้น 9 เช่นคุณฟู่กับหลินซวน และนักสู้เผ่าแมลงก็คือทัพหลัก ด้วยจำนวนที่เหลื่อมล้ำกันน้อยสุด การต่อสู้ส่วนนี้จึงดูรุนแรงสุด
สนามรบของเทพแท้จริงแบ่งออกเป็นสามส่วน
เทพแท้จริงขั้นต่ำนำดดยมอนสเตอร์อัญเชิญและวิญญาณต่อสู้ของหลินฮวง จำนวนสนามรบนี้มีความเหลื่อมล้ำมาก แต่นี่เป็นส่วนที่หลินฮวงกังวลน้อยสุด
เขตแดนเทพเขาลอบกระจายออกไปเงียบๆ และภายในรัศมีของสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ มอนสเตอร์เขาจะคืนชีพได้
สำหรับวิญญาณต่อสู้รูปแกะสลักเทพ พวกมันคือศพแต่แรกแล้ว ตราบเท่าที่พลังวิญญาณที่ขับเคลื่อนพวกมันไม่หาย พวกมันก็จะไม่ตาย ต่อให้ร่างกายพวกมันจะเสียหายรุนแรงและสู้ต่อไม่ได้ พวกมันก็จะฟื้นคืนภายใน 24 ชั่วโมงหลังถูกโยนเข้าหลุมฟื้นฟูของเผ่าแมลงสักพัก
ส่วนสนามรบเทพแท้จริงขั้นกลาง หลินฮวงไม่กังวลเลย
แม้จำนวนทาสดาบจะเป็นแค่หนึ่งในเจ็ดของผู้รุกราน ทาสดาบก็ล้วนเป็นเทพแท้จริงขั้น 6 และความสามารถก็เกือบถึงเทพแท้จริงขั้น 7 การจัดการกับกลุ่มมอนสเตอร์ที่ไร้ระเบียบไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
หากหลินฮวงไม่ออกคำสั่งล่วงหน้า ผู้รุกรานของสนามรบนี้คงตายกันไปแล้ว
สำหรับสนามรบเทพแท้จริงขั้นสูง หลินฮวงแค่ควบคุมมันด้วยมือเดียว
จากมีดบินพลังจิตหลายร้อยที่วิวัฒนาการจากอาวุธเซียน แต่ละเล่มได้รับมอบหมายให้จัดการผู้รุกรานแต่ละตัว ตั้งแต่ที่พวกมันข้ามมิติมา พวกมันก็ถูกมีดบินพัวพันไม่หยุด
หากพวกมันประมาท ร่างของพวกมันจะถูกแทงจนพรุน
เหมือนเกมแมวจับหนู มีดบินพลังจิตล้อมกลุ่มเทพแท้จริงขั้นสูงไว้จนไม่สามารถหลบหนีได้ต่อให้อยาก นับประสาอะไรกับการยุ่งสนามรบอื่น
ขณะที่หลินฮวงกำลังเพลิดเพลินกับการควบคุมที่เขามีเหนือสนามรบ เขาพลันสัมผัสได้ถึงกำลังเสริมที่มาจากขอบเหวนรกชั้นสาม
หลังกวาดจิตเทะวออกไป เขาก็พบว่ามันคือหลินซินกับเสี่ยวโม่ ยังมีอีกคนที่คุ้นหน้า หลินฮวงจำได้ว่ามันคือทาสดาบ แต่ไม่รู้เลข
แต่ทว่า หลังจิตเทวะเขากวาดออกไป หลินฮวงก็ถึงกับผงะ
นี่เพราะเขาตระหนักว่าหลินซินเป็นเทพเสมือนขั้น 9 แล้ว ซึ่งสูงกว่าเขาถึงสามขั้น
‘ร่างกายของนางน่าอิจฉาจริงๆ’หลินฮวงพูดไม่ออก เขาต้องตามล่าหาทรัพยากรอย่างสิ้นหวังและเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 6 ในโลกกรวด ไม่มีทางที่เขาจะก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้
แต่ทว่า หลินซินกลับแค่ต้องกินแก่นเทวะ และในเวลาเพียงหกเดือน นางกลับเลื่อนถึง 9 ขั้นจากจักรพรรดิทองม่วงเป็นเทพเสมือนขั้น 9 มันดูง่ายเกินไป!
กลับกัน เสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างนางกลับเผยให้เห็นว่าแม้เขาจะปิดประตูบ่มเพาะไปหลายเดือน ระดับพลังเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
อย่างไรก็ตาม หลินฮวงสังเกตเห็นว่าเสี่ยวโม่ได้ปล่อยความผันผวนพลังกฏเทพ และรับรู้ได้อย่างคลุมเครือว่ามันคือการตรัสรู้ธาตุลม
เห็นได้ชัดว่าแม้ระดับพลังของเสี่ยวโม่จะไม่พัฒนา แต่ความสามารถเขานั้นไม่เหมือนเดิม ตอนนี้ ต่อให้เขาเจอกับเทพเสมือนขั้นสูง เขาก็ควรมีพลังสู้ได้ แน่นอน นี่เป็นไปตามสมมติฐานที่คู่ต่อสู้เขาไม่มีพลังกฏเทพ
ศักยภาพของเสี่ยวโม่เกินความคาดหมายของหลินฮวงเพราะเสี่ยวโม่ใช้พลังกฏเทพได้ขณะที่ยังเป็นเทพเสมือนขั้น 3
หลินฮวงถอนจิตเทวะเขาและในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที หลินซินกับคนอื่นก็เข้าสู่สนามรบ
“พี่!”
จากระยะไกล หลินซินสังเกตเห็นหลินฮวง
หลินฮวงถอนจิตเทวะเขาและไม่ถึงครึ่งนาทีต่อมา หลินซินและคนอื่นก็เข้าสู่สนามรบ
“พี่!’
จากระยะไกล หลินซินสังเกตเห็นหลินฮวง
นางปิดประตูบ่มเพาะมากว่าครึ่งปี ซึ่งหมายความว่านางไม่เห็นหลินฮวงมานานถึงหกเดือน
“เจ้ามาแล้ว”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย
แม้จะควบคุมสนามรบด้วยมีดบินพลังจิตนับร้อย นี่ก็ไม่ส่งผลต่อเขาในการคุยกับผู้คนเลย
หลินซินวางแผนจะอวดผลการบ่มเพาะนางทันทีที่เห็นหลินฮวง แต่ทว่า นางก็สังเกตเห็นว่าหลินฮวงกำลังสู้และไม่กล้าขัดจังหวะเขา
นางอยากพูดว่า’พี่ ข้าเป็นเทพเสมือนขั้น9แล้ว!” แต่นางก็ต้องกลั้นมันเอาไว้
หลินฮวงกลับเป็นฝ่ายเริ่มคุยแทน
“ผลการบ่มเพาะเจ้าตลอดหกเดือนน่าทึ่งมาก เจ้าเป็นเทพเสมือนขั้น 9 แล้ว!”
เมื่อได้ยินหลินฮวงเผยระดับพลังนาง หลินซินก็รู้สึกอิ่มเอมใจและโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกมา’พี่ ข้าเองก็อยากร่วมสู้ด้วย!”
หลินฮวงพยักหน้า”ได้เลย งั้นเจ้าไปสนามรบเทพเสมือนละกัน”
หลินฮวงอนุญาตเพราะตอนนี้หลินซินมีความสามารถพอปกป้องตัวเองแล้ว ตราบเท่าที่นางไม่พบเทพแท้จริง ด้วยระดับพลังปัจจุบันนาง มีคนไม่มากที่สามารถต่อสู้กับนางได้
นอกจากนี้ คุณฟู่ยังอยู่ทางนั้นด้วย ร่วมกับหลินซวนและคนอื่น พวกเขาต้องคอยจับตาดูหลินซินแน่ ดังนั้น หลินฮวงจึงวางใจ สุดท้าย น้องสาวเขาต้องการโอกาสในการต่อสู้จริง
หลินซินไม่คิดว่าหลินฮวงจะตอบรับคำขอนางง่ายๆ
ก่อนนางจะมาขอบเหวนรก นางเตรียมวาทศิลป์หลายชุดเพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชายนาง
แต่ทว่า หลินฮวงกลับตอบรับทันทีโดยที่นางไม่ต้องอ้อนวอนเลย
“ข้ารักพี่ที่สุด!”
จากนั้นนางก็ทิ้งเสี่ยวโม่ตรงไปสนามรบที่คุณฟู่กับหลินซวนอยู่
“ฝ่าบาท ข้าเองก็จะไปสนามรบเทพเสมือนเหมือนกัน”เสี่ยวโม่รีบพูด
“ตามสบาย ด้วยความสามารถเจ้า เจ้าจะดูแลตัวเองได้”หลินฮวงพยักหน้า
เสี่ยวโม่สับนสนเล็กน้อย แม้เขาจะรู้ว่าความสามารถเขาพัฒนา แต่เขาไม่รู้ว่ามันพัฒนามากขึ้นแค่ไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสามารถใหม่ที่เขาใช้ได้คือพลังกฏเทพ
ขณะมองทั้งสองเข้าร่วมสนามรบเทพเสมือน หลินฮวงถึงละสายตาไปมองทาสดาบที่เพิ่งมาถึง
“ขอบคุณสำหรับความพยายามตลอดครึ่งปีของเจ้ามาก”
“นี่เป็นหน้าที่ของบ่าว”ดาบ106ก้มหัว
“เลขประจำตัวเจ้าคือ..”
“ดาบ106ครับ”
“เอาละ ข้าจำไว้แล้ว”หลินฮวงพยักหน้า”งั้นเจ้าก็ไปร่วมสนามรบด้วยเถอะ”
“ขอรับ ฝ่าบาท!”ดาบ106ก้มหัวอีกครั้ง หลังลุกขึ้น ร่างเขาก็บินขึ้นฟ้า ทะยานเข้าหาสนามรบเทพแท้จริงขั้นกลาง
หลังทาสดาบจากไป หลินฮวงก็หันไปมองบริเวณที่พวกเทพเสมือนกำลังสู้
เมื่ออยู่บนสนามรบ หลินซินกับเสี่ยวโม่ก็ตั้งท่าสู้อย่างรวดเร็ว
หลินซินสวมเกราะเงินและปืนพกคู่ สาดกระสุนออกไปอย่างดุเดือด กระสุนแต่ละนัดทะลุหัวมอนสเตอร์ด้วยความแม่นยำ จากนั้นหัวมอนสเตอร์ก็จะระเบิด
อุปกรณ์ของนางวิวัฒนาการจากอาวุธเซียนที่หลินฮวงมอบให้ และทั้งหมดก็มีสามชิ้น
หนึ่งชิ้นได้พัฒนาเป็นชุดเกราะ อีกชิ้นเป็นอาวุธปืน สุดท้ายแปลงเป็นอาวุธจิตวิญญาณที่คอยปกป้องในตัวนาง
ไม่ไกลจากหลินซิน เสี่ยวโม่ได้แปลงเป็นเงาดำและแหวกผ่านสนามรบ เขาไม่มีความเข้าใจดีถึงควาสามารถตัวเองและเลือกคู่ต่อสู้เป็นเทพเสมือนขั้นต้นทั้งหมด ระหว่างการโจมตี มอนสเตอร์เทพเสมือนขั้นต้นแต่ละตัวถูกฆ่าง่ายๆ ไม่มีตัวใดสามารถแตะชายเสื้อเขาได้เลย…