ตอนที่ 229

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 229: กำนัลลูกถีบถ้วนหน้า

 

หลังจากหลี่ห้วนกลิ้งหลุนๆ ลงบันไดไป ก็พลันส่งเสียงคำรามออกมา “ไอ้ลูกสำส่อน กล้าโจมตีข้าอย่างงั้นเหรอ!”

 

หลี่ห้วนระเบิดความโกรธพร้อมกับวิ่งขึ้นมาจากข้างล่าง ตามมาด้วยศิษย์น้องทั้งหลายของเขา พร้อมกับมองมาที่เขาแล้วพูดอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าหนู เจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างงั้นเหรอ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร!”

 

“โทษทีนะ ที่ข้ารู้คือ เจ้าเป็นคนโจมตีข้าไม่ใช่เหรอเมื่อกี้นี้น่ะ” อี้เทียนหยุนตอบกลับอย่างเฉยชา

 

“มารดามันเถอะ หาที่ตาย!” หลี่ห้วนประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน จากนั้นที่ฝ่ามือของเขาก็เหมือนกับมีลมหมุน ก่อให้เกิดเป็นรูปใบมีด พร้อมกับสับลงมาที่เขา ด้วยพลังระดับหลอมรวมขั้นที่ 3 ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป เมื่อรับฝ่ามือนี้เข้าไปจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน

 

อี้เทียนหยุนมีสายตาเย็นชาวาบผ่าน พร้อมกับยกเท้าขึ้น “เปรี้ยง” ถีบหลี่ห้วนกระเด็นไป ตามมาด้วยสหายของเขาที่โดนลูกถีบกันถ้วนหน้า ทำให้พวกเขาต้องกระเด็นตกบันไดกันอีกครั้ง

 

เหตุการณ์นี้ทำให้แขกหลายคนชำเลืองมอง กระทั่งมีหลายคนเดินออกมาจากห้อง พร้อมกับมองมายังที่นี่ ดูว่าทำไมที่นี่เสียงดัง เกิดอะไรขึ้น

 

“ประมุข?” เสียงของผู้อาวุโสใหญ่ดังมาจากข้างหลัง พร้อมๆ กับเดินมาหาพร้อมกับมู่เซียนเอ๋อ

 

เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมา จึงได้เปิดประตูออกมาดู และก็พบว่าเป็นประมุขของตัวเองที่กำลังยืนอยู่ข้างนอก

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกเดินมา นอกจากมู่เซียนเอ๋อแล้ว ยังมีผู้จัดการอีกสองคน คนที่พวกเขาพามานั้นไม่เยอะ ผู้จัดการเหอก็ไม่ได้พามา แต่ให้เธอคอยดูแลประมุขที่อยู่ที่วังเทียนจี๋

 

“ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องเล็กน้อย” อี้เทียนหยุนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า!!” หลี่ห้วนร้องออกมา พร้อมกับตะกายลุกขึ้น จากนั้นก็พลันร้องเสียงแผ่วออกมา “นะ นายน้อย…..”

 

จากนั้นก็ได้มีคนเดินขึ้นมาจากข้างล่าง เป็นคุณชายหนุ่มรูปหล่อเดินขึ้นบันไดมา ในมือของเขากำลังโบกพัดเบาๆ เพื่อเอาลมเย็นๆ เข้าหาตัว รูปลักษณ์ของเขาดูละเอียดและงดงาม ดูราวกับบัณฑิต เห็นได้ชัดว่าเป็นศิษย์ของขุมอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ดูจากท่วงท่าที่แสดงออกมา สูงส่งกว่าคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

 

หลี่ห้วนกับพวกคนนั้นพากันคารวะอยู่เบื้องหลัง และเมื่อมองขึ้นมายังอี้เทียนหยุน ความโกรธก็พลันปะทุขึ้นทันที ราวกับจะใช้สายตาบดขยี้อี้เทียนหยุนให้เป็นชิ้นๆ ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขาทำได้เพียงกล้ำกลืนไว้เท่านั้น พร้อมกับเดินกะเผลก แม้ว่าเท้านั้นของอี้เทียนหยุนจะไม่หนักมาก แต่ก็ยังคงหนักอยู่ดี อย่างน้อยก็ทำให้ซี่โครงของเขาร้าวได้

 

“เจ้าเป็นคนของวังเทียนจี๋อย่างงั้นเหรอ?” หลินเฟิงมองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา

 

“ถ้าใช่แล้วทำไม?” อี้เทียนหยุนตอบกลับเบาๆ

 

“ก็ไม่มีอะไร เป็นแค่สำนักสวะ แต่กลับกล้าทำตัวอวดดี ทั้งยังทำร้ายคนของข้า! จะตีสุนัขต้องดูเจ้าของ คำนี้เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไง!” หลินเฟิงมองพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า “หลี่ห้วน ใครเป็นคนทำร้ายเจ้าเมื่อกี้นี้?”

 

“เป็นมัน!” หลี่ห้วนชี้ไปยังอี้เทียนหยุนแล้วพูดขึ้น

 

“อืม ข้าไม่อยากเปลืองมือด้วยสิ ฉะนั้น เจ้าจงม้วนตัวออกไปจากที่นี่ซะ แล้วข้าจะไม่สืบสาวราวเรื่องกับเจ้า…. และจะไม่เอาเรื่องวังเทียนจี๋ของพวกเจ้าด้วย!” หลินเฟิงพูดอย่างเย็นชา

 

เขาเน้นคำว่าวังเทียนจี๋โดยเฉพาะ เห็นได้ชัดว่าเขาดูถูกวังเทียนจี๋ที่ตกต่ำลง จนลดระดับลงไปเทียบเท่ากับขุมอำนาจชั้น 2 ต่อให้จะแท้จริงแล้ววังเทียนจี๋จะเหนือกว่าขุมอำนาจชั้น 2 มาก แต่สำหรับขุมอำนาจชั้น 3 แล้ว ขุมอำนาจชั้น 2 ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากขยะ จะบดบี้ยังไงก็ได้ตามใจ

 

“จะไม่เอาเรื่องวังเทียนจี๋ของพวกเราอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่ออกหน้า พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่างเป็นวาจาที่สามหาวนัก ข้าคิดว่านี่ไม่น่าใช่คำพูดของพวกที่ลงมือก่อน เรื่องนี้คนของเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม”

 

เขาไม่ได้เรียกว่าประมุข ด้วยเพราะนี่ถือว่าเป็นความลับ ถึงยังไงหลังจากนี้ประมุขวัยเยาว์คนนี้ของพวกเขาก็ต้องทำให้ทุกคนรู้เป็นวงกว้างอยู่ดี

 

“ข้าจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าข้าขี้เกียจลงมือ ไม่อย่างนั้นข้าคงตัดมือมันทิ้งไปแล้ว” ระดับของหลินเฟิงคนนี้ไม่ได้สูงนัก อยู่เพียงระดับหลอมรวมขั้นที่ 5 แต่ว่าคนคุ้มกันที่อยู่ข้างๆ เขานั้นกลับมีระดับที่สูงถึงระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 6 ซึ่งสูงกว่าระดับของผู้อาวุโสใหญ่ของวังเทียนจี๋

 

ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว คนพวกนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เขารู้ว่าอี้เทียนหยุนจะต้องไม่ใช่คนเริ่มลงมืออย่างแน่นอน ปัญหาจะต้องมาจากอีกฝั่งแน่ๆ

 

แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง แต่กับสำนักใหญ่แล้ว ฝั่งตัวเองถูกเสมอ!

 

อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา “ข้าก็จะขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ถ้าไม่หลีกทาง ข้าจะกระทืบให้จมดินทุกคน!”

 

นัยน์ตาหลินเฟิงหดลง เขาว่าเขาหยิ่งแล้ว แต่ไม่คิดว่าเจ้าหนูนี่จะหยิ่งยิ่งกว่าเขา จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น พร้อมกับชี้มาที่อี้เทียนหยุน และพูดอย่างเย็นชาว่า “วังเทียนจี๋ที่ไร้ความสามารถ แต่กลับกล้าทำตัวผยอง….. กำจัดมันซะ!”

 

ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณที่ยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ พลันกระโจนเข้าใส่อี้เทียนหยุน ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ก็รีบเข้ามารับมือโดยไว หวังจะช่วยป้องกันการโจมตีนี้ให้อี้เทียนหยุน แต่อี้เทียนหยุนกลับเร็วกว่า เขายกเท้าถีบ “เปรี้ยง” ออกไป ส่งร่างผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกระเด็นจากระเบียงไป ก่อนที่จะกระแทกหนักๆ ลงกับพื้น ทั่วทั้งร่างยุบยวบ เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเท้านี้ของอี้เทียนหยุนนั้นหนักแค่ไหน!

 

“ต่อไปตาเจ้า” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปหาหลินเฟิง

 

หลินเฟิงกับพวกหวาดกลัว ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณยังถูกถีบกระเด็นในพริบตา แล้วอย่างพวกเขาจะไปทำอะไรได้!

 

“เจ้า เจ้ากล้าลงมือกับข้าอย่างงั้นเหรอ? ข้า ข้าเป็นคนของวังเสินเหวินนะ….” หลินเฟิงตัวสั่น หวาดกลัวกับพลังที่อี้เทียนหยุนแสดงออกมา

 

“ไสหัวไป!”

 

อี้เทียนหยุนถีบเท้าออกไปอย่างแรง หลินเฟิงรีบป้องกัน แต่อย่างเขาจะไปป้องกันลูกถีบที่น่ากลัวอย่างนี้ได้ยังไง ทำให้เขาถูกถีบกระเด็นจากระเบียงตามไปอีกคน ก่อนที่จะกระแทกลงพื้นอย่างหนัก

 

“ปัง” เขาไม่เหลือกลิ่นอายแห่งชีวิตแม้แต่น้อย

 

“ติ๊ง ท่านสังหารหลินเฟิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 23,000, ค่าความคลั่ง 2,400, ค่าความชั่ว 30, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 500, วิชาเทียนหยาง, พัดขนนกจื่อจิน”

 

“หือ? ตายเลยเหรอ?” อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่คิดว่าหลินเฟิงคนนี้จะเปราะบางขนาดนี้ เขาแค่อยากจะสั่งสอน แต่ไม่คิดสักนิดว่าหลินเฟิงคนนี้จะเปราะบางอย่างนี้ เพียงแค่ตกจากชั้น 3 ก็ถึงกับตายซะแล้ว

 

เรื่องนี้จะยังไงก็ช่าง ถึงยังไงเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว

 

จากนั้นเขาก็กำนัลเท้าให้กับพวกหลี่ห้วนที่เหลือ ทำให้พวกเขากระเด็นตกระเบียงไปตามๆ กัน ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่โชคของพวกเขายังดีหน่อยที่ไม่ถึงกับตาย

 

คนกลุ่มนี้พากันส่งเสียงครวญครางอยู่ในโถงใหญ่ เพราะการตกลงมานี้รุนแรงมาก

 

ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นลุกขึ้นมาโดยไม่ส่งเสียง พร้อมกับแบกศพของหลินเฟิงขึ้น ในความกลัวยังแฝงไว้ด้วยความโกรธ เขาจ้องไปทางอี้เทียนหยุนอย่างดุร้ายคราหนึ่ง จากนั้นก็พาหลินเฟิงจากไป คำพูดสักคำก็ไม่ทิ้งไว้ ราวกับเป็นใบ้ หรือไม่ก็ไม่อยากพูด

 

“ประมุข นี่ นี่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ?” ผู้อาวุโสใหญ่มองดูกลุ่มศิษย์วังเสินเหวินถูกถีบกระเด็นก็ให้รู้สึกตกใจ

 

มู่เซียนเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้เห็นความโอหังของอี้เทียนหยุนเช่นกัน เธอไม่เคยเห็นความโอหังเช่นนี้มาก่อน บอกว่าถีบเป็นถีบ แต่ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นถึงวังเสินเหวินซึ่งเป็นขุมอำนาจชั้น 3 และเมื่อเทียบกับพวกเธอแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามากนัก!

 

“ยิ่งอดทนก็จะยิ่งทำให้อ่อนแอ แล้วจะทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเรารังแกได้ง่ายๆ…..” สายตาของอี้เทียนหยุนหันมา “ในเมื่อข้าคือประมุข ข้าก็ควรจัดการเรื่องบางอย่างให้กับวังเทียนจี๋ พร้อมทั้งปกป้องศักดิ์ศรีของวังเทียนจี๋เรา!”

 

ยิ่งอดทนยิ่งถูกรังแก ตอนนิกายเทียนเฉวียนของพวกเขาก็เช่นกัน ยิ่งอดทนยิ่งพาความแตกดับเข้ามาสู่ตน!