ตอนที่ 195 โอสถมังกรเพลิง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

“ไม่เลว ข้ายอมรับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าจึงไม่แสดงให้ข้าเห็นว่าอะไรคือความสามารถที่แท้จริงในการปรุงยาที่ดีที่สุดของเจ้า” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

หวังชูเหรินมั่นใจในความสามารถของตนเอง เธอพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจักปรุงยาระดับสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง “โอสถมังกรเพลิง” ให้ท่าน มันเป็นยาที่มีมาพร้อมกับการก่อตั้งนิกายดอกบัวเพลิง”

 

“อ-อาจารย์ แล้วพวกผู้คนที่รออยู่ด้านนอกเหล่านี้ล่ะ พวกเขารอมาหลายชั่วโมงเพื่อโอสถดอกบัวเพลิง” เซียวยาเหวินถามเธอด้วยท่าทางเป็นกังวล

 

ถ้าหวังชูเหรินทำให้พวกเขาต้องรอนานเกินไป พวกเขาอาจจะเริ่มบ่น ถึงแม้ว่าพวกเขาเป็นนิกายดอกบัวเพลิง พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะล่วงเกินกลุ่มอำนาจต่างๆได้มากมายในครั้งเดียว

 

“บอกพวกเขาว่าข้ามีธุระสำคัญที่จะต้องทำและจะกลับมาอาทิตย์หน้า ถ้าพวกเขามิสามารถรอได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ลืมเรื่องโอสถดอกบัวเพลิงไปได้เลย ถ้าพวกเขายินดีที่จะรอ ข้าจักเพิ่มจำนวนโอสถดอกบัวเพลิงสำหรับแต่ละคนเป็นห้าเม็ด” หวังชูเหรินกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับเซียวยาเหวิน

 

“อ-อาจารย์…ท่านต้องการข้าไปบอกคนเหล่านี้ให้กลับมาทีหลังงั้นหรือ” เซียวยาเหวินอยากร้องไห้ แม้ว่าเธอจะเป็นศิษย์ในและเป็นศิษย์ตรงของหวังชูเหริน เธอไม่มีความสามารถที่จะบอกคนที่มีอำนาจและชื่อเสียงให้จากไปหลังจากที่พวกเขาได้รอเป็นเวลานาน

 

“พวกเขาคงกินข้าทั้งเป็น…” เธอพึมพัมพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

 

หวังชูเหรืินส่ายหน้าหลังจากที่เห็นท่าทางน่าสงสารของเธอและออกไปด้วยตนเอง

 

“ข้าต้องขอโทษที่ต้องออกมาประกาศอย่างกระทันหัน ข้าเข้าใจดีว่าทุกท่านได้เฝ้ารอโอสถดอกบัวเพลิง แต่บางสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับข้าได้มาถึง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถที่จะทำธุรกิจต่อได้ในวันนี้ เพื่อเป็นการขอโทษในวันนี้และขอบคุณต่อความเข้าใจของพวกท่าน ข้าจักเพิ่มจำนวนโอสถดอกบัวเพลิงที่แต่ละคนได้รับจากสามเป็นห้า และข้ายังลดราคาให้ทุกท่านที่มาวันนี้สิบเปอร์เซนต์เมื่อท่านกลับมาใหม่”

 

หวังชูเหรินพูด้ายท่าทางงดงามสง่าผ่าเผย เหมือนกับเมื่อตอนเธอทำงานที่โรงประมูลดอกบัวเพลิง เสียงของเธอก็มีประสิทธิภาพเช่นนี้ ซึ่งปกติแล้วไม่มีใครที่จะกล่าวโทษเธอหลังจากที่ได้ยินเสียงสดใสและเห็นใบหน้าซื่อสัตย์ของเธอ

 

“ช่วยไม่ได้ถ้าผู้อาวุโสหวังมีธุระ ข้าจักมาใหม่อย่างเร็วที่สุดเมื่อท่านสามารถขายโอสถดอกบัวเพลิงอีกครั้ง”

 

“ใช่แล้ว และไม่มีความจำเป็นสำหรับท่านผู้อาวุโสหวังจะต้องขอโทษ ข้ามั่นใจว่าตระกูลเฉิงต้องเข้าใจ”

 

“สำนักพันกระบี่ก็เข้าใจเช่นกัน”

 

แทนที่จะตำหนิเรื่องการบอกเลิกอย่างกระทันหัน ผู้คนเหล่านี้กลับเห็นอกเห็นใจหวังชูเหรินแม้ว่าจะไม่พอใจ ในเมื่อพวกเขาไม่กล้าที่จะล่วงเกินเธอและทำให้หมดโอกาสที่จะซื้อโอสถดอกบัวเพลิง บ้าไปแล้ว กระทั่งพวกเขายังตะโกนบอกชื่อของตนเองเสียงดัง หวังว่าหวังชูเหรินจะจดจำพวกเขาได้

 

แม้ว่ายาเองอาจดูไม่น่าประทับใจ แต่ผลของมันประกันว่าคนที่อยู่เขตปฐมวิญญาณสามารถเข้าถึงเขตคัมภีร์วิญญาณได้อย่างแน่นอนได้ช่วยหลือหลายสำนักและตระกูลได้เป็นอันมาก ซึ่งพวกเขาล้วนมีคนมากมายที่เขตปฐมวิญญาณซึ่งยากที่จะผ่านไปถึงเขตคัมภีร์วิญญาณ

 

โอสถดอกบัวเพลิงนี้สามารถเพิ่มพลังอำนาจของตระกูลและสำนักเหล่านั้นอย่างง่ายดายอย่างน้อยหนึ่งระดับ ถ้าพวกเขามียาพอเพียง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าไม่มีใครที่นั่นกล้าที่จะล่วงเกินหวังชูเหริน ผู้ที่เป็นเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่สามารถปรุงยาเช่นนั้นในตอนนี้ เธอเป็นคนที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยเหลือพวกเขา

 

ครั้นเมื่อพื้นที่นั้นว่างเปล่าแล้ว หวังชูเหรินก็กลับไปในบ้าน

 

“ง่ายๆแค่นั้นแหละ” เธอกล่าวกับเซียวยาเหวิน ผู้ที่เห็นชัดว่าหวาดหวั่นกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ

 

เธอหันกายมาหาซูหยางและกล่าวว่า “ไปที่ห้องปรุงยาของข้ากันเถอะ”

 

หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องปรุงยา แต่ก่นที่จะเข้าไปหวังชูเหรินก็กล่าวกับเซียวยาเหวินว่า “ข้าจักไม่รับแขกหลายวันนี้”

 

ครั้นเมื่อพวกเขาอยู่ข้างในแล้ว หวังชูเหรินก็ถามซูหยางว่า “โอสถมังกรเพลิงจักใช้เวลาปรุงประมาณสี่ชั่วโมง หวังว่าท่านมิรังเกียจที่จะรอ”

 

ซูหยางนั่งลงอย่างเรียบง่ายที่มุมห้องและกล่าวว่า “ตามสบาย”

 

หวังซูเหรินพยักหน้าและไม่ชักช้าที่จะปรุงยาอีกต่อไป

 

สองสามวินาทีหลังจากนั้น หวังชูเหรินก็นำเอาสมุนไพรและตัวยาแตกต่างกันออกมาหลายสิบชนิดจากแหวนมิติและเริ่มตรวจสอบพวกมันทีละชิ้น

 

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอก็เริ่มกระบวนการบดยา ซึ่งใช้เวลาไปอีกสองชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น

 

แม้ว่าความเร็วของเธอถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับนักปรุงยาระดับสุดยอดในทวีปตะวันออก เธอยังช้ามากเมื่อเทียบกับซูเมิ่งอี้ ผู้ซึ่งสามารถเบียดนักปรุงยาทุกคนในทวีปนี้ให้อับอายด้วยความเร็วอันบ้าคลั่งของเธอได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะช้า ซูหยางก็ได้วิเคราะห์ทุกการกระทำของเธออย่างระมัดระวัง เพื่อดูว่าเธอสามารถที่จะปรุงโอสถแยกวิญญาณด้วยความสามารถในปัจจุบันนี้ได้หรือยัง

 

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

 

สี่ชั่วโมงหลังจากนั้น หวังชูเหรินก็เหงื่อท่วมตัว ราวกับว่าเธอเพิ่งขึ้นมาจากสระน้ำ เป็นเหตุให้เสื้อผ้าของเธอแนบชิดกับร่างและเปิดเผยถึงเรือนร่างอวบอิ่มและผิวผ่อง

 

จากบรรดาหญิงสาวที่เขาพบทั้งหมดในโลกนี้ หวังชูเหรินถือว่าเป็นจุดสุดยอดเนื่องมาจากมีเรือนร่างเย้ายวนมีเสน่ห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแตงโมสอบใบบนอกของเธอ

 

และเมื่อซูหยางได้เข้าใจความสามารถทั้งหมดของเธอในตอนนี้ เขาก็ใช้เวลาที่เหลือในการบำรุงสายตากับเรือนร่างอันงดงามของเธอ

 

“ข-ข้าเสร็จแล้ว…” หวังชูเหรินกล่าวด้วยเสียงระโหยหลังจากที่ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการสร้างเม็ดยา

 

ครั้นเมื่อเธอนำเอาเม็ดโอสถมังกรเพลิงออกมาจากเตา เธอก็นำมันใส่ไว้ในขวดยาและให้ซูหยางเพื่อตรวจสอบ

 

“ความบริสุทธิ์แปดสิบเปอร์เซนต์ ได้อย่างมากที่สุดก็คือคุณภาพระดับปานกลาง หึ” ซูหยางพูดหลังจากนั้นไม่นาน

 

“เช่นนั้นท่านคิดว่าเป็นอย่างไร ข้าสามารถที่จะปรุงยาของท่านได้หรือยัง” เธอถาม

 

ซูหยางส่ายหน้า “โชคร้าย เจ้ายังมิถึงระดับนั้น เจ้ามีโอกาสเพียงห้าสิบเปอร์เซนต์ในการที่จะปรุงออกมาให้สำเร็จในตอนนี้ แต่ข้ามีวัตถุดิบพอที่จะทำได้เพียงหนึ่งครั้ง”

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น….”

 

“ข้าจักสอนเจ้าจนกระทั่งข้ามั่นใจว่าเจ้าสามารถปรุงยาออกมาได้ร้อยเปอร์เซนต์”

 

“ข-เขากำลังจะสอนข้า” แม้ว่าหวังชูเหรินไม่ได้พูดอะไร ความตื่นเต้นใจในดวงตาเธอชัดเจนราวกับกลางวัน