ตอนที่ 1936 คนโง่ที่คิดว่าตัวเองถูกต้อง / ตอนที่ 1937 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1936 คนโง่ที่คิดว่าตัวเองถูกต้อง

ดวงตาของผู้อาวุโสชุดขาวเข้มขึ้น “ข้าไม่ได้เห็นพวกเขาสังหารใคร มีแต่เจ้าที่ไล่ล่าพวกเขา ข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากก้าวออกมาหยุดเจ้า”

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะบอกว่าคนกลุ่มนี้ฆ่าตัวตายงั้นหรือ หรือไม่พวกเขาก็สังหารหมู่กันเองงั้นสิ” อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาขณะที่พูดด้วยรอยยิ้มโกรธเคือง

ผู้อาวุโสชุดขาวทำหน้านิ่ง “ก็เป็นไปได้ “

“นี่เจ้าโง่หรือคิดว่าทุกคนปัญญาอ่อนกันแน่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนของข้าถูกพวกเขาสังหารแต่เจ้าก็ยังพูดอะไรไร้สาระโดยไม่กะพริบตาเลยงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงขยับเข้ามาใกล้ผู้อาวุโสทั้งสองมากขึ้น “พูด ใครส่งพวกเจ้ามา”

เมื่อได้ยินคำถามของนาง ผู้อาวุโสชุดขาวก็ไม่ได้สนใจนางแม้แต่น้อย “ข้าไม่รู้จักคนพวกนี้ เพียงแค่เดินผ่านมาเท่านั้น เมื่อข้าเห็นเจ้ารังแกคนอ่อนแอ ข้าก็อดรังเกียจการการกระทำของเจ้าไม่ได้จึงเข้ามาก้าวก่าย”

“ถ้าข้ายังยืนยันที่จะสังหารพวกเขาล่ะ” ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายอันตรายขณะที่เผยรอยยิ้มเดือดดาล

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไร้เหตุผล! ” น้ำเสียงของผู้อาวุโสชุดขาวยังคงเฉยชาแต่เขาก็ยื่นมือมาโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิงแล้ว

ผู้อาวุโสทั้งสองรู้เรื่องความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงมาจากพระสนมหลินแล้วจึงไม่ได้ดูถูกพลังของศัตรู ดังนั้นหลังจากที่ผู้อาวุโสชุดขาวโจมตี ผู้อาวุโสชุดเทาก็ร่วมมือกับเขาทันที ทั้งคู่ปลดปล่อยพลังเต็มที่อย่างโหดเหี้ยม

“ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ขว้างทางไม่ยอมให้ข้าสังหารศัตรู! ” เสียงโอหังของอวิ๋นลั่วเฟิงดังก้องไปทั่วท้องฟ้า

พร้อมกันนั้นนางก็เรียกเกราะเกล็ดมังกรออกมาขณะที่ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ พริบตาเดียวนางก็พุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสทั้งสอง…

พวกเขาทันเห็นประกายและเงาของกระบี่ได้ชัดเจน และการปะทะกันของพวกเขาก็ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน

ฉีซูยืนอยู่ภายในป่าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลขณะคอยมองอวิ๋นลั่วเฟิงที่สู้อยู่บนฟ้า

“แปลกจริง…” ฉีหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าเคยเจอผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ในราชวงศ์ แต่ข้าไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อนเลย”

ฉีซูสับสนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาฉีหลิง “หรือว่าพวกเขาจะไม่ได้ถูกพระสนมหลินส่งมา”

“ไม่ ข้าเชื่อว่าเป็นนางแน่ มีแต่คนอย่างนางเท่านั้นที่ทำเรื่องอะไรแบบนี้” ฉีหลิงส่ายหน้าขณะพูด

“ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้น” ฉีซูถามพร้อมขมวดคิ้วอย่างกังวล

เมื่อโม่เชียนเฉิงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้น “พวกเจ้าไม่เคยได้ยินวิชาแปลงโฉมหรืออย่างไร”

พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายได้ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาปรับเปลี่ยนใบหน้าของตัวเองได้ ถึงอย่างไรการที่คนผู้ถูกเรียกว่าพระสนมหลินทำเรื่องแบบนี้ นางก็ต้องไม่ยอมให้เหลือร่องรอยไว้สาวถึงตัวแน่นอน ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่นางจะสั่งให้พวกเขาปลอมตัว

โม่เชียนเฉิงอดไม่ได้จะเหลือบมองอวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังติดพันกับการต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งสอง แต่เมื่อดูจากดวงตาสีดำสนิทของเขาก็บอกไม่ได้ว่าภายในใจเขาคิดอะไร

บนท้องฟ้า อวิ๋นลั่วเฟิงไม่สามารถต่อกรกับศัตรูของนางได้อย่างง่ายดายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งนางจะเคยเอาชนะผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ได้แต่นั่นก็เป็นเพราะอีกฝ่ายมีคนเดียว

ตอนนี้มีศัตรูอยู่ตรงหน้านางถึงสองคน! อีกอย่างเกราะเกล็ดมังกรก็ยังมีเวลาจำกัดและนางก็ต้องกำจัดพวกเขาให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่นางเสียเกราะเกล็ดมังกรไป ก็เป็นไม่ได้เลยที่จะจัดการกับพวกเขา

ตูม!

จู่ๆ ผู้อาวุโสในชุดสีเทาก็มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วเขาก็ปล่อยหมัดเข้าที่แผ่นหลังของนางจนทำให้นางกระเด็นออกไปไกล นางเงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ดวงตาที่เป็นประกายเย็นชา

“แม่นางอวิ๋น! ” หัวใจของฉีซูกระตุกขณะที่เขารู้สึกเกลียดที่ตัวเองอ่อนแอ ถ้าเขาไม่อ่อนแอขนาดนี้ อย่างน้อยเขาก็คงช่วยเหลือนางในเวลาแบบนี้ได้

ตอนที่ 1937 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (1)

“แม่นาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา” ชายชราในชุดสีขาวมองหญิงสาวชุดขาวตรงหน้าเขาแล้วพูดเบาๆ ว่า “กรรมจะตามสนองเจ้า! ในเมื่อเจ้าสังหารคน ตอนนี้ก็ถึงเวลาต้องชดใช้แล้ว!”

อวิ๋นลั่วเฟิงเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วยกยิ้ม “ข้าเองก็อยากสอนให้พวกเจ้ารู้จักคำว่า ผู้ที่ทำบาปจะจบลงด้วยความตาย!”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ชายชราในชุดสีขาวก็หน้าบึ้งแล้วส่งเสียงขึ้นจมูก “เจ้าปากร้ายจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าหยาบคาย!”

ตูม!

ทันใดนั้นชายชราชุดขาวก็ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังที่พัดไปทั่วท้องฟ้าราวกับน้ำไหลบ่า ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีเทาทันที

อวิ๋นลั่วเฟิงยืนถือกระบี่ยาวไว้ในมือต้านลมอยู่กลางอากาศ นางดูเมินเฉยขณะที่เส้นผมยาวสีดำของนางหลิวไปตามสายลมแรง

“นายหญิง ไม่ให้อวิ๋นอี้และเสี่ยวฉงออกมาช่วยท่านสู้หรือ” เสียงวิตกของเสี่ยวโม่ดังขึ้นจากจิตของนาง

เสี่ยวฉงและอวิ๋นอี้ผ่านด่านเลื่อนขึ้นเป็นขั้นเซียนแล้วและหนึ่งในนั้นยังเป็นต้นกำเนิดของบรรพบุรุษเผ่ามังกรด้วย ส่วนอีกหนึ่งเป็นหุ่นเชิดที่เป็นอมตะ ด้วยความสามารถของเซียน พวกเขาต้องสามารถร่วมมือกับนางเพื่อจัดการผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์สองคนนี้ได้

แต่ว่า…

อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้าอย่างมุ่งมั่น “ไม่ ข้าจัดการได้ อีกอย่างเมื่อหลายวันก่อนข้าก็ถึงจุดคอขวดแล้ว ไม่แน่การต่อสู้ครั้งนี้อาจจะช่วยข้าให้เลื่อนขั้นได้!”

อวิ๋นลั่วเฟิงพร้อมที่จะสู้ชายชราทั้งสองมาตั้งแต่แรกแล้ว ถึงแม้ว่านางจะแพ้ ในมือนางก็ยังมีเสี่ยวฉงและอวิ๋นอี้ นางมาถึงจุดคอขวดแล้วดังนั้นนางจึงอยากสู้กับพวกเขาตามลำพัง

ตูม!

ระหว่างที่อวิ๋นลั่วเฟิงพูด ชายชราก็โจมตีนางอีกครั้ง

นางปะทะกับพวกเขาอย่างกระหายการต่อสู้…

ในขณะที่การต่อสู้บนท้องฟ้ารุนแรงขึ้น คนด้านล่างก็วิตกหนัก

โม่เชียนเฉิงจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังสู้กับชายชราทั้งสอง และประกายสีแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาสีนิลของเขา…

เขากำหมัดแน่นและใบหน้าอ่อนเยาว์หล่อเหลาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

ใช่ ความโกรธ!

เมื่อโม่เชียนเฉิงมองดูหญิงสาวที่โดนรุมโจมตี จู่ๆ เขาก็คิดถึงบุรุษที่ส่องประกายราวกับราชันย์ที่โดนยอดฝีมือทรงพลังจำนวนมากไล่ล่า…

ปัง!

ตอนนั้นเอง หมัดของชายชราชุดสีเทาก็ถูกร่างอวิ๋นลั่วเฟิงและทำให้นางกระเด็นออกมาราวกับลูกธนู…

“ไม่ อย่านะ…!”

ตอนนั้นเองโม่เชียนเฉินก็รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น

ดวงตาของเขาแดงก่ำและเส้นผมยาวสีเงินของเขาก็ปลิวไปตามสายลมแรง เขาดูน่ากลัวมากจนไม่เหมือนเด็กชายวัยเยาว์ที่ไร้เดียงสา

“สังหาร สังหารพวกเขาทุกคนแล้วฝังไว้เป็นเพื่อนเจวี๋ยเชียน!”

ฝังพวกเขาไปเป็นเพื่อนเจวี๋ยเชียน…

คำพวกนี้ปรากฏคิดในความคิดของโม่เชียนเฉิงและทำให้หัวสมองของเขาว่างเปล่าราวกับว่าเขาหลงเหลือความคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องตาย!

ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ทั้งสองคนต้องตายเพราะพวกเขาทำร้ายนาง!

องค์ชายรองก็ต้องตาย!

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพาคนมาที่นี่ นางก็คงไม่ตกอยู่ในอันตราย!

ครึก!

ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่และเขาก็ได้ยินเสียงของผนึกในร่างเขาปลดออกอย่างชัดเจน

แต่ว่าตอนนี้ดวงตาของเขาเห็นเพียงแค่เด็กสาวที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้าเท่านั้น ดวงตาของเขาแดงก่ำเหมือนโลหิตฉายประกายน่าหวาดหวั่น…

ทุกคนกำลังมองอวิ๋นลั่วเฟิง จึงไม่มีใครเห็นความผิดปกติของโม่เชียนเฉิง