ตอนที่ 491 ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนนะ / ตอนที่ 492 เจ้าดอกไม้ฉี…ก็ร้องไห้เป็นด้วยเหรอ

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 491 ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนนะ

เหอจยาอวี๋มีท่าทีคลอนแคลนชัดเจน มองซูเสี่ยวมั่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ผู้หญิงคนนี้…รู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่น่ะ

เขากุมขมับอย่างจนปัญญา

ส่วนคุณแม่เหอก็ตกใจนิ่งไปแล้ว สักพักถึงหัวเราะออกมา “มาๆ …ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนนะ”

เหอจยาอวี๋รีบวิ่งเข้าไป แล้วประคองซูเสี่ยวมั่วขึ้นมา

ซูเสี่ยวมั่วปัดๆ ที่เข่า ด้วยหน้าตาที่บิดเบี้ยว ให้ตายสิ เจ็บจริงๆ เลย!

“ยังไม่ต้องพูดหรอก กินข้าวกันเถอะจ้ะ” คุณแม่เหอวางถุงที่อยู่ในมือทั้งสองลง ซึ่งมีโจ๊กร้อนๆ เครื่องเคียงที่น่ากินน่าอร่อย และมีเกี๊ยวกุ้งแผ่นบางชิ้นใหญ่ ที่ทำเอาคนน้ำลายสอ

เหอจยาอวี๋เห็นซูเสี่ยวมั่วน้ำลายไหลอย่างตะกละ จึงถอนหายใจในใจ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “กินกันเถอะ”

เขาลากซูเสี่ยวมั่วมานั่งหน้าโต๊ะกินข้าว คุณแม่เหอก็สีหน้าชื่นบาน ไม่คาดคิดว่าเขาจะกิน

เป็นเพราะเด็กสาวคนนี้รึเปล่านะ

หลังจากซูเสี่ยวมั่วกินข้าวจนอิ่มพุงกางแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะแทรกเล่นมุกตลกอีก ได้แต่บอกลาคุณแม่เหออย่างมีมารยาท และปฏิเสธการเชิญชวนของเหอจยาอวี๋ไป แล้วตัวเองวิ่งหายวับเป็นควันไปเรียกแท็กซี่

คุณแม่เหอยิ้มอย่างเกร็งๆ แล้วถามขึ้นว่า “อาหารถูกปากไหมจ๊ะ”

เหอจยาอวี๋ตอบขานเสียงเบา คุณแม่เหอก็ร่าเริงทันที “งั้นครั้งหน้าแม่จะทำให้ลูกอีกนะ”

เหอจยาอวี๋เผยรอยยิ้มเหน็บแนม “ไม่ต้องหรอก”

ในแววตาเขา ความว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ

คุณแม่เหอรู้สึกราวกับนั่งรถไฟเหาะ ชั่วประเดี๋ยวก็ตกลงเหวลึก

“ขอโทษ…ถ้าลูกไม่ชอบ ต่อไปนี้แม่ก็จะไม่ทำธุรกิจแล้ว…แม่จะเอาKTV ผับบาร์ให้คนอื่นละกัน…จยาอวี๋ อย่าโกรธแม่อีกเลยนะ โอเคไหม” เธอน้ำตานอง พลางมองลูกชายตัวเอง

เธอไม่ใช่คนดีอะไร สามีก็เสียชีวิตเมื่อต้นปี คนรอบข้างก็ด่าเธอว่าเกาะกิน แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้ แล้วอาศัยการขายเหล้าเพื่อเลี้ยงชีพ สุดท้ายเปิดร้านในเครือที่ใหญ่ที่สุดอย่างKTVที่เมืองอวี้ ยังมีไนต์คลับ ผับบาร์ประเภทต่างๆ ที่เปิดกลางคืนอีกหลายที่ ซึ่งก็ได้กำไรมากมากมาย เหยียบย่ำคนที่เยาะเย้ยเธอหลายปีก่อนจนจมมิด

แต่ลูกชายเพียงคนเดียวเธอกลับไม่สนใจใยดี

ความจริงเธอมีเหตุผลมากมาย อันที่จริงเธอให้ชีวิตแก่เขา ที่นำมาซึ่งความอับอายนับไม่ถ้วน ความมืด ความโสมม…เธอไม่คู่ควรเป็นแม่เลย เธอก็ไม่ควรขอให้ยกโทษให้ เพียงแค่หวังว่าเหอจยาอวี๋จะไม่ต่อต้านที่เธอทำดีกับเขาเท่านั้นเอง

รอยยิ้มเหอจยาอวี๋ที่ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับแฝงระยะห่างเอาไว้ เขาเดินผ่านคุณแม่เหอ แล้วออกไปนอกประตู

คุณแม่เหอไหล่สั่นเทิ้ม และปิดหน้าร้องไห้

แพทย์บอกไว้ว่าการใช้ชีวิตแบบปกติจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาของอันซย่าซย่า เซิ่งอี่เจ๋อก็เลยพาเธอมาโรงเรียน

คนทั่วไปเธอก็จำได้หมด เพียงแค่ความทรงจำจะสับสนบ่อยๆ ที่จะเอาเรื่องคนหนึ่งมาแทนที่เรื่องของคนอื่นไป จนสร้างเรื่องขำขันไปไม่น้อยตลอดทั้งวัน

เธอนั่งกับที่ด้วยความท้อใจ ราวกับงอนไม่สนใจใคร ฉีเหยียนซีจงใจหยอกเธอ โดยขยำกระดาษให้เป็นสองสามก้อนแล้วขว้างเข้าไป

อันซย่าซย่าจ้องตาเขา แล้วยกมือขึ้นดังพรึ่บ

ถังอี้จวินเลยยิ้มถามว่า “นักเรียนอัน เธอมีข้อสงสัยประวัติศาสตร์ตรงส่วนนี้เหรอ”

“คุณครูคะ เขาทิ้งขยะเรี่ยราดค่ะ!” อันซย่าซย่าชี้ไปที่ฉีเหยียนซี

คิกคิก

……

คนทั้งห้องต่างหัวเราะกันขึ้นมา ฉีเหยียนซีที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียด จึงกวาดสายตาไปรอบๆ จนทุกคนไม่กล้าหัวเราะทันที

“ตามกฎของชั้นเรียน ควรจะถูกลงโทษให้ทำความสะอาดหนึ่งอาทิตย์นะครับ” ไอ้ปีศาจเซิ่งอี่เจ๋อจอมหวงแฟนซ้ำเติมอย่างนิ่งๆ

ฉีเหยียนซีกลอกตามองบน ได้! เขาไม่ต่อกรกับคู่ผัวเมียนี้ก็ได้!

จึงหันศีรษะไปขยำกระดาษสองสามก้อน แล้วเขวี้ยงไปทางซูเสี่ยวมั่ว พอเลิกเรียน ซูเสี่ยวมั่วก็กระโดดมาบีบคอเขาที่โต๊ะ

“ไปตายซะเถอะแก!”

เจ้าดอกไม้ฉี : จบสิ้น

สาเหตุการตาย : อ่อนหัดเกินไป

ตอนที่ 492 เจ้าดอกไม้ฉี…ก็ร้องไห้เป็นด้วยเหรอ

ฉีเหยียนซีถูกบีบจนตาเหลือก แล้วพึมพำว่า “เธออย่าคิดว่าฉันไม่ทำร้ายผู้หญิงนะ! ฉัน…ฉัน…โอ๊ย!”

เหอจยาอวี๋เตะเก้าอี้เขาจนล้ม ฉีเหยียนซีเลยนั่งลงกับพื้น เขาเจ็บจนหน้าเป็นตะคริวไปหมด

“ขอโทษนะ ไม่ได้ดูทางให้ดีน่ะ” เหอจยาอวี๋ทำหน้าขอโทษ

ฉีเหยียนซีปากสั่น มองซูเสี่ยวมั่วอย่างอาฆาตแค้น แล้วจ้องมองเหอจยาอวี๋อย่างอ่อนโยน

หรือว่านี่จะเป็นคู่ผัวเมียอีกแล้ว

อา~ เป็นการรู้ที่เจ็บปวดอะไรขนาดนี้นะ~

เดิมทีเจ้าปีศาจฉีจะเป็นจุดสนใจของคนทั้งชั้นเรียน ทว่าที่ทางเดินก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกรี๊ดขึ้น คนทั้งชั้นเรียนจึงออกไปนอกประตูและลอดผ่านหน้าต่าง อันซย่าซย่าและซูเสี่ยวมั่วจูงมือกันไปดูด้วยความตื่นเต้น

แดดที่ด้านนอกกำลังดี แสงสว่างจ้า วัยรุ่นคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ก็ผ่านไปด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าชัดเจนคมสัน ไหล่กว้างขายาว คิ้วดำเข้มดุจสะบัดด้วยหยดหมึก ท่วงท่ามีเสน่ห์เหลือล้น

พอเดินมา ก็มีหญิงสาวไม่น้อยที่กรี๊ดออกมา พร้อมกับเสียงคุยกันจ้อกแจ้กไม่หยุด

“ว้าว พี่คนหล่อคนนี้มาจากไหนกันนะ”

“หัวใจหนึ่งดวงโดนทำให้เต้นแรงแล้วสิ…แงแงแง ได้ยินมาว่าเป็นนักเรียนศิลปะที่ย้ายมาใหม่ เล่นไวโอลินด้วยแหละ!”

“อย่างกับเจ้าชายเลย! รีบถ่ายรูปเร็วเข้า!”

ผู้หญิงรอบๆ ต่างพากันเฝ้าคะนึงถึงชายหนุ่มผู้รูปหล่อจนไม่ขยับ กระทั่งซูเสี่ยวมั่วยังพลั้งปากว่า “แม่เจ้าโว้ย…หล่อจริงๆ เอวเล็ก…เท้าเล็ก…”

เหอจยาอวี๋มองเธออย่างเงียบๆ เพียงสองสามวิ แล้วขมวดคิ้วเบาๆ ขึ้นมา

อันซย่าซย่าลูบหัวคิดไปมา “เธอไม่รู้สึกเหรอว่าเขาดูคุ้นๆ นะ เหมือนกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน…”

“ตัดไปเลย ตอนนี้สมองเธอมีปัญหา เธอจำผิดแน่ๆ” ซูเสี่ยวมั่วทำหน้าเอือมระอา อันซย่าซย่ากุมมือที่หน้าอก รู้สึกตัวเองโดนทำร้ายอีกครั้ง

ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเดินมาหยุดที่ห้องสาม เคาะที่หน้าต่าง แล้วสบตากับอันซย่าซย่าอย่างพอดิบพอดี

อันซย่าซย่าอึ้งไปสองวิ ถึงค่อยนึกได้แล้วดึงเปิดหน้าต่าง

ชายหนุ่มเขามองลงไปข้างล่าง แล้วพูดอย่างไม่เข้าท่าด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “เธอคืออันซย่าซย่าใช่ไหม”

เหงื่อตกทีเดียว ช่วงนี้มีทำไมคนมาถามแบบนี้เยอะจังเนี่ย

“ใช่…”

ชายหนุ่มเชิดคางขึ้น “หวังว่าครั้งหน้าคงได้เจอกันอีกนะ”

พอโยนประโยคแปลกๆ แบบนี้ไว้ เขาก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย และทิ้งท้ายเหล่าหญิงสาวที่จ้องอันซย่าซย่าด้วยสายตาอิจฉาริษยา

อันซย่าซย่าคอหด สมองที่แฮงก์มานานมากสุดท้ายได้สติขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ทันที “มั่วมั่ว เขาคือสุดยอดเคะน้อยคนนั้นที่เธอพูดถึงเทศกาลดนตรีครั้งก่อนไง คนหล่อๆ ที่เล่นไวโอลินนั่นไงละ!”

“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง! มองใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อเนอะ!” ซูเสี่ยวมั่วปีนขอบหน้าต่าง น้ำลายไหลต่อชายหนุ่มที่ไปไกลแล้ว “ฉันจะเอาภาพเขามาใส่ในการ์ตูนของฉัน!”

“โธ่เว้ย เขาจะมาทำไมวะ” ฉีเหยียนซีสบถเสียงเบา เตะทั้งโต๊ะและเก้าอี้จนคว่ำ แล้วออกจากห้องเรียนไปอย่างเดือดดาล

อันซย่าซย่าสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

“ชัดจะตาย ไอ้ฉีบ๊อกบ๊อกเกิดบ้าขึ้นมาอีกน่ะสิ ทุกคนต้องเอาใจใส่วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแล้วละ”

“คิก…”

อันซย่าซย่าไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจ อย่างไรก็ตามตอนที่กลับบ้านช่วงเย็น ฉีเหยียนซีก็มาเมาบ้าๆ บอๆ สร้างเรื่องที่บ้านคนอื่นเขา

ฉีเหยียนซีเมาหนักเป็นพิเศษ ปกติคนที่ยโสโอหัง เมาแล้วจะดันทั้งน่ารักและทั้งน่าสงสาร เขาดึงแขนเสื้อคุณพ่อแกว่งไปมาด้วยความน้อยใจ ราวกับเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต

คุณพ่อลูบหัวปลอบเขา เขาร้องไห้ราวกับลูกสะใภ้ พอเห็นอันซย่าซย่ากลับมา ก็กระโจนเข้าไปหา

อันซย่าซย่ารู้สึกที่คอร้อนจัด ก็นิ่งอึ้งไปสักพัก

เจ้าดอกไม้ฉี…ก็ร้องไห้เป็นด้วยเหร