6 แม่คงไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนของฉันอีกต่อไปแล้ว

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 6 แม่คงไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนของฉันอีกต่อไปแล้ว

“เย่หยู ฉันไมได้คาดหวังว่านายจะดีขึ้นในหนึ่งคืน นายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ฮันเสวี่ยนั่งข้างๆเย่หยู เอียงศรีษะ ดวงตาสว่างมองไปที่เขา เธอสงสัยมากว่าทำไมเย่หยูถึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
“อาจจะด้วยผมทรงใหม่?” เย่หยูจับหัวของเขายิ้มและพูดกับฮันเสวี่ย
ฮันเสวี่ยตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฮ่าฮ่าเย่หยู ฉันพบว่าตอนนี้นายน่าสนใจกว่าเมื่อก่อนอีก
ฮันเสวี่ยจับใบหน้าที่สวยงามของเธอไว้ในมือทั้งสองข้างบนโต๊ะของเธอ เธอย่นจมูกใส่เย่หยู “ในอดีตนายเป็นเพียงเด็กตัวเล็กที่โง่เง่า แล้วนายเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้อย่างไร หืมม!”
“เลว!”
แค๊ก!
ไม่ไกลจากเย่หยู คือที่นั่งของโอวหยางหยู เขาเงี่ยหูฟังที่ฮันเสวี่ยกับเย่หยูคุยกัน สายตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฮันเสวี่ย เขารู้สึกโกรธจนหน้าเขียวและหักปากกาในมือของเขาทิ้ง
ได้ยินเสียงของโอวหยางหยู เย่หยูยิ้มเยาะ ทำได้ดี! นี้แค่เริ่มต้นโอวหยางหยูที่แกพยายามไล่ตามฮันเสวี่ยจนฮันเสวี่ยรำคาญแก แต่กับพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเย่หยู ความโกรธของโอวหยางหยูสามารถจิตนาการได้
“ว้าว น่าเหลือเชื่อ! เย่หยูในตอนนี้ ดูนายเท่จริงๆ! หน้าของฮันเสวี่ยหันกลับมาขณะมองที่เย่หยูและร้องมาด้วยความตกใจ
ใจของฮันเสวี่ยเต้นรัว เธอทำให้เย่หยูเกิดรอยยิ้มบนใบหน้า
“เพราะฉันหาเธอเจอไง?” เย่หยูขยิบตาให้ฮันเสวี่ย
“บ้า! ฉันจะไม่ตกหลุมรักใครในโรงเรียนเด็ดขาด” ตาของฮันเสวี่ยเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอาจารย์่หนึ่ง
“แต่ด้วยความสัตย์จริง หน้าของนายไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน แต่มีบางอย่างทำให้นายดูเปลี่ยนไปมากต่างหาก มันเหมือน….”
“เหมือนกับหยกที่สวยงามในหินแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ในครั้งแรก “
“ใช่! นายพูดถูก” ฮันเสวี่ยตบมือเห็นด้วยกับคำพูดของเย่หยู
หลังจากพูดครั้งนั้น ฮันเสวี่ยองเย่หยูด้วยความงงงวย “ทำไมนายถึงมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้หล่ะ?”
เย่หยูถอนหายใจในใจ หากเขาไม่มีระบบ เขาอาจจะยังคงเป็นเหมือนแต่ก่อน ที่เฉยชาและไร้ความหมาย
“ในอดีต ฉันเข้าใจผิด ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฉันได้ค้นพบว่าในโลก ทุ่งหญ้า ต้นไม้ ฤดูใบไม่ผลิและฤดูใบไม้ร่วงไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับชีวิตที่แสนธรรมดาของฉัน ทำไมไม่ใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องกังวลหล่ะ?”
ฮันเสวี่ยซึมซับคำพูดของเย่หยู แค่เธอพยักหน้า เธอรู้ได้ทันทีว่าเย่หยูไม่ได้พูดอะไรต่อ
“หืมม!” เขาไม่เพียง แต่ไม่พูดเท่านั้นเขายังพูดถึงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง ราวกับว่าเขาเป็นคนแก่ ฮันเสวี่ยเหลือบมองที่เย่หยูจนเกือบถูกจับได้
ปัง
โอวหยางหยูตบโต๊ะอย่างแรง คู่นี้เป็นชู้กันหรือ แกไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา ทั้งโรงเรียนรู้ว่าเขาตามจีบฮันเสวี่ยอยู่แต่แก เย่หยู ยังกล้าที่จะขุดหลุมฝังตัวเองงั้นหรอ?
โอวหยางหยูยืนขึ้นและด่าทอเย่หยู แต่พบว่าเย่หยูกำลังยิ้มขณะที่มองที่ทางเข้าห้องเรียน
โอวหยางหยูตกใจ เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาหมุนตัวและมองคนสูงวัยสวมชุดอย่างดีที่เข้ามาในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของโอวหยางหยูแดงกร่ำ เขาอ้าปากและพูดว่า “สวัสดีครับ อาจารย์” !”
หากมันคือคนทั่วไป เขาจะไม่สนเลยเพราะแม่ของโอวหยางหยูคือผู้อำนวยการโรงเรียน ด้วยสถานะดังกล่าว เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตามชายแก่คนนี้ช่างแตกต่างกัน
หวูฉีคืออาจารย์สอนคณิตศาสตร์ แต่เขาไม่ได้เป็นแค่อาจารย์คณิตศาสตร์ทั่วไป
เขามีอายุมากเป็นสิบๆปีและนิสัยตรงไปตรงมา เขาเป็นสมาชิกของสมาคมคณิตศาสตร์และเคยเป็นเจ้าของโรงเรียนมัธยมเซียงหยูอีกด้วย
ชายคนนี้เป็นประธานของโรงเรียนมัธยมเซียงหยูซึ่งยินดีที่จะสอนแค่โรงเรียนมัธยมเซียงหยูเท่านั้น เมื่อเห็นเขาอาจารย์ใหญ่จะเรียกเขาว่า “อาจารย์” อย่างเชื่อฟัง เหมือนกับชื่อของเขา เขาไม่สนใจว่าเขาเป็นใครหรือเป็นอะไร!
ใบหน้าของอาจารย์ทำให้โอวหยางหยูไม่กล้าที่จะมุทะลุ เขามองไปที่เย่หยูอย่างโกรธแค้น ระงับความโกรธในหัวใจของเขา และหันไปตั้งใจเรียนในชั้นเรียนต่อไป
เย่หยูเงยหน้าและมองไปที่อาจารย์คณิตศาสตร์ผู้ที่กำลังจดคำบรรยาย ชายแก่ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จในสาขาคณิตศาสตร์เคยฟังการบรรยายของเขาเหมือนเขากำลังฟังหนังสือจากสวรรค์
เย่หยูก้มหัวของเขาและอ่านหนังสือคร่าวๆ ปัญหาและสูตรปรากฏในหัวของเขา ด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมของเขาในการคิดเลขในใจ เย่หยูพบทันทีว่าปัญหาเลขและสูตรที่เคยทำให้เขาปวดหัวมันง่ายมาก
“เฮ้อ!” เย่หยูมองที่การบรรยาของอาจารย์คณิตศาสตร์ที่พูดไม่รู้จบและถอนหายใจเบาๆ
แต่เดิม การไม่เข้าใจคือความยุ่งยากแต่ตอนนี้เขาเข้าใจเป็นอย่างดีมันจึงไม่รู้สึกยากอีกต่อไป
“เป็นอะไรหรอ? คุณไม่เข้าใจหรอ?” ได้ยินเย่หยูถอนหายใจ ฮันเสวี่ยหันหัวเธอและถามเขาอย่างเงียบๆ
เย่หยูสั่นหัว ไม่พูดอะไรด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมของเขาในการคิดเลขในใจ เย่หยูจะทำอะไรได้อีก
“นี่!” ฮันเสวี่ยหยิบสมุดให้เย่หยู” “นี้คือสมุดของฉัน เอามันไปดูสิ มันอาจจะช่วยนายได้”
เย่หยูรู้สึกตกใจเล็กน้อย อะไร? ฉันสั่นหัวเพราะมันน้อยมาก มันน่าเบื่อและไม่ใช่เพราะฉันไม่รู้วิธี
“หมายความว่าอะไรที่อาจาย์อธิบายมันง่ายมาก”
ปัง!
โอวหยางหยูตบโต๊ะและยืนขึ้นด้วยสีหน้าสบายใจ
เขาตั้งใจเรียนฟังเย่หยูมาตลอด ชายคนนี้เกลียดนักเรียนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎมากที่สุด ดังนั้นหามีโอกาศน้อยมากที่โอวหยางหยูจะรายงานเรื่องเย่หยูให้เขาทราบ
แม้ว่าจะไม่ถูกลงโทษรุนแรง แต่ก็ยังมีการผ่อนปรน
ตอนนี้ โอวหยางหยูพบโอกาสนั้นแล้ว
“โอวหยางหยู คุณกำลังทำอะไร? “ใบหน้าของอาจารย์หวูโกรธเมื่อเขามองที่โอวหยางหยูและพูดด้วยเสียงที่ทุ่มต่ำ
“อาจารย์ไม่ใช่ผมนะ นั่นเย่หยูต่างหาก เขาขัดจังหวะการเรียนของผมโดยการพูดคุยกับคนอื่น” โอวหยางหยูมองที่เย่หยู สายตาของเปิดเผยอาการออกมาอย่างไร้กังวล
“ใคร?” หวูฉีถามทันที
โอวหยางหยูยิ้มอย่างเย็นชา เขาพูดอะไรกับฮันเสวี่ยไม่ได้ใช่ไหม? “นี้…เย่หยูพูดว่าการบรรยายของคุณง่ายเกินไป !”
“นี้คือการสอบเข้าวิทยาลับรอบสุดท้าย คุณคิดว่ามันง่ายเกินไปหรอ?” อะไรที่คุณหมายความว่า “ยาก”?” โอวหยางหยูมองที่เย่หยู แกไม่มีเงินจ่ายภาษีที่โม้ไว้แกยังกล้าทำแบบนี้อีกหรอ!
อาจารย์หวูเปลี่ยนความสนใจของเขาไปที่เย่หยู “เธอพูดแบบนั้นจริงหรือ?”
เย่หยูยืนขึ้น โดยไม่สนใจฮันเสวี่ยที่กำลังดึงชายเสื้อของเขา และพูดด้วยเสียงที่ชัดเจนว่า “ผมพูด”
โอวหยางหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจของเขาและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเบิกกว้าง หากแกไม่ได้ขึ้นสวรรค์แกก็ต้องลงนรก
เดิม พวกเขากังวลว่าเย่หยูจะปฏิเสธทุกสิ่งอย่าง แต่ตอนนี้เย่หยูตอบด้วยความมั่นใจ “หากแกไม่ตายครั้งนี้ แล้วใครจะตายหล่ะ? ?!”
อาจารย์หวูหัวเราะเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น “โอ้? เธอสามารถแก้ปัญหานี้ได้ หากเธอทำได้ ฉันจะไม่สนใจเรื่องนี้อีก แต่ฉันจะให้รางวัลเธอแทนแต่ถ้าเธอทำไม่ได้…”
ใบหน้าของอาจาย์หวูนิ่งลง “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษฉันที่ไม่เมตตา!
โอวหยางหยูกระโดดด้วยความสนุก ฮาฮา เย่หยู โอ เย่หยู ฉันอยากเห็นแกจะทำได้ไหม เป็นการรอคอยที่ยิ่งใหญ่
ฮันเสวี่ยยืนอยู่ข้างเย่หยู รู้สึกโกรธมากจนแก้มของเธอเริ่มป่อง
“อย่างกังวล มองดูว่านายทำอะไรลงไปตอนนี้!’ เธอถอนหายใจ ดูเหมือนฉันต้องขอร้องอาจารย์ซะแล้ว
เย่หยูชำเลืองมองที่โอวหยางหยู เปลี่ยนความสนใจของเขาไปที่กระดานดำ
“เฮ้เฮ้ แกไม่คิดสักนิดก่อนหรอ?” โอวหยางหยูมองเย่หยูที่กำลังแสดงความโง่เขลาออกมา
ฮันเสวี่ยหยิบปากกาและเริ่มคำนวณ หวังที่จะแก้ปัญหาและช่วยเย่หยูได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ขมวดคิ้ว นี้คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรอบสุดท้าย แน่นอนละคำถามมันช่างยากมากจริงๆ
“ผมต้องบอกอาจารย์ คำถามที่คุณถามมันดีมากจริงๆ คนทั่วไปยากที่จะตอบ”
เย่หยูมองที่กระดาษดำซึ่งมีแถวของตัวเลขอยู่บนนั้น ถ้าเป็นเมื่อวาน จากความคิดของเย่หยู ตัวเลขเหล่านี้ดูเหมือนคำที่เขียนบนดาวเคราะห์ต่างดาว