บทที่ 507 ข้าอยากแก้แค้น!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 507 ข้าอยากแก้แค้น!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังเป่าเล่อกำลังขับเรือวิญญาณอยู่ในทะเลเพลิง เขาไม่ได้กลับขึ้นไปในทันที มัวออกตามหาหนูเพลิงนรกและจับมาได้สองตัว จากนั้นจึงออกจากทะเลเพลิงและเหาะลอยขึ้นไปในอากาศ

หนูเพลิงนรกจับยากมาก มันเหมือนผีที่หายตัวไปมาอยู่ในทะเลเพลิง มิน่าถึงได้มีรูปร่างเหมือนหนู เพราะวิ่งไวไม่ต่างกันเลย ชายหนุ่มดูเสียใจที่เลือกภารกิจนี้ เขาต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากกว่าจะจับมาได้สองตัว

ถ้าหนูเพลิงนรกไม่ได้อยู่ในทะเลเพลิง ด้วยระดับการฝึกตนของชายหนุ่มในตอนนี้ เขาคงสามารถจับมากี่ตัวก็ได้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มทำได้แค่ถอนหายใจ จากนั้นก็เอาหนูไปแลกเอาแต้มการรบและเดินทางกลับเกาะเพลิงเขียว

ระหว่างทางขากลับ เขาพยายามเรียกหาแม่นางน้อยซ้ำๆ หลังจากหลอมชิ้นส่วนเสร็จ เสียงของแม่นางน้อยก็เบาลงเรื่อยๆ จนเงียบหายไป หวังเป่าเล่อแปลกใจ คิดว่านางคงไม่ได้แกล้งตาย แต่น่าจะหลับใหลไปจริงๆ

ข้าจะคอยพึ่งแม่นางน้อยอยู่ตลอดไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือแต้มการรบ… พอคิดถึงเรื่องแต้มการรบ ชายหนุ่มก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเนื่องจากคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเป็นหนี้อยู่ ในหัวเต็มไปด้วยหนทางการหาแต้มการรบเพิ่ม

ขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิด เกาะเพลิงเขียวก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ในสายตา หวังเป่าเล่อกำลังจะมุ่งหน้าไปยังถ้ำที่พักของตนเอง แต่ก็พลันได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นมาจากลานกว้างตรงตีนเขา เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและเดือดดาล

“หวังเป่าเล่อ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว เตรียมตัวตายเสีย!”

ทันทีที่เสียงตะโกนดังขึ้น ระฆังยักษ์ที่หวังเป่าเล่อปล่อยออกไปก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ เหลียงหลงพุ่งออกมาในทันใด ทะยานไปทางหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว

รอบนี้ชายหนุ่มเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี กระบี่บินสีดำจากคาถาปรากฏขึ้นรอบกาย เหนือศีรษะมีศิลาภูผาขนาดมหึมาซึ่งภายในมีพลังแม่เหล็กอยู่ บรรยากาศรอบตัวบิดเบี้ยวในทันทีเมื่อมันปรากฏขึ้น มือขวาของเหลียงหลงมีวังน้ำวนที่สร้างขึ้นจากของเหลวสีแดงสดราวเลือด ในวังน้ำวนมีใบหน้าน่าหวาดกลัวมากมายกำลังดิ้นรนหาทางออกจากในนั้น ช่างเป็นภาพที่น่าขนลุกยิ่ง

เหลียงหลงจะทลายระฆังลงตั้งแต่เมื่อวานก็ได้ แต่เขาก็รอจนเตรียมตัวเสร็จ จากนั้นก็คอยจับตาดูสถานการณ์ด้านนอกและรอจนหวังเป่าเล่อกลับมา

ครั้งนี้ชายหนุ่มมั่นใจเป็นอย่างมาก เชื่อว่าแม้อีกฝ่ายจะมีระฆังแบบเดียวกันอีก ตนก็มีแผนรับมือเตรียมไว้แล้ว จะหลบก็ได้ ให้ทำลายทิ้งก็ไม่มีปัญหา ความโอหังในใจผสานเข้ากับความกระหายอยากแก้แค้น ชายหนุ่มร้องคำรามลั่นขณะจ้องเขม็งไปยังหวังเป่าเล่อที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ทว่า…หวังเป่าเล่อกลับขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบให้มีใครมาขัดเวลากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังหมกมุ่นอยู่กับการหาวิธีที่จะได้แต้มการรบเพิ่มซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่มีเวลามารับมือกับเหลียงหลง เขาโบกมือขวา หยิบผลึกแก้วขนาดเท่ากำปั้นเจ็ดถึงแปดชิ้นออกมาจากกระเป๋าคลังเวท

“ตะโกนไปเพื่ออะไร คิดว่าเสียงดังได้คนเดียวหรือ ไปเล่นคนเดียวไป!” หวังเป่าเล่อพูดพร้อมกับโยนผลึกแก้วใส่อีกฝ่าย ผลึกแก้วพุ่งไปทางเหลียงหลงอย่างรวดเร็ว

“หวังเป่าเล่อ ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าผู้ฝึกตนนั้นควรจะเป็นเช่นไร ขยะชั้นต่ำเช่นเจ้าจะได้รู้ที่ต่ำที่สูงเสียที!” เหลียงหลงหัวเราะอย่างโอหัง เขาประสานมือตั้งผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ศิลาภูผาเหนือศีรษะสั่นไหวอย่างรุนแรง คลื่นพลังวิญญาณพลันพวยพุ่งตรงไปทางผลึกแก้ว

“แหลกละเอียดไปเสีย!” เหลียงหลงร้องคำรามขณะพุ่งไปหาหวังเป่าเล่อ เขาคิดไว้แล้วว่าจะโจมตีอีกฝ่ายอย่างไรเมื่อเข้าประชิดตัวได้ ทันใดนั้น…ผลึกแก้วของหวังเป่าเล่อก็สั่นไหวและระเบิดเมื่อปะทะเข้ากับคลื่นพลังจากศิลาภูผาแม่เหล็ก

ผลึกแก้วไม่ได้แหลกละเอียดเป็นผุยผง แต่กลับแปรสภาพหลังจากระเบิด กลายเป็นตาข่ายแน่นหนาขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่เหลียงหลง

ตาข่ายจากผลึกแก้วเจ็ดแปดชิ้นดูแปลกประหลาด พลังแม่เหล็กจากศิลาภูผาไม่มีผลกับมันเลยแม้แต่น้อย เหลียงหลงตื่นตะลึง พยายามหลบ แม้จะหลบไปได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด ขณะที่กำลังจะเข้าตาจน ชายหนุ่มก็ร้องคำรามลั่น ปล่อยพลังจากวังน้ำวนสีแดงในมือพร้อมควบคุมกระบี่บินรอบๆ เพื่อเข้าจัดการกับเหล่าตาข่าย

สมบัติเวทของเขาพุ่งเข้าปะทะตาข่าย ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้น ทันทีที่คาถาและสมบัติเวทของชายหนุ่มสัมผัสตาข่าย พวกมันก็สูญพลัง ก่อนจะร่วงลงไปพร้อมตาข่าย

แม้แต่ศิลาภูผาบนศีรษะก็ถูกตาข่ายสองผืนคลุมจนร่วงลงไปบนพื้นเช่นกัน เหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้เหลียงหลงตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

ของพวกนี้คืออะไรกัน! ชายหนุ่มหายใจถี่รัวขณะมองออกไป นัยน์ตาดำหดเล็กเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อเคลื่อนผ่านไปพร้อมโยนผลึกแก้วออกมาเพิ่ม

เหล่าผลึกแก้วพุ่งตรงมาทางชายหนุ่มในชั่วพริบตา เหลียงหลงพยายามจะหลบ แต่ก็หลบบางส่วนไม่พ้น ในที่สุดผลึกแก้วก็ระเบิดกลายเป็นตาข่ายผืนใหญ่ เขาถูกตาข่ายสี่ผืนรวบไว้ ก่อนจะตกลงไปบนพื้นเสียงดัง!

เหลียงหลงหน้าแดงจัดขณะพยายามดิ้นรนพร้อมร้องคำราม ตาข่ายนั้นแน่นหนาและยืดหยุ่นมาก ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ นอกจากลุกขึ้นยืนก็ทำได้เพียงฉีกตาข่ายออกเป็นชั้นบางๆ

ฝันร้ายของเขายังไม่จบลงเพียงแค่นั้น ทั้งหมดนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ขณะที่เหลียงหลงตะเกียกตะกายลุกยืนขึ้น หวังเป่าเล่อก็ตั้งผนึกฝ่ามือปล่อยตาข่ายออกมาตะปบใส่เหลียงหลงราวกับเป็นแผ่นแป้งขนาดยักษ์

“หวัง…เป่า…” เหลียงหลงตาแดงก่ำจนเหมือนเลือดจะหยดออกจากตา เขาร้องคำรามด้วยความเดือดดาลอันมากล้นกว่าครั้งใดๆ ยังไม่ทันจะได้ร้องสุดเสียง ชั้นตาข่ายเหนียวก็ตะปบทับซ้อนกันไปมาจนเสียงของชายหนุ่มเงียบหายไป…

หากมองดูไกลๆ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนผู้นี้คือเหลียงหลง สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงร่างที่โดนตาข่ายหลายชั้นซ้อนทับผนึกกดติดกับพื้น และทำได้เพียงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น…

หวังเป่าเล่อกลับถ้ำที่พักไป ไม่ชายตามองเหลียงหลงเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าการสั่งสอนเหลียงหลงนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องไปให้ค่าอะไรมาก ทว่าเหล่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นบนเกาะเพลิงเขียวนั้นเห็นต่างออกไป โดยเฉพาะโจวเปี่ยว พวกเขาตื่นตกใจเมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า แม้จะรู้สึกสงสารเหลียงหลง แต่ความเคารพยำเกรงในตัวหวังเป่าเล่อก็พุ่งสูงขึ้น

“ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป แค่โยนอะไรไม่รู้ออกมา เหลียงหลงก็คลุ้มคลั่งแต่ตอบโต้อะไรกลับไปไม่ได้เลย…”

“ไม่ใช่แค่นั้น พวกเจ้าสังเกตไหม เจ้าหวังเป่าเล่อ…พอจู่โจม เขาจะทำให้คู่ต่อสู้…จะว่าอย่างไรดี ทั้งระฆังกับอะไรไม่รู้ที่ใช้เมื่อครู่ เขาชอบทำให้คู่ต่อสู้หงุดหงิดจนคิดอยากตาย!”

“อย่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจดีกว่า เขาดูจะมีความคิดชั่วร้ายอยู่เต็มหัว นอกจากนี้ยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกด้วย”

ขณะที่โจวเปี่ยวและคนอื่นๆ กำลังหวาดเกรงความชั่วร้ายของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็กำลังครุ่นคิดหาวิธีเพิ่มแต้มการรบอย่างหนักหลังจากกลับถึงที่พักแล้ว ชายหนุ่มหันไปมองแผ่นหินรับภารกิจ ภารกิจที่ได้แต้มการรบเยอะที่สุดคือภารกิจรวบรวมตราประจำตัว

ตราประจำตัวนั้นต้องเข้าไปหาในตัวกระบี่ หวังเป่าเล่อเริ่มรวบรวมข้อมูลต่างๆ สองสามวันต่อมา เขาก็นั่งขมวดคิ้วพลางถอนหายใจอยู่ภายในห้อง จากข้อมูลที่ได้มา ตัวกระบี่ที่ถูกฝังลึกอยู่ในดวงอาทิตย์นั้นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย แม้จะเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในก็ยังมีโอกาสเสียชีวิตสูงหากเข้าไปในตัวกระบี่ ตามปกติแล้ว คนจากสำนักวังเต๋าไพศาลจะตั้งกลุ่มกันเข้าไป ไม่ค่อยมีใครเข้าไปตามลำพังสักเท่าใด

แม่นางน้อยยังคงหลับใหล ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ เขาตัดสินใจพักเรื่องภารกิจรวบรวมตราประจำตัวในตัวกระบี่ไปก่อน เว้นเสียแต่ว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ

จะให้เป็นเช่นนี้ไปตลอดไม่ได้… หวังเป่าเล่อลูบหน้าผาก ดวงตาฉายแววชั่วร้ายเมื่อผุดคิดขึ้นว่าควรจะไปขโมยคนอื่น…ไหนๆ ก็มีเหยื่อคนหนึ่งอยู่ใกล้ตัวแล้ว

แต่ถ้าทำเช่นนั้น เขาก็ต้องฆ่าปิดปากคนเหล่านั้น ไม่ก็ต้องคอยจัดการไม่ให้พวกเขาแจ้นไปฟ้องสำนัก…

น่าปวดหัวจริงๆ… หวังเป่าเล่อส่ายหัว หยิบแผ่นหยกเครือข่ายวิญญาณประจำพื้นที่ออกมา ตั้งใจจะตรวจดูว่าคนอื่นๆ รวบรวมแต้มการรบไปได้เท่าไหร่และมีวิธีดีๆ วิธีใดในการหาแต้มการรบบ้าง

เขาเห็นข้อความจากหลี่อี้ทันทีที่เปิดเครือข่ายวิญญาณ

“สหายเต๋า พวกเจ้าต้องขยันกว่านี้ ข้ารวบรวมไปได้หกร้อยแต้มแล้ว!”