114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

องค์จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์

 

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองฉางอันราวกับพายุพัดผ่าน ข่าวไปถึงแม้แต่อาณาจักรข้างเคียง และกระจายไปทั่วดินแดนอย่างรวดเร็ว

 

“ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว?”

 

“เห้อ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกฎหมายฉบับใหม่ขององค์จักรพรรดิถัง ครอบครัวข้าคงจะถูกส่งไปเมืองหน้าด่านเป็นแน่แล้ว…”

 

“จักรพรรดินักบุญเช่นนี้ พระองค์ตายได้เช่นไรกัน?”

 

 

มีอีกหลายร้อยครัวเรือนในเมืองฉางอันที่เศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

 

จักรพรรดิถังได้สร้าง ‘ผลงานทรงคุณค่า‘ ไว้มากมายในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ครองราชย์ ยามนี้เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ผู้คนต่างก็ซาบซึ้งในพระเมตตาเป็นธรรมดา

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งนอกเมืองฉางอัน

 

“ไอ้แก่นั่นในที่สุดก็ตายแล้ว”

 

องค์ชายเฉินอยู่ในอาการตกใจและพึมพำอยู่กับตนเอง

 

จักรพรรดิถังได้ส่งองค์ชายทั้งหลายออกไปยังภูมิภาคชายแดน แต่องค์ชายเฉินกลับได้หักลำกลับมากลางคัน และจงใจรั้งรออยู่นอกเมืองฉางอัน

 

เพียงเพื่อรอคอยฟังข่าวนี้

 

ตอนที่จักรพรรดิถังยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ เขาไม่กล้ากระทำการอันใดเลย แต่ตอนนี้พระองค์ตายไปแล้ว องค์ชายเฉินก็ไม่มีพันธนาการอีกต่อไป

 

ความคิดขององค์ชายเฉินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยังส่วนลึกของหุบเขา

 

“จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์แล้ว”

 

องค์ชายเฉินมองดูร่างคนสองคนที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในของหุบเขา เขาเปล่งเสียงที่แสดงออกถึงความเคารพ

 

กลิ่นอายของทั้งสองไม่อาจหยั่งถึงได้ มันถูกผสานกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ พวกเขาต่างก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ผ่านการแปรสภาพพลังมาแล้ว

 

คนทางด้านซ้ายมือแต่งกายด้วยชุดคลุมที่มีผ้าคาดอก ดูมีสง่าราศี เขาคือราชาหวู่หยางจากอาณาจักรหนานหมิง

 

ราชาหวู่หยางเป็นพระปิตุลาของจักรพรรดิหมิงในสมัยปัจจุบัน เขาเข้าสู่วิถีทางแห่งวิทยายุทธตั้งแต่ยังเด็กและด้วยการจัดสรรทรัพยากรอันมากมายของอาณาจักรหนานหมิงในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดและกลายเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของอาณาจักรหนานหมิง

 

เพื่อที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ องค์ชายเฉินไม่ลังเลที่จะร่วมมือกับกองกำลังของจักรพรรดิหมิง

 

หลังจากที่องค์จักรพรรดิหมิงตกลง เขาก็ได้ปล่อยให้ราชาหวู่หยางมาที่นี่ด้วยตนเองเพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

นอกจากนี้จักรพรรดิหมิงยังส่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจากอาณาจักรหนานหมิงแปดคนติดตามมาด้วย

 

ส่วนคนทางขวามือ เป็นชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำ มีไอพลังมืดมนแปลกๆ

 

ชายชราผู้นี้มีชื่อว่าอินจิ่วฝูและเขายังเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดด้วย แต่ทักษะการบ่มเพาะของเขาค่อนข้างมีอันตรายแอบแฝง เขาจำเป็นตั้งดื่มเลือดมนุษย์เข้าไปด้วยเป็นครั้งคราว

 

ครั้งนี้ องค์ชายเฉินได้ติดต่อกับอินจิ่วฝูและตกลงเงื่อนไขว่าจะมอบเลือดมนุษย์ให้เป็นเวลายี่สิบปีแลกกับการช่วยเหลือเขาในการใหญ่นี้

 

แม้ว่าในยุทธภพนี้จะมียอดปรมาจารย์อยู่มากมาย แต่พวกเขาต่างก็อยู่กระจัดกระจายกันไป และพวกเขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจองค์ชายเฉินอีกด้วย

 

อินจิ่วฝูเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเพียงคนเดียวที่องค์ชายเฉินชักชวนมาได้

 

เพื่อให้อินจิ่วฝูยอมลงมือ องค์ชายเฉินได้ทำสัญญาจะมอบเลือดมนุษย์ให้เป็นเวลายี่สิบปี อีกฝ่ายจึงยอมออกมาจากภูเขาที่พำนัก

 

“ฝ่าบาทเฉินอย่าลืมนะว่าเลือดมนุษย์ที่ชายชราผู้นี้ต้องการก็คือเลือดของจอมยุทธน่ะ”

 

อินจิ่วฝูมองไปทางองค์ชายเฉิน

 

“เลือดของจอมยุทธ?”

 

มุมปากขององค์ชายเฉินกระตุก

ตอนที่เขาสัญญากับอินจิ่วฝูไว้ เขาไม่ได้บอกว่าจะมอบเลือดของจอมยุทธให้

 

แต่ก็เท่านั้น เมื่อนึกถึงความยิ่งใหญ่ตอนที่ตนขึ้นครองบัลลังก์ด้วยความช่วยเหลือของอินจิ่วฝู ไม่ว่าเรื่องไหนก็ยอมรับได้ทั้งนั้น

 

“เรื่องนี้ข้าตกลง”

 

“แต่จ้าวกงกงที่อยู่ในวังน่ะ…”

 

เมื่อองค์ชายเฉินกล่าวออกมาเช่นนั้นเขาก็หยุดพูดแล้วมองไปยังอินจิ่วฝูและราชาหวู่หยาง

 

“อย่าได้กังวล ปล่อยไอ้แก่นั่นให้ข้าจัดการเอง” อินจิ่วฝูไม่ได้สนใจอะไร

 

เมื่อองค์ชายเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย

 

ภายในวังหลวง คนที่เขาหวาดกลัวที่สุดคงต้องเป็นจ้าวกงกง

 

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากราชาหวู่หยางแห่งหนานหมิงผู้เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง องค์ชายเฉินก็ยังไม่สบายใจและไม่ลังเลเลยที่จะยอมจ่ายราคาแสนแพงเพื่อชักชวนอินจิ่วฝูให้มาช่วย

 

“องค์ชายเฉิน หลังจากที่สังหารองค์รัชทายาทได้แล้ว เจ้าจะขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไร?” ในตอนนั้นเอง ราชาหวู่หยางที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นก็เริ่มเปิดปากพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

 

แม้ว่าองค์ชายเฉินจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ยามนี้องค์รัชทายาทกำลังจะได้ขึ้นครองราชย์กลายเป็นจักรพรรดิ แม้องค์ชายเฉินจะสังหารองค์รัชทายาทไป เขาจะโน้มน้าวใจประชาชนได้เยี่ยงไร?

 

“มั่นใจได้เลย”

 

“ข้าได้ติดต่อกับขุนนางที่พ่อของพวกเขาถูกลิดรอนยศตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ข้าจะพาพวกเขากลับมาที่ฉางอันและเข้าไปในเขตพระราชฐานส่วนกลาง”

 

องค์ชายเฉินได้คิดหาทางออกเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

 

ในเมื่อเหล่าขุนนางไม่เชื่อฟัง ก็ต้องเอากลุ่มคนที่ไม่เชื่อฟังนั่นออกไปเสีย

 

แม้ว่านี่จะกลายเป็นปัญหาระยะยาว แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้องค์ชายเฉินแก้ปัญหาเร่งด้วยตอนนี้ได้ก่อน

 

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

 

ราชาหวู่หยางพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปยังเมืองฉางอัน

 

 

ด้านนอกห้องโถงชีวิตนิรันดร์

ขุนนางฝั่งพลเรือนและเหล่าทหารหาญร่วมร้อยชีวิตพากันคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าสลด

 

เช่นเดียวกับองค์รัชทายาทหลี่เชิง ตั้งแต่จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์ไปเมื่อคืน เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้จ้องมองไปที่องค์จักรพรรดิถังภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

“ฝ่าบาท ดูแลพระวรกายด้วย…”

 

ขันทีเดินมาหาหลี่เชิงแล้วกระซิบเบาๆ

 

“ข้ารู้แล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงค่อยๆ นั่งลง เขารู้ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดตอนนี้ก็คือควบคุมยึดครองทุกสิ่งที่จักรพรรดิถังได้ส่งต่อให้เขา

 

หลี่เชิงหันไปมองเหล่าขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารที่คุกเข่าอยู่

 

ทันใดนั้น

 

ชั่ววินาทีนั้นเอง

 

พลันปรากฏเสียงคำรามก้องมาแต่ไกล

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตกตะลึงและมองออกไปนอกพระราชวัง

 

ไม่นานหลังจากนั้น

 

แม่ทัพประจำวังหลวงรีบเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อยมาทางองค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมกล่าวรายงาน “ฝ่าบาท องค์ชายเฉินอยู่ด้านนอกนั่น…เขา…เข้ามาแล้ว…”

 

“อะไรนะ?!”

 

ม่านตาขององค์รัชทายาทหรี่แคบลง

 

หลังจากนั้นไม่นาน องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ตัดสินใจได้

 

“เจ้าตามข้ามา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบออกไปจากเขตพระราชฐานส่วนกลางในทันที

 

ขุนนางในราชสำนักคนอื่นต่างมองหน้ากันและรีบเดินตามองค์รัชทายาทหลี่เชิงไป

 

 

ในตอนนี้

 

นอกเขตพระราชฐานส่วนกลาง

 

องค์ชายเฉินยืนอยู่แถวนั้นอย่างเงียบๆ

 

อินจิ่วฝูก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย รอบตัวของเขามียอดปรมาจารย์ของราชวงศ์ถังหลายสิบคนยืนประจันหน้าราวกับเผชิญศัตรู

 

“จ้าวกงกงอยู่ที่ไหน ถ้าไอ้แก่นั่นไม่ลงมือละก็ ลำพังพวกเจ้าหยุดชายชราผู้ได้ด้วยหรือ?”

 

อินจิ่วฝูไพล่มือไปด้านหลัง ยกยิ้มอย่างดูถูก

 

แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะมีอันตรายแฝงอยู่และจำเป็นต้องดื่มเลือดมนุษย์เป็นระยะๆ แต่ไม่ว่าด้วยกรณีใด เขาก็เป็นถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นจะมาหยุดยั้งเขาได้อย่างไร?

 

เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือสังหารก็เป็นเพราะคอยระวังตัวจากจ้าวกงกงผู้นั้นอยู่

 

แม้ว่าต่อหน้าองค์ชายเฉิน อินจิ่วฝูจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจในตัวของจ้าวกงกง แต่ความเป็นจริงเขาระมัดระวังอย่างยิ่งในหัวใจ

 

ยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดไม่มีใครเป็นคนโง่ เขาจะดูหมิ่นตัวตนในระดับเดียวกันได้อย่างไร?

 

ขณะที่สองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น

ในที่สุดองค์รัชทายาทหลี่เชิงก็รีบเร่งมาจนถึงเขตพระราชฐานส่วนหน้า

 

“หลี่เฉิน เสด็จพ่อเพิ่งสิ้นพระชนม์ ตอนนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อกระทำการอันใด?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงจ้องมองไปที่องค์ชายเฉินและเน้นคำพูดทุกคำ

 

“โอ้?”

 

“งั้นข้าก็มีเรื่องที่อยากรู้เช่นกัน”

 

องค์ชายเฉินเดินเข้ามาช้าๆ มองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงด้วยท่าทีเย็นชา “ทำไมไอ้ลูกนอกคอกเช่นเจ้าถึงได้บัลลังก์ไปครองกัน?”

 

“วันนี้ข้าอยากให้ท่านพ่อรู้ว่าพระองค์นั้นเลือกผิดมหันต์!!”

 

เมื่อองค์ชายเฉินกล่าวเช่นนี้

 

เบื้องหลังของเขาก็ปรากฏยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งแปดคนที่มาจากอาณาจักรหนานหมิง ก้าวเดินเข้ามา

 

ราชาหวู่หยางเงยหน้าขึ้นและมององค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “องค์ชายเฉิน เจ้าต้องการให้ข้าสังหารเขาเลยหรือไม่?”

 

“เจ้าคือ?”

 

ช่วงเวลาที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงเห็นราชาหวู่หยาง เขาก็แสดงอาการออกมาทันที

 

“ราชาหวู่หยางแห่งหนานหมิง?”

 

“หลี่เฉิน นี่เจ้าร่วมมือกับอาณาจักรอื่นอย่างนั้นหรือ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์ชายหลี่เฉินแห่งอาณาจักรถังจะไปขอความร่วมมือจากอาณาจักรหนานหมิง?