บทที่ 362 มือมืดที่อยู่เบื้องหลัง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 362 มือมืดที่อยู่เบื้องหลัง
ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน แต่พอนึกถึงปฏิกิริยาท่านพ่อของเธอช่วงสองวันมานี้ อาอวี่ที่ปกติตามเธอก็ไม่ตาม เลยเข้าใจทันที

หนานกงเย่เปิดม่านออก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงมาจากรถม้า

ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ที่ลงมาจากรถม้า และเดินมาตรงหน้าเธอ

รอบเอวของฉีเฟยอวิ๋นแนบเข้ากับเอวหนานกงเย่ เงยหน้าขึ้นได้ยินหนานกงเย่กล่าวว่า“เมืองหลวงวุ่นวาย เกิดความคิดที่จะสังหารกันอยู่ทุกแห่งหน ข้าไปอย่างนี้ จะวางใจได้อย่างไรกันเล่า?”

ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะถามว่า “เช่นนั้นการจงใจออกจากเมืองหลวงก็คือการดักซุ่มโจมตีพวกเขาใช่หรือไม่เพคะ?”

“การใช้อวิ๋นอวิ๋นมาเป็นตัวล่อ เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความสามารถที่สุดของข้า แต่ข้าไม่มีทางเลือก จุดมุ่งหมายของพวกมันคืออวิ๋นอวิ๋น แทนที่จะรอพวกมันมา ไม่สู้กับข้าทำให้พวกมันมาดีกว่า”

ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือกอบกุมมือของหนานกงเย่ กล่าวว่า“ท่านอ๋องก็กลัวใช่หรือไม่?”

“การปรากฏตัวของข้า คือโอกาสที่ล่อแหลมมาก โอกาสนี้ หากมีความผิดพลาดก็คือตายตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าไม่ต้องการตาย”

หนานกงเย่กล่าวแล้วมองบริเวณโดยรอบ รถม้าเคลื่อนตัวออกไป ตรงหน้ามีคราบเลือดเกรอะกรัง บนพื้นนอนตายกันนับไม่ถ้วน คนสิบกว่าคนคุ้มกัน ทุกคนสวมเกราะเหล็ก และใบหน้าของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยเกราะเหล็กสีดำ ภายใต้การล้อมรอบของพวกเขา ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่เลยไม่เป็นอะไรเลยสักนิดหนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นมองคนเหล่านั้นที่นอนตายเกลื่อนกราดอยู่บนพื้น ใจลอยอยู่สักพักหนึ่ง การสังหารอย่างทารุณมันดีกว่าการทำบ้านเมืองวุ่นวาย

ที่จริงเมืองต้าเหลียงขาดใครไปผู้หนึ่งก็มิเป็นไร สิ่งที่กลัวที่สุดคือขาดหนานกงเย่

เธอเงยหน้ามองหนานกงเย่โดยไม่พูดอะไร หนานกงเย่โอบกอดเอวของฉีเฟยอวิ๋น มืออีกข้างจับที่มือของเธอ จากนั้นก้าวเท้าย่ำเดินไปด้านหน้า

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปด้านหน้า ความประมาทเลินเล่อนี้มีเพียงเขาที่คู่ควรแล้ว

เวลานี้มีทหารกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากทางด้านหลัง พวกเขามีถังน้ำและไม้กวาด ยึดครอบครองทั้งสองด้าน ด้านหลังปรากฏรถบรรทุกน้ำจำนวนมาก

ฉีเฟยอวิ๋นมองรถบรรทุกน้ำเหล่านั้น คิดไม่ถึงว่าผู้ที่นำคนมาคือรองแม่ทัพเฉา

บนท้องฟ้ามีอีกาดำกลุ่มหนึ่งบินมา อีกาดำร้องกาๆๆๆ ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองอีกาดำเหล่านั้น

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านใช้เนื้อคนป้อนให้อีกาดำกินโดยเฉพาะ ท่านไม่เกรงว่าวันไหนเนื้อคนมีพิษ แล้วทำให้อีกาดำตายได้หรือ?

พวกหม่อมฉันเคยศึกษาหัวข้อหนึ่ง ร่างกายคนเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุด กินเนื้อคนแล้วจะทำให้ป่วยได้”

“ข้าเคยได้ยินเพียงว่าคนกินอาหารป่าจะทำให้ป่วยง่าย ยังไม่เคยได้ยินว่าสัตว์ป่ากินคนแล้วจะทำให้ป่วยนะ”

“นั่นไม่แน่นอน ใครกินใครก็ล้วนไม่ดี หม่อมฉันจำได้ว่าทางฝั่งหม่อมฉันทางด้านนั้นเคยเกิดโรคระบาดเพราะว่ากินอาหารป่า สัตว์แพร่เชื้อแก่คนก่อน ต่อมาคนก็แพร่เชื้อถึงคนด้วยกัน องค์กรขนาดใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้ หมอและพยาบาลนับไม่ถ้วนต้องแข่งกับเวลา สุดท้ายแม้ว่าจะสำเร็จรับชัยชนะ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ล้มตายมีเท่าไหร่

คนหวาดผวากลัว มันน่ากลัวเสียเหลือเกินเพคะ!”

หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น และกล่าวว่า”นี่เป็นครั้งสุดท้าย ข้าสัญญาจะไม่ทำเช่นนี้อีก”

ฉีเฟยอวิ๋นเงียบขรึมลงทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตอบตกลงสัญญาอย่างง่ายดายเยี่ยงนี้

“อืม”

ฉีเฟยอวิ๋นกุมมือหนานกงเย่ คนผู้นี้ดีเกินไปก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี เธอกังวลใจมากหากมีโอกาสที่เธอได้กลับไป ตอนที่แยกจากเขา เขาจะกลายเป็นอย่างไรนะ

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอมักรู้สึกว่าระบบนี้ทำลายคนมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องมีสักวันหนึ่งที่เธอต้องแยกจากเขาแล้วกลับไป

แต่เป็นแบบนี้ล่ะก็ ตายก็ไม่กล้าพูดแล้ว

ระหว่างการเดินทางทั้งสองคนเดินตามทหารสวมชุดเกราะเหล็กจนมาถึงหน้าประตูจวนอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นชะงัก

“เป็นที่นี่ได้อย่างไร?”

ฉีเฟยอวิ๋นคิดแล้วไม่เข้าใจ

หนานกงเย่มองไปบนพื้น ทันใดนั้นมีจิ้งจอกหางสั้นวิ่งเพ่นพ่านออกมา ฉีเฟยอวิ๋นมอง ริมฝีปากไม่ได้กระตุกขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ตอนนี้จิ้งจอกหางสั้นยังฟังเขาเลย ความสามารถเขาไม่น้อยเลย!

จิ้งจอกหางสั้นวนแล้วหนึ่งรอบ เลยวิ่งไปใต้กำแพงอีกด้าน คนสวมชุดเกาะเหล็กเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก้มคุกเข่าลงมอง ลุกขึ้นมองหนานกงเย่ จากนั้นกล่าวว่า“คือเลือดพ่ะย่ะค่ะ”

“ตาม!”

หนานกงเย่กล่าวออกคำสั่ง คนรีบวิ่งเข้าจวนอ๋องตวน ประตูใหญ่ของจวนถูกเปิดออกคนแบ่งเป็นสองกลุ่ม ด้านหลังมีกองกำลังทหารตระกูลอวิ๋นสองพันนาย ทันใดนั้นได้ล้อมจวนอ๋องตวนไว้ได้

อาณาประชาราษฎร์ที่ผ่านมาต่างตกใจจนตัวสั่นเทา คนของกองกำลังทหารตระกูลอวิ๋นกล่าวว่า“จวนอ๋องตวนพบโจรขโมย มงกุฎมังกรเก้าเศียรประดับทองคำอ๋องตวนสูญหาย ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องหลบเลี่ยงออก เพื่อหลีกเลี่ยงการพัวพัน”

พอได้ฟังว่าจวนอ๋องตวนของหาย คนเหล่านั้นเลยไม่กล่าวอะไรวิ่งเผ่นกันหมด

ฉีเฟยอวิ๋นตามเข้าไปในจวน เดินตามแนวคราบเลือดจนมาถึงเรือนด้านหลังของจวนอ๋องตวน พอถึงจุดหมายฉีเฟยอวิ๋นมองคำที่เขียนว่าตำหนักฉู่เซวียน เลยเข้าใจขึ้นมาทันที

“นึกไม่ถึงเลยว่าจวินฉูฉู่จะเกลียดชังหม่อมฉันขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสั่งคนตั้งมากมายมาสังหารหม่อมฉัน “ฉีเฟยอวิ๋นนับถือจวินฉูฉู่จริงๆ เพื่อเธอแล้ว ก็นับว่าพยายามอย่างสุดความสามารถโดยแท้

มีคนเปิดประตูออก ทหารสวมชุดเกาะเหล็กกระโจนเข้าก่อน ตำหนักฉู่เซวียนถูกล้อมรอบไว้ ฉีเฟยอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเธอไม่ค่อยอยากเข้าไป

จวินฉูฉู่ดวงแข็ง ไม่ว่าจะใช้วิธีมากมายแค่ไหน ล้วนไม่สามารถจัดการกับจวินฉูฉู่ได้เลย และเธอก็ไม่อยากลงมือสังหารจวินฉูฉู่

อีกอย่างที่นี่เป็นจวนอ๋องตวน หากว่าจวินฉูฉู่ตาย อ๋องตวนจะต้องเกลียดชังชั่วชีวิต

ฉีเฟยอวิ๋นดึงหนานกงเย่เล็กน้อย กล่าวว่า“ช่างมันเถอะเพคะ”

หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวขึ้นว่า“ไม่ได้หรอก”

พูดจบหนานกงเย่ได้สาวเท้าก้าวเข้าไปด้านในฉีเฟยอวิ๋นเลยทำได้เพียงเดินตามหลังเขาไป

ผลักประตูเปิดออก หนานกงเย่เข้าไปดู บนเตียงมีคนนอนฟุบอยู่และกำลังอาเจียนออกมาเป็นเลือด

หนานกงเย่เดินเข้าไปด้านใน ตามด้วยทหารเสื้อเกาะเหล็ก คนจำนวนหนึ่งรีบไปหยุดด้านหน้าคนชุดดำ หนึ่งในนั้นกระชากผ้าพันคอคนชุดดำออก

หนานกงเย่ไม่แปลกใจที่เห็นเป็นจวินฉูฉู่

แต่ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ ว่าจวินฉูฉู่ถึงกับจะไปสังหารเธอด้วยตนเองเชียว

จวินฉูฉู่ได้รับบาทเจ็บอย่างหนัก อาเจียนออกมาเป็นเลือด

“ฮ่าๆ……”จวินฉูฉู่เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะเสียงดังลั่น ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าโศกเหลือเกิน เพื่อชายผู้เดียวจนต้องกลายเป็นเช่นนี้เลย

จวินฉูฉู่หัวเราะลั่นอยู่สักครู่หนึ่งแล้วหลับตาลงเป็นเวลานานมาก ได้สูดหายใจเข้าลึกๆและหันไปมองทางด้านของหนานกงเย่

“หนานกงเย่ เหตุใดท่านถึงไม่ชอบข้า เหตุใดถึงต้องชอบนาง?ท่านรู้หรือไม่ เพื่อท่านแล้วข้าเฝ้าคะนึงมาตั้งเท่าไหร่?”

จวินฉูฉู่พยายามลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซเข้าหาหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่และมองจวินฉูฉู่ที่อยู่ตรงกันข้าม

“ข้าเคยให้โอกาสเจ้า ตอนที่เจ้าจากไป และตัดสินใจแต่งงานกับท่านอ๋องตวน ก็กำหนดการตัดขาดเยื่อใยของข้าแล้ว”

ในที่สุดหนานกงเย่ก็พูดออกมา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกแปลกใจ

มือของเธอยังถูกหนานกงเย่กุมไว้อยู่

หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น แล้วกล่าวว่า“วันนี้นับว่าข้าได้ให้คำอธิบายแก่อวิ๋นอวิ๋นแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“หม่อมฉันเชื่อท่านอ๋อง ไม่ต้องการคำอธิบายอะไรเลยเพคะ”

“ข้าต้องการให้คำอธิบายแก่อวิ๋นอวิ๋น”หนานกงเย่กล่าวอย่างแน่วแน่ และหันไปหาจวินฉูฉู่ที่อยู่ตรงหน้า

จวินฉูฉู่หัวเราะขบขัน กล่าวว่า“หนานกงเย่ วันนี้ หากว่าเป็นนาง ท่านจะตัดขาดเยื่อใยได้หรือไม่?”

“…….”