ตอนที่ 96 บันทึกการวิจัย

Legend of the mythological genes

“นี่คือบันทึกการวิจัยเรื่อง นำกลับไปศึกษาให้ดี! เฟิงหลิน พรสวรรค์ของคุณเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป คุณไม่จำเป็นต้องทำงานปกติอีกต่อไป คุณจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่หลักของแผนกวิจัยของเรา “ภายใต้การล้างสมอง ทัศนคติของหัวหน้าไอค์เปลี่ยนไปมาก

 

เฟิงหลินอยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนาเพียงไม่กี่วัน แต่เขาได้กลายเป็นพนักงานหลักแล้ว!

นี่เป็นจังหวะชีวิตแบบไหนกัน?

จังหวะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนชื่นชมเขา ไม่มีใครอิจฉา

นั่นเป็นเพราะต่อให้อิจฉาก็ไม่ได้อะไรมา

ในฐานะแผนกหลักของบริษัทยาไจแนท์ แผนกวิจัยและพัฒนาเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่สำคัญที่สุดแม้ว่าความกดดันในการแข่งขันจะสูง แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนผู้มีความสามารถ

พวกเขาทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าการที่เฟิงหลินได้เข้าเป็นสมาชิกหลักไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือผู้สนับสนุนอื่น แต่เขาได้รับมันด้วยทักษะและความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของเขา

แม้ว่าทุกคนในแผนกวิจัยและพัฒนาจะค่อนข้างชื่นชอบเฟิงหลิน แต่การที่เด็กใหม่ข้ามหน้าข้ามตาก็ทำให้รู้สึกขมปาก แต่ก็ไม่ได้อิจฉา

สิ่งที่พวกเขาไม่ทราบคือเฟิงหลินสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาได้พัฒนาเทคนิคการจัดการไมโครยีนโดยใช้สมการทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเฟิงหลินใช้เทคนิคสะกดจิตล้างสมองไอค์ เพื่อลดอคติที่มีต่อเขา ดังนั้นไอค์จึงเลือกเขาแทน

ตอนนี้เฟิงหลินรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม เขาดีใจที่เขาเลือกเส้นทางถูก การเรียนรู้เทคนิคการสะกดจิตช่วยให้เขาใกล้ชิดกับคนอื่นได้

ตอนนี้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูเปลี่ยนไปแล้ว พร้อมกับความเป็นอิสระและมีพื้นที่ เขาสามารถใช้วิธีการของเขาได้อย่างอิสระและง่ายดาย

เนื่องจากระบบสุริยจักรวาลค่อนข้างวุ่นวาย ระเบียบทางสังคมจึงอยู่แบบแยกตัวออกจากกันฃ

การเรียนรู้เทคนิคสะกดจิตจะช่วยให้เขาเข้าถึงหัวใจของคนอื่นอย่างเงียบๆ และสร้างสถานการณ์ที่ได้เปรียบสำหรับตัวเอง

นี่คือสิ่งที่เฟิงหลินต้องการ

ในตอนท้ายของวันทำงาน เฟิงหลินยิ้มและทักทายเพื่อนร่วมงานคนอื่น และเดินไปที่ห้องของเขา

เมื่อเขาแยกตัวออกจากผู้คน และไม่มีใครสังเกตเห็นสีหน้าของเขาอีกต่อไป รอยยิ้มของเฟิงหลินก็พลันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

หลังกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง เฟิงหลินก็เริ่มการบ่มเพาะทันที เขาดื่มน้ำยาแห่งชีวิตสิบขวดติด ตามด้วยสารอาหารเหลวสิบขวด

 

แม้ว่าร่างกายของเขาจะผอมเพรีย วท้องของเขากลับเหมือนวัว ความกระหายของเขานั้นเกินจินตนาการ

เฟิงหลินรู้สึกว่าสิ่งที่เขาดื่มไม่ใช่ยา แต่เป็นเงิน เขากินเงินจำนวนมากอย่างรวดเร็วเข้าท้องของเขา

ความรู้สึกเร่งรีบปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาต้องการสร้างรายได้โดยเร็วที่สุด

เพื่อทำเงิน มีงานไหนบ้างที่จะสร้างความมั่งคั่งได้ดีไปกว่านักพันธุศาสตร์?

ดังนั้นการเป็นนักพันธุศาสตร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเฟิงหลิน

เขาไม่คิดมากเกินไป สงบลมหายใจและสติ

ใช้เทคนิคในการแปลงพลังงานเป็นชี่ อัตราสารอาหารที่ถูกแปลงเป็นศักยภาพทางพันธุกรรมกลายเป็นสองเท่า

ศักยภาพทางพันธุกรรม + 20%, + 20%, + 20% …

ไม่นานก็สูงถึง 668% พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นถึง 18.9

เมื่อการฝึกฝนเสร็จสมบูรณ์ เฟิงหลินก็ลืมตาและถอนหายใจ

แม้ว่าศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจ

ตอนนี้ความต้องการศักยภาพทางพันธุกรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราที่เขาบ่มเพาะ อย่างน้อยต้องสามครั้งเขาถึงจะมีศักยภาพทางพันธุกรรมมากกว่า 1,000% เพื่อที่จะได้รับแต้มพันธุกรรมแรกเริ่มหนึ่งหน่วย

นอกจากนี้เขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงยีนลิงหิน

อย่างไรก็ตาม แค่คิดมันไร้ประโยชน์

เขาเติมสารอาหารจนเต็ม การบ่มเพาะต่อเนื่องเปลืองพลังงานจิตมาก

เฟิงหลินนอนหลับ และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เขารีบล้างหน้าและเริ่มดูบันทึกการวิจัย

ตอนเช้าสมองปลอดโปร่งที่สุด เขารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีในการอ่านบันทึกการวิจัย บันทึกนั้นมีข้อมูลที่ละเอียดมากเกี่ยวกับการทดลองมนุษย์ในช่วงเวลาต่างๆ

เขาทนกับความรู้สึกในใจ และดูบันทึกต่อไป เขาค่อยๆเข้าใจว่าแผนกวิจัยและพัฒนากำลังทำอะไรอยู่

 

ยายีนมีผลกระตุ้นยีน หลังจากบริโภคซ้ำๆ และกระตุ้นยีนบางอย่าง มันอาจปลุกยีนขึ้นมาอย่างถาวร

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกายมนุษย์จะต้องทนผลข้างเคียงของยาได้

ในการทดลองครั้งแรก ผู้ทดลองไม่สามารถทนความแรงของยา หลังจากดื่มย าร่างกายของพวกเขาระเบิดจนเสียชีวิต

แต่ต่อมา ในขณะที่แผนกวิจัยและพัฒนายังคงเจือจาง และปรับความแรงของยาบางส่วน มีบางคนสามารถทนต่อยาที่มีเบาลงได้ พลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน สอดคล้องกับสัญญาณการตื่นของยีน

สถานการณ์ดูเหมือนจะดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล

นั่นเป็นเพราะความอดทนของร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัด แม้จะเข้าใกล้ขีดจำกัดได้ แต่ก็ไม่สามารถเกินขีดจำกัดได้

ในขณะที่กลุ่มมนุษย์ทดลองถูกทดลองอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายร่างกายของพวกเขาก็ระเบิด

นั่นเป็นข้อจำกัดของร่างกายคนธรรมดา นี่คือสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและยากที่จะเปลี่ยนแปลง

หลังจากการทดลองซ้ำๆก็ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหา

 

เมื่อมาถึงจุดนี้เฟิงหลินก็รู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่ท้าทายขีดจำกัดร่างกายมนุษย์ พวกเขาจึงเริ่มต้นการพัฒนายาเอง

พวกเขาพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของยาและลดผลข้างเคียง

ประเด็นนี้กระตุ้นเฟิงหลิน ครั้งแรกที่เขามาแผนกวิจัยและพัฒนา เขาได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงยาอะดรีนาลีน หรือนี่คือจุดประสงค์?

อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับวิธีนี้

บริษัทยาไจแอนท์เป็นองค์กรที่มีความสามารถมากมาย มีนักพันธุศาสตร์หลายคนในแผนกวิจัยและพัฒนา  การปรับปรุงสูตรยาก็ไม่ยากสำหรับพวกเขา

เมื่อเห็นว่าไม่มีความก้าวหน้ามานาน วิธีก็คงไม่ได้ผล

แล้วปัญหาคืออะไร?

เฟิงหลินมีลางสังหรณ์ในใจว่านี่เป็นจุดสำคัญสำหรับเขาหากเขาไขข้อข้องใจนี้ได้ นอกจากนี้มันจะช่วยเขาอย่างมากในการก้าวเข้าสู่การเป็นนักพันธุศาสตร์ อนาคตของเขาจะไร้ขอบเขต

เฟิงหลินศึกษาภาพอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็มีฉากหนึ่งดึงดูดความสนใจเขา

บันทึกนี้คือบันทึกเมื่อสามปีที่แล้ว

มันแปลกมาก โดยเฉพาะฉากการทดลองที่ไม่ได้อยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนา

ดูเหมือนว่านี่เป็นสถานที่อื่น

 

“เร็วเข้า รีบขุดซากปรักหักพัง มันอาจมีความลับจากตำนานโบราณ!”

“กลิ่นนี้คือกลิ่นอะไร? ดูเหมือนว่าจะเป็นยาชนิดหนึ่ง! บางทีนี่อาจเป็นยาโบราณ!”

“ทำไมน้ำยานี้ถึงเป็นยาทา?”

 

 

เสียงมาจากวิดีโอแต่ไม่มีมีคน

ทันใดนั้นภาพก็เปลี่ยนเป็นแผนกวิจัยทันที

มีการใส่สารคล้ายขี้ผึ้งสีม่วงเข้าไปในปากมนุษย์ทดลอง

ตัวอย่างต่อไป ท่าทางของมนุษย์ทดลองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หลอดเลือดดำปูดขึ้นเหมือนมีใยแมงมุมปกคลุมร่างกาย เหมือนวิญญาณชั่วร้ายที่มาจากนรก ใบหน้าที่น่ากลัวจ้องมองคนที่อยู่รอบข้าง แยกเขี้ยวขบฟันต้องการดูดเลือดและกินเนื้อของพวกเขา

กลุ่มนักวิจัยยืนอยู่ใกล้หลอดทดลอง และสังเกตปฏิกิริยาอย่างใกล้ชิด คนที่อยู่หน้าสุดคือผู้จัดการแฟรงค์

ทันใดนั้นมนุษย์ทดลองก็ใช้มือบีบคอ และส่งเสียงร้อง มีปีกงอกขึ้นจากด้านหลังของเขาและโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

แผนกวิจัยและพัฒนาส่งเสียงดัง

 

“นั่นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์โบราณจริงๆ มันส่งผลกระทบต่อมนุษย์!”

“ผลจะเป็นยังไง? มันจะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้บ่มเพาะยีนได้?”

“เหลือเชื่อ!”

 

 

บูม บูม!

เสียงบางอย่างทะลุผ่านร่างกายดังขึ้น!

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

ปีกคู่หนึ่งพุ่งทะลุด้านหลังมนุษย์ทดลอง ข้างหนึ่งเป็นสีทองอีกข้างหนึ่งเป็นสีเงิน เลือดหยดลงจากขนนกนุ่ม

ทันใดนั้น ปีกก็สะบัดอย่างดุร้าย หวือ ~ ลมและฟ้าปรากฏขึ้นพร้อมกัน ส่งเสียงดังกึกก้อง

นี่คือ …