กระอักเลือดสดพุ่งออกมาจากปาก เลือดสดของเมิงซันถูกพลังปราณทำให้กลายเป็นหอกยาว แทงทะลุเสื้อปราณของลู่สวินเข้าไป จนทะลุต้นขาของลู่สวิน

ลู่สวินหันตหลับไปซัดฝ่ามือใส่เหมาอีจนกระเด็นลอยออกไป จากนั้นก็ออกฝ่ามือ โจมตีใส่ตัวของเมิงซันไม่ยั้ง

แต่ตอนนี้ตัวเมิงซันมีแสงสีเลือดสว่าง แต่พลังปราณของลู่สวินกลับไม่อาจทำลายเกราะเลือดพวกนี้ได้

เมิงซันก็รวบพลังสร้างเป็นหอกเลือดออกมาอีกครั้ง แล้วก็แทงไปอย่างแรง ทันใดนั้น ต้นขาอีกข้างของลู่สวินก็ถูกแทงทะลุ

ลู่สวินกระอักเลือดออกมา พลังอ่อนลงไปอย่างรวดเร็ว

นี่ก็คือความแข็งแกร่งของวิชาโลหิตพิฆาต ถ้าโจมตีถูกตัวฝั่งตรงข้าม ก็จะทำให้ฝั่งตรงข้ามเสียพลังอย่างรวดเร็ว

แสงสว่างในตาของลู่สวิน มืดมิดลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว เมิงซันส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็จับตัวของลู่สวินยกขึ้น

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เมิงซันตะโกน เสียงดังสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด จนทุกคนต้องหยุดอาวุธในมือตนเองกันหมด

เอามือบีบคอของลู่สวิน เมิงซันพูดออกมาว่า “คนตระกูลลู่ ยังไม่หยุดต่อต้านอีก อย่าทำให้เสียเวลาฉัน วางอาวุธลงให้หมด พวกนายยังพอมีโอกาสรอด ไม่อย่างนั้น ฉันจะเริ่มฆ่าจากหมอนี่ไปทีละคน”

ลู่เฮ่าหราน ลู่หาวกับคนอื่นก็มองดูลู่สวินที่ถูกบีบหอ สายตาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ถ้าไม่มีลุงสวิน ยังจะมีใครที่สามารถต้านทานเมิงซันกับเหมาอีได้

ตระกูลลู่ไม่เหลือโอกาสให้พลิกกลับมาอีกครั้งแล้ว

โม่เทียนหัวเราะแล้วพูด “ถูกต้อง ยอมแพ้เสียตอนนี้ ฉันจะให้พวกนายรอดไปได้หลายๆ คน พอถึงตอนนั้นลู่ฝานกลับมา ฉันจะได้มีแต้มต่ออยู่ในมือ พวกนายดูสิว่า ใครจะยอมมาเป็นแต้มต่อให้ฉัน?”

โม่เทียนก็พูดไปตรงๆ อย่างไม่กลัว พวกลูกน้องของตระกูลโม่ที่เหลือก็หัวเราะกันขึ้นมา

เมิงซันออกแรงที่ฝ่ามือเล็กน้อย บีบคอลุงสวินจนหน้าแดงก่ำ ตัวกระตุกๆ

เพราะเรื่องบ้าๆ นี้ของตระกูลโม่ เขาเล่นเอาจนหมดความอดทน อีกอย่าง เขาก็ได้ทำผิดต่อความต้องการของซิงยวน ถ้าซิงยวนรู้เข้า พอเขากลับไปถึงสำนัก ต้องถูกลงโทษอีกแน่นอน

เมิงซันค่อนข้างร้อนรนไม่เป็นสุข สาดสายตาเย็นชากวาดมองไปทั่ว

ลู่หาวก้าวออกมาเป็นคนแรก ถึงแม้ตอนนี้แต่ละก้าวย่างของเขามันจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่ลู่หาวก็ยังยืดตัวตรงเดินออกมา

“ตระกูลลู่ของเรา ถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ หรือตระกูลที่ฝึกวิถีบู๊จริงๆ จังๆ แต่พวกเราก็เป็นนักบู๊ อย่างอื่นเราไม่มี แต่เรามีร่างกายที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ มีกระดูกที่ทุบไม่แตก ท่านสวิน ต้องขอโทษด้วย ผมช่วยชีวิดท่านไว้ไม่ได้ แต่ผมสามารถตายไปพร้อมกับท่านได้ ลูกน้องของตระกูลลู่ทั้งหลาย หยิบอาวุธของตนเองขึ้นมา สู้กันครั้งสุดท้าย!”

ลูกน้องของตระกูลลู่ทั้งหมดก็ตะโกนดังเหมือนเสียงสัตว์ป่า

ถูกบีบบังคับจนหมดหนทาง ก็เลยไม่ต่างจากสัตว์ป่าแบบนี้

เมิงซันยิ้มเย็น สะบัดมือพูดว่า “ไอ้พวกรนหาที่ตาย ฆ่าเลย ฆ่าให้หมดเลย!”

เหมาอีพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ฆ่าอย่าให้เหลือ!”

พูดไป เมิงซันก็ใช้กำปั้นต่อยไปยังลุงสวินที่บีบคออยู่ เขาจะเอากำปั้นต่อยไปที่หัวของลุงสวินให้พวกนั้นได้เห็น ให้คนตระกูลลู่อันโง่เขลาได้รู้ ว่าอะไรเรียกว่า อำมหิต

พอต่อยลงไป ทันใดนั้นเมิงซันก็พบว่าต่อยไม่โดน

ในขณะเดียวกันลุงสวินที่บีบคออยู่ก็หายไป จ้องตามองดู ก็เห็นว่ามีหมาตัวใหญ่ตัวหนึ่งคาบลุงสวินไป

มันเร็วมาก พริบตาก็วิ่งเข้าไปในบ้านของตระกูลลู่ แล้ววางลุงสวินลง

“หมาบ้าที่ไหนกัน!”

เมิงซันกัดฟันพูด

และในตอนนี้เอง ก็มีเงาคนสองคนลงมาจากฟ้า แล้วร้อนลงตรงหน้าทุกคนอย่างเสียงดัง

“ในที่สุดก็มาทันจนได้!”

พอฝุ่นสลายไป สายตาของทุกคนก็มองไปยังสองคนที่โผล่เข้ามา

สิ่งที่เตะตาเลย ก็คือกระบี่หนักเล่มหนึ่ง พอพวกเขาเห็นชายที่แบกกระบี่หนักเล่มนี้นั้น เหล่าลูกน้องของตระกูลลู่ก็หลุดตะโกนกันออกมา