กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 631
ชิงเฟิงรู้สึกว่าสิ่งนี้ก็ฟังดูก็มีเหตุผล แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกว่ามีอะไรแปร่งๆ

เขาทำตามหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี ไม่กล้าประมาทในการเฝ้าปกป้องนายท่านอยู่ข้างนอกเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาจะผิดได้อย่างไร

เจี้ยงเสวี่ยส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ

“เจ้าเด็กเถรตรงเอ๊ย…”

ชิงเฟิงสูดลมหายใจและบ่นพึมพำ “อย่างมากสุดตอนที่นายท่านพลอดรักกัน ข้าอยู่ห่างกว่าเดิมสักนิดก็ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว แต่ตอนนี้ข้าควรจะทำอย่างไรดี เจี้ยงเสวี่ย ข้าไม่อยากไปหอจวี๋อิง เจ้าช่วยข้าขอร้องนายท่านหน่อยได้หรือไม่”

“ข้าไม่กล้า”

“นายท่านเชื่อถือเจ้ามากที่สุด ถ้าเจ้าเอ่ยปากขอร้อง ข้าคงยังพอมีโอกาส ไม่อย่างนั้นข้าคงถูกเปลื้องผ้าจนเกลี้ยงให้คนมามุงดูจริงๆ แน่ เจ้าจะแข็งใจทำได้หรือ”

“ไปขอร้องนายท่านแล้วจะมีประโยชน์อะไร ควรไปขอร้องพระชายาดีกว่า ขอเพียงพระชายารับสั่งมาคำเดียว อย่าว่าแต่ไม่ต้องไปหอจวี๋อิง แม้แต่ห้องน้ำเจ้าก็คงไม่ต้องขัด”

ชิงเฟิงส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด

ไปขอร้องพระชายา… เขาจะไม่ถูกลงโทษอย่างโหดร้ายยิ่งกว่านี้หรอกหรือ

พระชายาไม่เคยปฏิบัติต่อเขาดีๆ เลย

มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาในค่ำคืนที่เงียบสงัด

ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยขยับเข้าไปใกล้กัน ทันใดนั้นก็เห็นว่าชิวเอ๋อร์ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น นางกำลังปิดปากหัวเราะจนคิ้วโก่ง

ทันทีที่เห็นชิวเอ๋อร์ ทั้งสองคนก็รีบจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยและยืดหลังตรง แสดงด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของตนเองออกมา

“แม่นางชิวเอ๋อร์ ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่นอนอีก”

“ข้ารู้ว่าชิงเฟิงจะต้องถูกลงโทษให้ขัดห้องน้ำแน่ๆ ดังนั้นข้าจึงขัดห้องน้ำทั้งหมดในจวนอ๋องไว้ล่วงหน้า”

ฮือ…

ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยพ่นลมหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง

“เจ้าเป็นหญิงงามบอบบาง พวกข้าจะปล่อยให้เจ้าขัดได้อย่างไร”

“ใช่ นี่มัน… นี่มัน…”

ชิงเฟิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เขาชอบชิวเอ๋อร์มาตลอดและอยากจะแย่งงานทั้งหมดที่ชิวเอ๋อร์มีมาทำแทน แต่วันนี้เขากลับทำให้นางต้องมาขัดห้องน้ำ ห้องน้ำเหม็นออกขนาดนั้น ทั้งยังต้องทำทั้งจวนเลยด้วย

ชิวเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปใกล้พวกเขา “ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรข้าก็ว่างอยู่แล้ว ตอนนี้คุณหนูแทบจะไม่อยู่ในจวน ขัดห้องน้ำเสียหน่อยเวลาแต่ละวันจะได้ผ่านไปเร็วขึ้น”

เจี้ยงเสวี่ยรีบชื่นชมอย่างประจบ “แม่นางชิวเอ๋อร์ใจดีจริงๆ แต่ต่อไปเรื่องขัดห้องน้ำปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง มือของเจ้าบอบบางขนาดนั้น อย่าได้ทำให้เปรอะเปื้อนเลย”

ชิงเฟิงตะลึงตาไม่กะพริบ

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกลงโทษให้ขัดห้องน้ำ เขาเรียกเจี้ยงเสวี่ยให้มาช่วยหลายต่อหลายครั้งแต่เจี้ยงเสวี่ยก็ทำเป็นเมินเฉย เหตุใดวันนี้เขาจึงกระตือรือร้นนัก

ชิวเอ๋อร์เหลือบมองเจี้ยงเสวี่ยก่อนจะหันไปมองชิงเฟิง เอ่ยอย่างปลอบใจว่า

“อันที่จริงคุณหนูเป็นคนจิตใจดีและคุยง่าย ไว้รอพรุ่งนี้เมื่อคุณหนูตื่น ข้าจะช่วยท่านพูดกับคุณหนูให้ คุณหนูเพียงแต่ขู่ท่าน ไม่ส่งท่านไปหอจวี๋อิงจริงๆ หรอก”

“นางจะยอมหรือ”

ชิงเฟิงไม่ใคร่จะเชื่อ

ชิวเอ๋อร์บอกกับเขาตลอดว่าพระชายาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่พระชายาที่เขารู้จักไม่เห็นจะดีเลยสักนิด นางมีแต่จะยั่วเขาเล่น

“ต้องยอมอยู่แล้ว ท่านไม่เชื่อใจคุณหนู หรือแม้แต่ข้าท่านเองก็ไม่เชื่อ?”

ชิงเฟิงเกาศีรษะอย่างกระดากอายและเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “แน่นอนว่าข้าเชื่อเจ้าอยู่แล้ว”

“ท่านหิวหรือไม่ ข้าทำของว่างยามดึกเอาไว้ มาสิ ข้าจะพาท่านไปกิน”

“เอาสิ” ชิงเฟิงลูบท้องแฟบๆ แล้วยิ้มกว้าง

เจี้ยงเสวี่ยงงงัน

นี่เขาถูกทิ้งงั้นหรือ?

หัวใจของเขาว่างเปล่าอย่างอธิบายไม่ถูก ดูเหมือนชิวเอ๋อร์จะปฏิบัติต่อชิงเฟิงดีกว่าเขาอย่างไรก็ไม่รู้

เสียงเรียกของชิวเอ๋อร์ดังเข้ามากระทบโสตประสาท “ท่านพี่เจี้ยงเสวี่ย เหตุใดจึงยังไม่มาอีก ถ้าไม่รีบ ระวังชิงเฟิงจะกินอาหารว่างหมดนะเจ้าคะ”

หัวใจของเจี้ยงเสวี่ยเหมือนถูกเคลือบด้วยน้ำผึ้ง เขารีบวิ่งตามไปทันที

ณ ห้องบรรทม

กู้ชูหน่วนกับเยี่ยจิ่งหานนอนอยู่เคียงข้างกัน ทั้งสองหอบหายใจเสียงดัง บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายไปทั่ว

“ไม่ได้ตกลงกันว่าครั้งเดียวหรอกหรือ” น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนไม่คงที่นัก

เยี่ยจิ่งหานช่วยเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงโอบกระชับเอวบางเข้าหาตัว

“เจ้ารสชาติดีเกินไป ข้าอดไม่ได้”

เหล้าหอมหวานที่อดไม่ได้

เอวนางแทบหัก

เยี่ยจิ่งหานสูดดมกลิ่นกายและกลิ่นเหงื่อของนางอย่างอิ่มอกอิ่มใจ รอยยิ้มแห่งความพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“อาหน่วน ไว้หลังจากแก้คำสาปโลหิตสำเร็จ เราไปหาที่สันโดษอยู่กันสองคนเถอะนะ”

กู้ชูหน่วนหาว หลังจากออกแรงกันมานางก็เหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรง ไหนจะต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างระหว่างวันอีก

“เรื่องในอนาคตค่อยว่ากันทีหลัง”

“รับปากสิ ว่าเจ้าจะไม่คบหาผู้ชายคนไหนอีกนอกจากข้า”

คำตอบที่เยี่ยจิ่งหานได้รับคือลมหายใจที่สม่ำเสมอของกู้ชูหน่วน

เขาอดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มนั้นประหนึ่งบัวหิมะที่ผลิบานขึ้นมาในภูเขาน้ำแข็งอย่างฉับพลัน แล้วห้องทั้งห้องก็กลายเป็นฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น

เยี่ยจิ่งหานปัดปอยผมที่เปียกเหงื่อบนหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน อยากจะบดขยี้นางเข้าไปให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจ

เขากำลังยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มนั้นมีความทุกข์ใจแฝงอยู่ ราวกับว่ามีปัญหาบางอย่างในใจที่ยังแก้ไขไม่ได้

ผ่านไปเนิ่นนาน สุดท้ายเขาก็พึมพำกับตัวเองว่า “ปีศาจน้อย เจ้าว่าข้าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดี”

กว่ากู้ชูหน่วนจะตื่น เวลาก็ล่วงมาจนถึงตอนเที่ยงของวันถัดมา เยี่ยจิ่งหานลุกออกไปแล้ว และคนที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ คือชิวเอ๋อร์

ชิวเอ๋อร์ยิ้มและพูดเจื้อยแจ้วว่า “คุณหนูกับท่านอ๋องนับวันยิ่งรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ชิวเอ๋อร์ดีใจกับท่านจริง”

“เยี่ยจิ่งหานล่ะ”

ไม่ว่านางจะนอนดึกแค่ไหน เยี่ยจิ่งหานจะรอจนนางตื่นแล้วไปกินข้าวพร้อมกันเสมอมิใช่หรือ

วันนี้ทำไมถึงไม่เห็นเขาเลยล่ะ

“ท่านอ๋องบอกว่าที่ค่ายทหารมีปัญหานิดหน่อยจึงต้องออกไปก่อนเจ้าค่ะ ท่านให้ที่โรงครัวทำของโปรดของคุณหนูไว้แล้ว”

เกิดเรื่องอะไรที่ค่ายทหารงั้นหรือ

ตอนนี้ไม่มีสงครามแล้ว จะเกิดเรื่องอะไรที่ค่ายทหารได้อีก

ชิวเอ๋อร์ช่วยนางอาบน้ำพลางขอร้องอย่างเขินๆ “คุณหนู ท่านช่วยพูดกับท่านอ๋องหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าให้ยกเลิกการลงโทษชิงเฟิง ชิงเฟิงเขาเป็นคนซื่อตรงและไร้เดียงสา ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง เขาบอกว่าคราวหน้าเข้าจะไม่ฟังอีก”

กู้ชูหน่วนจงใจลากเสียงยาว มองชิวเอ๋อร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “อ้อ… ดูเหมือนเจ้าจะดีกับชิงเฟิงมากเป็นพิเศษนะ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยมาขอร้องข้าแทนชิงเฟิงอยู่หลายครั้งมิใช่หรือ เจ้าคงไม่ได้สนใจเขาหรอกนะ”

ชิวเอ๋อร์หน้าแดงและรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหู

นางเอ่ยอย่างตำหนิ “คุณหนูพูดจาเหลวไหลอะไรเจ้าคะ บ่าวกับชิงเฟิงบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น”

“ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าจะมาขอร้องแทนเขาทำไม”

“คุณหนู…” ชิวเอ๋อร์เริ่มร้อนใจ

กู้ชูหน่วนจิ้มหน้าผากของนางและเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เอาละ ไหนๆ เจ้าก็เอ่ยปากเองทั้งที จะไม่ทำก็กระไรอยู่ แต่เรื่องรักสามเส้าของเจ้าก็ควรจะจัดการให้เรียบร้อยมิใช่หรือ”

“รักสามเส้าอะไรกันเจ้าคะ”

“ชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ย เจ้าเลือกคนไหน? ข้าว่าเจ้าเด็กโง่สองคนนั้นสนใจเจ้ามาก”

“คุณหนูกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรเจ้าคะ บ่าวฐานะต่ำต้อย จะกล้าอาจเอื้อมไปสนใจหัวหน้าทั้งสองได้อย่างไร”

“ใครกล้าพูดว่าเจ้าฐานะต่ำต้อย ข้าจะฆ่าให้เรียบ”

“โธ่ ข้าไม่พูดกับคุณหนูแล้ว เมื่อครู่ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยวส่งคนมาหาเจ้าค่ะ บอกว่าขอให้คุณหนูไปพบกันที่ห้องลับของจวนแม่ทัพตอนช่วงเที่ยง”

รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนหยุดชะงัก

แม่ทัพใหญ่เซี่ยวต้องการพบนางรึ

ยังไม่ถึงสามวันเลย เขาจะอยากพบนางไปเพื่ออะไร

นางกับเขาเพิ่งแยกกันเองนี่นา

ถ้าอยากนัดเจอที่ห้องลับ เหตุใดจึงยังต้องส่งคนมาบอก เขาควรจะมาหานางด้วยตัวเองหรือไม่ก็นัดเจอที่ห้องตำรามิใช่หรือ

กู้ชูหน่วนระงับความสงสัยเอาไว้และบอกว่า “เจ้าส่งคนกลับไปรายงานว่าข้าจะไปถึงตอนเที่ยงๆ”

“คุณหนูมึนอีกแล้วหรือเจ้าคะ นี่ใกล้จะเที่ยงแล้ว คุณหนูยังไม่ได้กินอาหารกลางวันเลย ต่อให้คุณหนูเร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางไปถึงจวนแม่ทัพได้ทันเวลาอยู่ดี”

กู้ชูหน่วนหยิบเสื้อคลุมมาสวมและวิ่งตรงไปที่ประตูจวนหานอ๋องโดยที่ไม่บอกกล่าวอะไร

“เหตุใดคุณหนูต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยเจ้าคะ”

“จะไปจวนแม่ทัพ เจ้าเดินช้า ไม่ต้องตามข้าไปหรอก บอกเจ้าโง่ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยว่าไม่ต้องตามไปเหมือนกัน”