บทที่ 364 ขอโทษและยอมรับผิด

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 364 ขอโทษและยอมรับผิด
เมื่อทุกคนออกไป ท่านอ๋องตวนก็รีบเข้าไปดูอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนกล่าว “อย่าเข้ามา ท่านไปดูนางก่อน ข้ายังมีธุระ”

เมื่อหันหลังอวิ๋นหลัวฉวนก็วิ่งออกไป หนานกงเยี่ยนต้องการจะตะโกนเรียกนาง แต่จวินฉูฉู่เป็นลมหมดสติไป

หนานกงเยี่ยนไปดูจวินฉูฉู่ อวิ๋นหลัวฉวนหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งและหันไปมองหนานกงเยี่ยนที่กำลังอุ้มจวินฉูฉู่ไว้ นางกดไหล่เอาไว้และรีบเดินออกไป

ฉีเฟยอวิ๋นกลับถึงรถม้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว รอบแผลได้ประสานเข้าหากันแล้ว แต่มองไปที่สีหน้าที่เย็นชาของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้ว่าเขาโกรธมาก

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมาและพิงไปในอ้อมอกของหนานกงเย่และกุมมือของเขาไว้ “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ให้มันจบเถอะเพคะ”

“……” หนานกงเย่ไม่พูดอะไร ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าหนานกงเย่ไม่ยอมอย่างแน่นอน

“พระชายารองอวิ๋นก็มีบทบาทของนาง ท่านจะทำร้ายท่านอ๋องตวน นางจึงรู้สึกโกรธ”

“นางทำร้ายอวิ๋นอวิ๋น ข้าไม่รู้สึกโกรธหรือ?”

“……”

ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่พูดอะไร

เมื่อรถม้าเดินทางมาถึงจวนท่านอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่อุ้มลงมาจากรถม้า และข้างหน้าก็มีคนขี่ม้าติดตามพวกเขามา

“เจี๊ยะ……”

ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองนั้นก็รู้สึกตกใจ อวิ๋นหลัวฉวนควบม้าไล่ตามมา และนางก็ยังมีเลือดออกมา ด้านหลังของนางยังมีตงเอ๋อร์และแม่นมเว่ยที่ติดตามมา แต่ห่างออกไปไกลและกำลังวิ่งมา

อวิ๋นหลัวฉวนกระโดดลงจากหลังม้าและเดินไปตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉวนเอ๋อร์ ฉวนเอ๋อร์ทำให้ท่านพี่เสียนเฟยต้องบาดเจ็บ ฉวนเอ๋อร์มาเพื่อขอโทษท่านพี่!”

ฉีเฟยอวิ๋นรีบประคองอวิ๋นหลัวฉวน “ลุกขึ้น ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ เจ้ากำลังตั้งครรภ์นะ ทำไมเจ้าถึงขี่ม้าล่ะ?”

ตงเอ๋อร์ตามมาและตกใจจนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร “จวิ้นจู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ พื้นดินแข็งมาก ท่านรีบลุกขึ้นเถอะเจ้าค่ะ”

ตงเอ๋อร์พูดเตือน ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงยาเป่าไทจึงรีบหยิบยาเป่าไทหวันป้อนเข้าไปในปากของอวิ๋นหลัวฉวน และรีบหยุดเลือดให้กับนาง

อวิ๋นหลัวฉวนร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม “ข้าไม่เป็นอะไร ตงเอ๋อร์ ข้ารีบไปขัดขวางแม่นมเว่ย เรื่องนี้ห้ามให้เสด็จแม่รับรู้ หากพระองค์รู้จะต้องไปหาท่านอ๋องเพื่อสอบถาม”

ตงเอ๋อร์ร้องไห้จนหยุดไม่อยู่ “จวิ้นจู่ ท่านรีบลุกขึ้นมา ไม่เช่นนั้นหากท่านเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร?”

“เรียกให้เจ้าไปขัดขวางแม่นมเว่ยไว้ ยังไม่รีบไปอีก” อวิ๋นหลัวฉวนตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตกตะลึงในเด็กสาวคนนี้ หากจวินฉูฉู่มีความสามารถให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเด็กคนนี้ ต่อให้ท่านอ๋องตวนได้เป็นจักรพรรดิ ก็นับว่าเป็นผู้ทรงพระปรีชาญาณ!

ตงเอ๋อร์ตกใจมากและรีบหันหลังกลับออกไปขัดขวางแม่นมเว่ยไว้อย่างตื่นตระหนก อวิ๋นหลัวฉวนเงยหน้าขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋นและเช็ดน้ำตา “ท่านพี่เสียนเฟย ขอโทษนะเพคะ”

หลังจากพูดจบก็ก้มศีรษะลงกับพื้น ฉีเฟยอวิ๋นเรียนนางยังไงนางก็ไม่ยอมลุกขึ้นมา

“ท่านอ๋อง……”

ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่ เพื่อต้องการให้หนานกงเย่เข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อม แต่เมื่อหันไปก็พบว่าหนานกงเย่ไม่อยู่แล้ว

ชายชุดเกราะก็ไม่รู้ไปไหน ข้างกายของเธอมีเพียงอาอวี่ที่คอยปกป้อง ทหารของตระกูลอวิ๋นต่างก็ถอยออกไปหมดแล้ว

ทั้งหน้าประตูจวนท่านอ๋องเย่ ไม่มีผู้คนอยู่เลย

ฉีเฟยอวิ๋นรีบพูดขึ้นมา “เข้าไปพูดข้างใน ข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว”

อวิ๋นหลัวฉวนมองไปบริเวณรอบๆ จากนั้นจึงใช้แรงพยุงตัวลุกขึ้นและติดตามฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปข้างใน

แต่เมื่อเข้าประตูมานางก็คุกเข่าลงอีกครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นประคองอวิ๋นหลัวฉวนขึ้นมา แต่นางก็ไม่ยอมลุกขึ้นเลย

ไม่มีหนทาง ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้คนเตรียมที่ทำแผลมาให้อวิ๋นหลัวฉวน แต่นางก็ปฏิเสธทั้งหมด

หลังจากที่ผลักฉีเฟยอวิ๋นออก อวิ๋นหลัวฉวนก็คุกเข่ากับที่โดยไม่ลุกไปไหน

ฉีเฟยอวิ๋นพูดดีกับนางไปหมดแล้ว และนางก็ยังไม่ลุกขึ้น

หนานกงเยี่ยนเดินเข้ามาจากข้างนอก และยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตู อวิ๋นหลัวฉวนกล่าว “ท่านพี่เสียนเฟยไม่ต้องสนใจข้า ข้าได้ทำเรื่องที่ผิดต่อท่านพี่เสียนเฟยก็ควรต้องคุกเข่าเช่นนี้

ข้าจะคุกเข่าทั้งวันทั้งคืนจากนั้นข้าจะลุกขึ้น ท่านไปพักผ่อนเถอะ ท่านก็ได้รับบาดเจ็บมา”

อวิ๋นหลัวฉวนพูดพลางหัวเราะ นับว่าฉีเฟยอวิ๋นถูกนางทำให้ซาบซึ้ง

และมองไปที่หนานกงเยี่ยนที่ยืนอยู่ที่ประตูอย่างไม่ตั้งใจ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “พระชายารองอวิ๋น ข้าจะถามเจ้าเพียงคำถามเดียว เจ้าชอบท่านอ๋องตวนหรือไม่?”

อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกตกตะลึงและรีบพูดออกมา “ข้าไม่ชอบท่านอ๋องตวน เขาไม่ได้ชอบข้าเสียหน่อย”

“เช่นนั้นเจ้าทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?”

“เขาเป็นสามีของข้า ข้าไม่ต้องการเห็นพวกท่านทำร้ายเขา อีกอย่างเขาก็เป็นท่านอ๋อง ข้าไม่ยอมให้พวกท่านฆ่าเขาหรอก!”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเยี่ยน และหันหลังเดินออกไป

หนานกงเยี่ยนรู้สึกไม่สบาย จู่ๆ ก็นึกถึงจงชินอ๋อง นางไม่ชอบเขา หรือว่าชอบจงชินอ๋อง?

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นจากไป หนานกงเยี่ยนก็รีบเข้าไปอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนขึ้นมา อวิ๋นหลัวฉวนเงยหน้าขึ้นมองและเมื่อเห็นว่าเป็นหนานกงเยี่ยนนางจึงกล่าวว่า “ท่านอ๋องมาได้อย่างไร?”

“ข้าแค่ผ่านมา”

หนานกงเยี่ยนอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนไปหาฉีเฟยอวิ๋น นางตั้งใจที่จะไม่สนใจ

เมื่อมาถึงเรือนสวนดอกกล้วยไม้ หนานกงเยี่ยนเดินเข้ามาก็ตะโกน “ฉีเฟยอวิ๋น”

ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะเดินเข้ามาและหันหลังกลับไปเหลืองมองที่หน้าประตู ก็มาได้ไวเหมือนกันนะเนี่ย

หนานกงเย่เพิ่งจะนั่งลง เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้ามา เขาจึงกำลังมองดูอย่างละเอียด และเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เป็นอะไร หนานกงเย่จึงยกน้ำชาที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ดื่ม

ได้ยินที่หนานกงเยี่ยนตะโกนก็ไม่สนใจ

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องก็ถูกถีบให้เปิดออกมา

ฉีเฟยอวิ๋นถอยหลังไปอีกฝั่ง หนานกงเยี่ยนวางอวิ๋นหลัวฉวนไว้บนเตียง

หนานกงเย่ลุกขึ้นและขยับตัวไปที่อื่น จะเรียกให้คนมาเปลี่ยนอย่างไม่เสียดาย

หนานกงเยี่ยนปล่อยนางลงหลังจากนั้นจึงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “บอกราคามาเถอะ”

ฉีเฟยอวิ๋นจะพูดอะไรได้อีก ใครบางคนก็คือมีเงิน

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปหยิบกล่องยาออกมา “หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงก็แล้วกัน”

“ได้”

หนานกงเยี่ยนตอบตกลงโดยไม่คิดไตร่ตรองเลย ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกเสียดาย บอกสักสามแสนตำลึงคงจะดี

เมื่อวางกล่องยาลง ฉีเฟยอวิ๋นก็ทำการปลดเสื้อผ้าของอวิ๋นหลัวฉวนออก หนานกงเย่หันหลังออกไปมองข้างนอก หนานกงเยี่ยนเดินเข้าไปมองอย่างละเอียด

อวิ๋นหลัวฉวนทำหน้าบูดเบี้ยวและปิดตาแสดงให้เห็นถึงการทนกับความเจ็บปวด

ฉีเฟยอวิ๋นจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะจัดการทำแผลแล้ว แต่ฉีเฟยอวิ๋นยังพูดอีกว่า “น่าจะมีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่ ต่อไปหากเจ้าหย่าร้างก็คงไม่สามารถแต่งงานได้อีก”

“ข้าไม่คิดจะแต่งงาน” อวิ๋นหลัวฉวนพูดเช่นนั้น

หนานกงเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าเคร่งขรึม “ฉวนเอ๋อร์เดิมทีเป็นคนซื่อสัตย์และจิตใจดี พระชายาเย่พูดถึงแต่การหย่าร้าง แถมยังสอนนางเรื่องหย่าร้าง ช่างร้ายกาจยากจะคาดเดาได้!”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเยี่ยน “ในเมื่อท่านอ๋องมีคนรักอยู่แล้ว ทำไมยังจะต้องผูกมัดพระชายารองอวิ๋นเอาไว้ อายุของนางตอนนี้ อนาคตข้างหน้ายังอีกไกล หากยังพัวพันต่อไปเช่นนี้ นางก็ไม่ได้อะไร หรือว่าจะให้นางอยู่ไปแบบนี้จริงๆ หรือ?”

“ข้าจะให้คำอธิบายกับฉวนเอ๋อร์เอง ไม่รบกวนพระชายาเย่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้หรอก”

หนานกงเยี่ยนสั่งออกไป “นำเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยน”

ตงเอ๋อร์เข้ามาถึงนานแล้ว จึงรีบตอบตกลงและไปยืมเสื้อผ้ามา

เมื่อเสื้อผ้าใหม่มาถึง หนานกงเยี่ยนก็ตัดสินใจจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อวิ๋นหลัวฉวน นางจึงรีบดึงมือของหนานกงเยี่ยนไว้ “ข้าทำเองได้ ท่านอ๋องหันหลังไปเถอะ”

หนานกงเย่ให้ความร่วมมือ และก้าวเท้าออกไปข้างนอก

หนานกงเยี่ยนต้องการจะอยู่ต่อ เมื่อเห็นว่าตงเอ๋อร์ยืนอยู่ไม่ไปไหนจึงหันหลังเดินออกไป

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามออกไปเพื่อจะเอาเงินตำลึง หนานกงเยี่ยนไม่ได้นำมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงสั่งให้คนนำกระดาษ พู่กันและหมึกฝนมา เพื่อให้เขาเขียนสัญญา

หนานกงเยี่ยนเขียนสัญญาเสร็จ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเก็บไว้ด้วยความสบายใจ

หนานกงเยี่ยนรออย่างร้อนรนและถามไปว่า “เมื่อไรจะออกมา?”

“จวินฉูฉู่ดีขึ้นแล้วหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นถาม หนานกงเยี่ยนหันกลับไป “นางไม่ได้เป็นอะไร เป็นแผลภายใน หมอในจวนได้ทำการตรวจสอบให้นางแล้ว บอกว่ากินยาก็หายและจำเป็นต้องพักรักษาตัว”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่ามีปัญหา และเหลือบมองไปที่หนานกงเย่ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง

เมื่อสักครู่จวินฉูฉู่ทำร้ายหมอในจวนเหล่านั้น หมอในจวนจะรักษาให้นางหรือ?

อีกทั้งชายชุดเกราะก็ลงมืออย่างหนัก ไม่เป็นอะไรเลยหรือ?