บทที่ 509 ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 509 ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้!
โดย
Ink Stone_Fantasy
คนที่เห็นประกาศส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น มีผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่กี่คนที่ได้อ่านประกาศ ทว่าแทบทุกคนมีท่าทีไม่พอใจเมื่อได้เห็นชื่อคนลงประกาศ

“แผนสร้างชื่อเสียง!”

“มนุษย์ชั้นต่ำจากอารยธรรมด้อยพัฒนาไม่สามารถหาแต้มการรบได้ด้วยตนเองเลยต้องทำเช่นนี้ น่าขันสิ้นดี!”

“เราไม่เห็นจะรู้จักวัตถุเวทที่ช่วยให้ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นลงทะเลเพลิงได้เลยสักนิด เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำนี่กล้าโพนทะนาไปทั่ว ถึงจะมีกลยุทธ์อะไรซ่อนอยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เรือศักดิ์สิทธิ์นี่จะพาผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นไปตายในทะเลเพลิง!”

ความเห็นมากมายคล้ายๆ กันเคล้าเสียงหัวเราะเยาะเย้ยผุดขึ้นหลังจากหวังเป่าเล่อลงประกาศไป แม้แต่พวกโจวเปี่ยวยังแอบยิ้มเย้ยหยันเพราะไม่เชื่อว่าเรือของหวังเป่าเล่อจะสามารถใช้การได้จริง พวกเขาถูกบังคับให้ออกจากเกาะเพลิงเขียวมาที่นี่ ถ้ามีเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนคงจะอยากช่วยชายหนุ่มมากกว่านี้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้แต่รีบก้มหัวงุดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะจากรอบกาย ทำให้ต้องล้มเลิกเรื่องโฆษณาให้เช่าเรือไป

เพราะเหตุนี้จึงไม่มีใครเข้ามาถามไถ่เกี่ยวกับประกาศของหวังเป่าเล่อ พวกโจวเปี่ยวไม่กล้ากลับเกาะเพลิงเขียว ได้แต่จำใจอยู่เกาะหลักต่อไป คิดว่าจะรอสักพักให้หวังเป่าเล่อล้มเลิกความคิดนี้ไปก่อนแล้วค่อยกลับ

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อเริ่มฝึกวิชาขณะรอโดยมุ่งเน้นที่กระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลง ด้วยระดับการฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้นทำให้ชายหนุ่มฝึกกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงขั้นแรกไปได้อย่างราบรื่น

อย่างไรเสีย จากแก่นในสามแก่นที่เขามี หนึ่งในนั้นเป็นแก่นในอัสนี ชายหนุ่มจึงมีพลังอัสนีอันแกร่งกล้าอยู่แล้ว ส่งผลให้ฝึกกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็สำเร็จวิชาขั้นแรกของกระบวนเวทได้

เมื่อเขานั่งลงขัดสมาธิ เส้นสายฟ้ามากมายก็พลันปรากฏรอบตัว ภายในกายมีสายฟ้าขนาดเล็กหลายสายแล่นไปมา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมีสายฟ้าไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา

แก่นในอัสนีช่วยเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายและปราณวิญญาณในร่างด้วย กระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงช่วยให้พลังปราณในร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น เป็นเหมือนการรวบรวมพลังที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นแก่นเหนียวแน่น

ทำให้แม้ว่าชายหนุ่มจะมีระดับการฝึกตนอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้น แต่ความสามารถในการสู้รบของเขากลับเหนือชั้นไปกว่านั้นมาก หวังเป่าเล่อไม่ได้ละเลยการฝึกวิชาแห่งศาสตร์มืด การฝึกวิชาหัตถ์สื่อวิญญาณเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและไม่มีเป้าหมายให้ซ้อมมือ แต่ด้วยความรู้ด้านศาสตร์มืดที่ได้ศึกษามาในมิติมืดทำให้การฝึกวิชาเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง

หวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เขาอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้เห็นว่าตนเองเก่งขึ้นเรื่อยๆ

ด้านเหลียงหลงนั้น ในที่สุดก็เป็นอิสระจากตาข่ายผลึกแก้วที่สิ้นอิทธิ์ฤทธิ์ แม้ในใจจะคุกรุ่นไปด้วยเพลิงแค้น แต่ก็ได้เรียนรู้บทเรียนแล้วจึงเลือกที่จะเก็บความปรารถนาอยากแก้แค้นไว้ภายใน วิธีการต่างๆ ของหวังเป่าเล่อทำให้เขาตระหนักว่าตนกำลังต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามอยู่ ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ ชายหนุ่มเข้าไปพักในถ้ำที่พักบนยอดเขารอง จากนั้นก็เริ่มฝึกวิชาไปพร้อมกับวางแผนแก้แค้น

เวลาล่วงเลยผ่านไป หวังเป่าเล่อไม่ได้มีคู่แข่งโดยตรงในสำนักวังเต๋าไพศาลทำให้ชีวิตเป็นไปอย่างสงบสุข มีเพียงความบาดหมางระหว่างฝ่ายเมี่ยเลี่ยจื่อและฝ่ายเฟิ่งชิวหรันเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหล่าพันธุ์กล้าสหพันธรัฐเริ่มคุ้นเคยกับสำนักวังเต๋าไพศาลมากขึ้น แม้จะมีผู้ฝึกตนหลายคนที่ยังดูถูกสหพันธรัฐและเหล่าพันธุ์กล้าอยู่ พวกเขาก็หาวิธีสานสัมพันธ์กับผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาลได้ ทุกคนเริ่มปรับตัวกับสภาพแวดล้อมของตนเองได้ในที่สุด

ภารกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาลเช่นกัน มีการรับส่งภารกิจมากมายในทุกๆ วัน เหล่าพันธุ์กล้าเองก็ไม่ต่าง หลังจากลงหลักปักฐานในสำนักวังเต๋าไพศาล พวกเขาก็มุ่งทำภารกิจเช่นกัน ด้วยแต้มการรบของหลี่อี้ที่นำหน้าผู้อื่น ห้องสนทนากลุ่มจึงเริ่มเต็มไปด้วยบรรยากาศการแข่งขัน กลายเป็นพื้นที่ให้คนมาโอ้อวดว่าตนหาแต้มการรบมาได้เท่าใดแล้ว…

เหล่าพันธุ์กล้าสหพันธรัฐเห็นประกาศของหวังเป่าเล่อ ทว่าพวกเขาต่างลังเลใจ หากผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นลงทะเลเพลิงไปจะต้องตายเป็นแน่ ถ้าเรือของหวังเป่าเล่อมีข้อบกพร่องและเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างอยู่ใต้ทะเล พวกเขาคงไม่สามารถจัดการกับหายนะที่ตามมาได้

เป็นเหตุให้หวังเป่าเล่ออารมณ์ดีได้ไม่นาน เมื่อวันคืนผ่านไปและพบว่าไม่มีใครมาเช่าเรือเลย เขาก็เริ่มเป็นกังวล

แต่นึกกังวลไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หวังเป่าเล่อสืบหาเหตุผลและพบว่าตนยังไม่น่าเชื่อถือพอทำให้ไม่มีใครมาเช่าเรือ เขาคิดจะข่มขู่ให้พวกโจวเปี่ยวลงทะเลไปเป็นตัวอย่าง แต่จั่วอี้ฟานก็โผล่มายืมเรือวิญญาณเสียก่อน

จั่วอี้ฟานไม่ได้มาคนเดียว เขาเหมือนจะตกลงกับกงเต๋าและเจ้าเยี่ยเหมิงมาก่อน พวกเขารับภารกิจพร้อมกันและใช้แต้มการรบอันน้อยนิดที่มีขอเช่าเรือวิญญาณ

ชายหนุ่มซึ้งใจมากกับการกระทำของพวกเขาจึงให้ยืมเรือวิญญาณไปฟรีๆ เพื่อนทั้งสามขับเรือลงทะเลเพลิงไปด้วยความเชื่อใจในตัวหวังเป่าเล่อ!

นี่เป็นครั้งแรกในหลายปีที่มีผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นลงไปในทะเลเพลิง แม้ไม่มีใครโพนทะนาเรื่องนี้ แต่ก็ดึงความสนใจจากใครได้หลายคน ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนหนึ่งตามไปดูการเคลื่อนไหวของทั้งสามอย่างลับๆ ส่วนหวังเป่าเล่อก็เลิกฝึกวิชาและลงทะเลเพลิงไปด้วยเพื่อคอยคุ้มกันไม่ให้มีอันตรายใดเกิดขึ้น

การลงทะเลเพลิงครั้งแรกไม่ได้อะไรกลับมาสักเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ ขับเรือบินลงทะเลเพลิงไปเกือบทุกวัน มีหลายคนเห็นและสนใจมากขึ้น เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นสนทนาในกลุ่มผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาล

ในที่สุด ทั้งสามก็จับหนูเพลิงนรกได้หนึ่งตัวจากการร่วมแรงกัน หลายคนในสำนักวังเต๋าไพศาลตื่นตะลึงไปเมื่อได้ทราบข่าว ตามมาด้วยผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นจากสำนักวังเต๋าไพศาลคนหนึ่งมาขอเช่าเรือวิญญาณ

ผู้ฝึกตนคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่น เขาอยากได้เคล็ดวิชาแต่มีแต้มการรบไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจลองเสี่ยงเช่าเรือวิญญาณของหวังเป่าเล่อมุ่งหน้าลงทะเลเพลิงไป

เมื่อลูกค้ารายแรกลงทะเลเพลิงไปได้โดยสวัสดิภาพ ลูกค้ารายที่สอง รายที่สามก็ตามมา…พวกจั่วอี้ฟานล้มเลิกเรื่องลงทะเล กลยุทธ์หาแต้มการรบของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงทะเลเลย ทั้งสามทำไปก็เพื่อช่วยหวังเป่าเล่อ

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐ ถือเป็นคนนอกในที่แห่งนี้ แม้บนดินจะปลอดภัย แต่พอลงทะเลไปก็ไม่แน่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น จะเลี่ยงไม่มีปัญหากับคนอื่นก็ทำไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยระดับการฝึกตนและสถานะในปัจจุบัน พวกเขาก็อาจจะเจอภัยอันตรายใหญ่หลวงก็เป็นได้

นอกจากนี้ การร่วมมือกันของทั้งสามก็ได้ผลประโยชน์กลับมาค่อนข้างดี แต่ละคนได้แต้มการรบไปประมาณสามสิบถึงห้าสิบแต้ม ถือว่ามากพอสมควรสำหรับพันธุ์กล้าสหพันธรัฐ

การถอนตัวไปของทั้งสามไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเช่าเรือ ชื่อเสียงของธุรกิจเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลทยอยเข้ามาเช่าเรือวิญญาณ คนที่เคยลังเลก็เข้ามาลองใช้ พวกโจวเปี่ยวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากพูดคุยกัน พวกเขาก็กัดฟันแน่นและเริ่มโฆษณาธุรกิจอย่างจริงจัง

หวังเป่าเล่อไปพบผู้ฝึกตนอ้วน หลังจากเจรจาให้ผลตอบแทนงามๆ ไป ผู้ฝึกตนอ้วนก็โฆษณาเรือวิญญาณให้ด้วยเช่นกัน ด้วยการร่วมมือกันจากหลายฝ่าย อุปสงค์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจจึงรุ่งเรืองขึ้นมาทันใด สองสัปดาห์ต่อมา จำนวนคนที่มารอเช่าเรือวิญญาณบนเกาะเพลิงเขียวก็เพิ่มมากขึ้น เรือแค่สามลำจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอีกต่อไป

แต้มการรบสามสิบหกแต้มไหลเข้าบัญชีทุกวัน ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นตั้งหน้าลงทะเลเพลิงและหาแต้มการรบจากการทำภารกิจได้มากมาย ธุรกิจเช่าเรือเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น หลายคนยื่นข้อเสนอขอซื้อกิจการ หวังเป่าเล่อคิดสักพักก็ปฏิเสธไปหมด ผู้ฝึกตนอ้วนที่เขาเคยนำอาวุธเวทไปจำนำเห็นธุรกิจเป็นไปได้ดี ก็มาพบหวังเป่าเล่อและเสนอว่าจะให้แต้มการรบสองพันแต้มเป็นการลงทุนแลกกับส่วนแบ่งกำไรสองในสิบ

หลังจากต่อรองกันสักพัก เขาก็เพิ่มส่วนลงทุนไปเป็นสองพันห้าร้อยแต้มแลกกับส่วนแบ่งกำไรร้อยละสิบห้า พวกเขาจึงได้ข้อสรุป แต้มการรบกว่าสองพันแต้มโอนเข้าบัญชีของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มนำแต้มการรบไปลงทุนหลอมเรือวิญญาณเพิ่มด้วยความตื่นเต้น เขาลงทุนทุกอย่างที่มีและขยายกิจการเพิ่มเรือวิญญาณไปเป็นสิบลำ!

เรือสิบลำตอบความต้องการของตลาดได้ในที่สุด เขามีรายได้เพิ่มถึงสี่เท่า ทำแต้มการรบได้สูงถึงร้อยยี่สิบแต้มต่อวัน!

แต้มการรบที่เหลือจากแบ่งไปให้ผู้ฝึกตนอ้วนร้อยละสิบห้านั้นมากพอจะทำให้หวังเป่าเล่อสุขใจ แต้มการรบกว่าร้อยแต้มไหลเข้าบัญชีทุกวัน ไม่นานชายหนุ่มก็สร้างชื่อเสียงให้ตนเองในสำนักวังเต๋าไพศาลได้

หลี่อี้หยุดพูดคุยในห้องสนทนากลุ่ม และไม่ได้โอ้อวดแต้มการรบของตัวเองอีกต่อไป ธุรกิจเช่าเรือของหวังเป่าเล่อดำเนินไปได้สองสัปดาห์ จากนั้นในวันหนึ่ง…ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังฝึกวิชาอย่างสุขใจ ก็มีใครบางคนมารอพบเขาอยู่หน้าถ้ำที่พัก!

ใครคนนั้นทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจจนขนหัวลุก!

“เจ้า…ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ เจ้าเป็นคนหรือเป็นผีกัน”