บทที่ 1241 การเดินทางในสวรรค์สีดำ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1241 การเดินทางในสวรรค์สีดำ

แปลโดย iPAT

จ้าวเหลียนหยุนยืนอยู่ชั้นบนสุดของหอคอยวายุและกำลังมองออกไปด้านนอกเพียงเพื่อที่จะเห็นสวรรค์สีดำอันมืดมิด

แต่มันยังมีแสง

จุดแสงเล็กๆจำนวนมากปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของจ้าวเหลียนหยุน

สวรรค์สีดำมีขนาดใหญ่โตมาก มันมีพื้นที่เท่ากับห้าภูมิภาครวมกัน

“ในที่สุดเราก็ผ่านกำแพงสวรรค์และเข้าสู่สวรรค์สีดำ”

“นี่คือสวรรค์สีดำงั้นหรือ? มันดูเงียบสงบมาก”

ผู้อมตะที่อยู่รอบๆเริ่มสนทนา

มีผู้คนอยู่บนชั้นนี้มากกว่าจ้าวเหลียนหยุนและปู้เจิ้งซือ

“เราเข้าสู่สวรรค์สีดำแล้ว” เว่ยหลิงหยางถ่ายทอดเสียงไปยังผู้อมตะระดับแปดอีกสองคน

ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังสลับตำแหน่งกันอีกครั้ง

ค่ายนักรบเป็นผู้นำโดยมีศาลานกขมิ้นและหอคอยวายุติดตามอยู่ด้านหลังตามลำดับ

ผู้อมตะระดับหกและเจ็ดไม่เคยเข้าสู่สวรรค์สีดำมาก่อน พวกเขาไม่รู้ถึงอันตราย แต่เว่ยหลิงหยาง นักรบหมื่นมังกร และไป่เฉินเทียนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

สวรรค์ทั้งเก้าเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะระดับแปดเท่านั้นที่สามารถเข้าไปและสำรวจทรัพยากร

ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นฟงจิวเก้อหรือชูตู๋อาจเข้ามาได้แต่ยังมีความเสี่ยงสูง

โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังยังเคลื่อนที่ได้ช้าลงมาก

นอกจากนี้พวกมันยังไม่สว่างไสวเช่นก่อนหน้าแต่ดูเหมือนหินสีเทาที่ไร้ชีวิตชีวา

การสนทนาของกลุ่มผู้อมตะหยุดลงในที่สุด

หอคอยวายุตกอยู่ในความเงียบ

“ดูเหมือนเราจะโชคดีทีเดียว” ไป่เฉินเทียนกล่าว

“เราต้องระวังตัวตลอดเวลา” นักรบหมื่นมังกรยังระวังตัว

เว่ยหลิงหยางกล่าว “มีฝูงสัตว์อสูรอยู่ด้านหน้า!”

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามเคลื่อนที่ช้าลง แม้จะมีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน แต่พวกเขายังต้องระวังตัว

เสียงดังเข้าหูจ้าวเหลียนหยุนในไม่ช้า

“พวกมันคือสิ่งใด?”

“พวกมันดูเหมือนหมูป่า!”

ผู้อมตะหลายคนยืนพิงหน้าต่างและมองออกไปด้านนอก

ในไม่ช้าผู้อมตะทั้งหมดก็อ้าปากค้าง

พวกเขาเห็นหมูป่าฝูงใหญ่อยู่ด้านหน้า หมูกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า? ผู้อมตะเกิดความรู้สึกที่แตกต่าง แต่ทั้งหมดล้วนตกตะลึง

“นี่คือหมูป่าเหินเวหา สวรรค์ ช่างมีมากมายนัก”

“หมูป่าเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด มันหาได้ยากในห้าภูมิภาค แต่ที่นี่กลับมีพวกมันอยู่หลายร้อยตัว”

“โชคดีที่สัตว์อสูรมีสติปัญญาต่ำ พวกมันไม่ฉลาดเหมือนมนุษย์”

ผู้อมตะรู้สึกดีใจท่ามกลางความตกใจ

หมูป่าเหล่านี้ส่งเสียงดังขณะบินอยู่บนท้องฟ้า ภายใต้การจ้องมองของกลุ่มผู้อมตะ ราชาหมูป่าเหินเวหาที่มีร่างกายใหญ่โตที่สุดกระทืบเท้าของมันและพุ่งเข้าไปในกำแพงสวรรค์

หลังจากนั้นฝูงหมูป่าที่เหลือก็ติดตามราชาของพวกมันไปอย่างรวดเร็ว

พวกมันว่องไวเหมือนปลาที่บินอยู่บนท้องฟ้า

ในไม่ช้าฝูงหมูป่าก็หายไปจากมุมมองสายตาของทุกคน

ปู้เจิ้งซือที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ “ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อ พวกเราเดินทางข้ามกำแพงสวรรค์อย่างยากลำบาก แต่หมูป่าเหล่านั้นกลับเคลื่อนไหวในกำแพงสวรรค์ได้ราวกับปลาในมหาสมุทร”

เสียงสายหนึ่งดังแทรกเข้ามา “แท้จริงแล้วผู้อมตะในอดีตตระหนักถึงสิ่งนี้มาก่อน พวกเขาใช้ร่างกายของหมูป่าเหินเวหาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเพื่อช่วยผู้อมตะในการเดินทางผ่านกำแพงสวรรค์”

ปู้เจิ้งซือและจ้าวเหลียนหยุนหันไปรอบๆเพื่อพบกับผู้อมตะหนุ่มที่ดูงดงามเหมือนผู้หญิงยืนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

ดวงตาของปู้เจิ้งซือส่องประกายขึ้น เขาจำคนผู้นี้ได้

ผู้อมตะหนุ่มป้องหมัดขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้ม “ข้าคืออวี๋อี้เย่ซือจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล คารวะผู้อาวุโสปู้เจิ้งซือและผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณเทพธิดาจ้าว”

“อวี๋อี้เย่ซือ เจ้าอาจเป็นผู้อมตะระดับหก แต่ความสามารถของเจ้าสูงมาก ผู้อมตะระดับเจ็ดยังต้องไปหาเจ้าเพื่อขอให้เจ้าหลอมรวมวิญญาณหรือแก้ไขเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหกบนจุดสูงสุดอย่างแท้จริง” ปู้เจิ้งซือกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม แต่สิ่งสำคัญที่สุดเขากำลังบอกข้อมูลเหล่านี้แก่จ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนไม่ค่อยรู้จักผู้อมตะภาคกลางมากนัก

“ท่านอวี๋อี้เย่ซือ” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าให้ผู้อมตะหนุ่มก่อนถาม “จากคำกล่าวของท่าน เหตุใดเราไม่ใช้วิญญาณอมตะเหล่านั้นเพื่อเดินทางข้ามกำแพงสวรรค์?”

อวี๋อี้เย่ซือหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะยุคของพลังปราณและความแข็งแกร่งสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเหล่านั้นสูญหายไปตามกาลเวลาและไม่มีวัสดุที่สามารถหลอมรวมพวกมัน นอกจากนั้นเพียงวิญญาณอมตะดวงเดียวจะทำให้ผู้คนสามารถเข้ามาสำรวจสวรรค์ทั้งเก้างั้นหรือ? เหตุใดจึงมีเพียงผู้อมตะระดับแปดที่สามารถเข้ามา?”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของผู้อมตะบางคนที่อยู่ริมหน้าต่างดังขึ้นอีกครั้ง

จ้าวเหลียนหยุนหันกลับไปมองและเห็นก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

“เมฆสีดำพบเห็นได้ทั่วไปในสวรรค์สีดำ แท้จริงแล้วในก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ยังมีสัตว์อสูรหรือพืชอสูรที่น่ากลัวอาศัยอยู่” อวี๋อี้เย่ซืออธิบาย

กระทั่งเมฆสีดำขนาดเล็กเหล่านี้ยังใช้เวลาหลายนาทีก่อนที่มันจะเคลื่อนที่ผ่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังไป

อวี๋อี้เย่ซือมีความรู้ที่กว้างขวาง แม้แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นปู้เจิ้งซื่อยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่อวี๋อี้เย่ซื่กลับต้องคำถามของจ้าวเหลียนหยุนได้เกือบทั้งหมด

ทั้งสองสนทนากันมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปบรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายลง

หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามยังพบกับเมฆสีดำอีกมากมายระหว่างทาง โดยปราศจากท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลัง คนผู้หนึ่งอาจบินเข้าไปหาพวกมันโดยไม่รู้ตัว

เมฆสีดำเหล่านี้เหมือนเกาะโดดเดี่ยวที่อยู่กลางมหาสมุทร

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามคนเฝ้ามองพวกมันอย่างใกล้ชิกและพยายามไม่นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขาเข้าไปในเมฆสีดำเหล่านี้

กล่าวได้ว่าพวกเขาต้องใช้ทางอ้อมและใช้เวลาเดินทางมากขึ้น

อย่างไรก็ตามกระทั่งผู้คนจะต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา แต่บางครั้งปัญหาก็เข้ามาหาพวกเขาด้วยตัวของมันเอง

เสียงดังขึ้นก่อนที่ฝูงอสรพิษสีดำจะบินออกมาจากเมฆสีดำและพุ่งเข้าโจมตีคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสาม

อสรพิษสีดำเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย ผู้นำฝูงของพวกมันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล

“เป็นไปได้อย่างไร? พวกเราไม่ควรอยู่ในระยะการโจมตีของฝูงอสรพิษทมิฬเหล่านี้” เว่ยหลิงหยางรู้สึกประหลาดใจ

“สู้หรือถอย?” ไป่เฉินเทียนถาม

เว่ยหลิงหยางคิดก่อนกล่าว “ถอย เราควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้เพื่อรักษาความแข็งแกร่ง”

“แต่การถอยกลับไม่ใช่เรื่องง่าย นี่คืออสรพิษทมิฬ” นักรบหมื่นมังกรถ่ายทอดเสียง

เมื่ออสรพิษทมิฬออกล่าเหยื่อ พวกมันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามบินอย่างรวดเร็วแต่ฝูงอสรพิษทมิฬยังติดตามมาอย่างไม่ลดละ

ไม่เพียงเท่านั้นแต่จำนวนของพวกมันยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“อสรพิษมากมายนัก!”

“เมฆสีดำนั่นคือถ้ำอสรพิษ!”

“ข้าสงสัยว่าผู้อมตะระดับแปดทั้งสามจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

“ในความคิดเห็นของข้า เราควรต่อสู้ เรามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะถึงสามหลัง!”

“ถูกต้อง อสรพิษทมิฬเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพิษ นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นวัสดุในการหลอมรวมที่สามารถใช้หลอมรวมวิญญาณอมตะสายรักษา”

กลุ่มผู้อมตะในคฤหาสน์วิญญาณอมตะพูดคุยและแสดงความคิดเห็น

แต่สามผู้อมตะระดับแปดยังคงหลบหนี พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้

พวกเขาบินต่อไปเช่นนี้

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามพยายามถอยหลังแต่อสรพิษทมิฬอีกฝูงกลับปรากฏขึ้น นอกจากนี้ยังมีฝูงยุงหมีเพิ่มเข้ามาก

ยุงเหล่านี้มีร่างกายใหญ่โตเหมือนหมี พวกมันมีปากที่น่ากลัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจำนวนของพวกมัน! พวกมันมีจำนวนมากกว่าฝูงอสรพิษทมิฬอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังถูกปิดล้อมโดยฝูงยุงหมีเอาไว้อย่างสมบูรณ์

ยุงหมีแต่ละตัวเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย

สัตว์อสูรเดียวดายหลายหมื่นตัว! หากพวกมันโจมตีพร้อมกันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?

น่ากลัวมาก!

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้ แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาต้องหุบปากลงและตระหนักถึงอันตรายของสวรรค์สีดำ

โชคดีที่พวกเขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังและได้รับการปกป้องจากผู้อมตะระดับแปด มิฉะนั้นพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งล้มตายเพราะการโจมตีของฝูงยุงหมีเหล่านี้

หลังจากบินต่อมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาเริ่มเห็นแสงดาวอยู่ด้านหน้า

เหนือเมฆสีดำมีทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวพร้อมกับฝูงแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหยุดลงเป็นครั้งแรก ผู้อมตะหลายคนถูกส่งออกไปเก็บเกี่ยวหญ้าสะเก็ดดาวและทรัพยากรอื่นๆ

“ทุกคนรู้สึกหรือไม่?” เว่ยหลิงหยางถ่ายทอดเสียง

“อืม การเดินทางในสวรรค์สีดำครั้งนี้ราบรื่นเป็นพิเศษ ข้าไม่เคยพบสถานการณ์เช่นนี้” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ

นักรบหมื่นมังกรกล่าวต่อ “บางทีสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยหม่าหงหยุนก็คือการดำรงอยู่ของจ้าวเหลียนหยุน มันส่งผลต่อโชคของพวกเรา เมฆเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไร้รูปแบบ กระทั่งเจตจำนงสวรรค์ก็ไม่สามารถแทรกแซง ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโชค”

เว่ยหลิงหยางพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”