บทที่ 320 ทางเลือกของหลินเป่ยเฉิน
เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาจากหัวไหล่ แขน ขาและลำตัวของไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่
เสื้อคลุมของเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสองย้อมด้วยสีเลือด
“ไม่นะ…”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ไม่ว่าเขาจะเร่งความเร็วแค่ไหน แต่เด็กหนุ่มก็มาถึงช้าไปอยู่ดี
“วงแหวนวารี!” หลินเป่ยเฉินตะโกนออกมา
ดวงตาของมี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียงไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีกแล้ว
มันว่างเปล่า
ยังคงมีเลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากร่างกายของไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่
หลินเป่ยเฉินใช้มือทั้งสองข้างประคองตัวไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่เอาไว้พร้อมกัน และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ใช้วิชาวงแหวนวารีเยียวยาอาการบาดเจ็บของเพื่อนทั้งสอง วงแหวนสีฟ้าครอบคลุมลงที่ร่างกายผู้บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
“ต้องรักษาได้สิวะ ต้องได้สิ…”
“อย่ามาตายต่อหน้าฉันนะเว้ย!”
เด็กหนุ่มพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าวงแหวนวารีต้องรักษาอาการบาดเจ็บของฮันปู้ฟู่กับไป๋ชินหยุนได้อยู่แล้ว
มันต้องได้สิ!
จะไม่ได้ได้อย่างไร
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยให้เพื่อนทั้งสองมาตายต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด
แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงคำรามของปีศาจก็ดังขึ้นด้านหลังหลินเป่ยเฉิน กรงเล็บแหลมคมตวัดเข้ามาพร้อมที่จะฟันร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ
แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สนใจ
หลินเป่ยเฉินไม่เคยปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้มาก่อน
แต่บัดนี้ ในหัวสมองของเขาไม่มีความคิดอื่นใดอีกแล้ว นอกจากช่วยชีวิตเพื่อนทั้งสองคนให้ได้ แม้ว่าเขาจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ก็ตาม
ได้ยินเสียงอุทานด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นรอบทิศทาง
ชาวเมืองที่มารวมตัวกันในจัตุรัสกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีมอบรางวัล
พลังปราณปีศาจและหยาดเลือดสาดกระจายเหมือนฝันร้าย เจ้าหน้าที่มือปราบได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน ชาวเมืองได้แต่อุทานออกมาด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่พวกเขาจะหันหลังกลับและเริ่มวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทางพร้อมกับร้องตะโกนว่า… มีปีศาจออกอาละวาด!
พวกเขากำลังพบเจออยู่กับปีศาจตัวจริง!
ปีศาจที่มีแต่มอบความเจ็บปวดและความตายให้แก่ผู้คน
แต่อย่าลืมว่าที่นี่ยังมีหลิงจุนเซวียน องค์ชายเจ็ด และนายทหารระดับสูงจากหน่วยนักรบเมฆา รวมถึงเจ้าหน้าที่มือปราบฝีมือดีอยู่อีกหลายคน ในที่สุด พวกเขาก็สลัดความตกตะลึงและพุ่งเข้าไปหาเด็กสาวทั้งสองคนแล้ว
“หยุดพวกนางให้ได้” หลิงจุนเซวียนตะโกนออกคำสั่ง
แม่ทัพตวนตวนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไกลๆ บัดนี้สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขาลอยตัวขึ้นในอากาศ เพียงพริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่บนเวทีมอบรางวัล!
“จับตัวพวกมันเอาไว้ให้ได้” ถังกู่จินออกคำสั่งเสียงเครียด
ทว่า ในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสาแก่ใจ
เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ถังกู่จินก็อดรู้สึกขนลุกไม่ได้
ไป๋ไห่ชินมีความน่ากลัวเกินไปจริงๆ
ชายชราเป็นถึงเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุน ใครจะคิดเลยว่าไป๋ไห่ชินจะสามารถร่วมมือกับปีศาจได้หน้าตาเฉย นับว่าชายชราสามารถทำทุกอย่างตามที่รับปากได้จริงๆ ถังกู่จินค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าไป๋ไห่ชินไม่ได้เป็นสาวกปีศาจ ก็ต้องเป็นผู้ส่งสาส์นของปีศาจแน่นอน
ความคิดเหล่านั้นผุดวาบขึ้นมาในหัวสมอง
ถังกู่จินขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านและออกคำสั่งหน่วยมือปราบให้ปิดล้อมเวทีมอบรางวัลโดยเร็ว
“อย่าปล่อยให้หลินเป่ยเฉินหลบหนีไปได้เด็ดขาด” เสียงคำรามของผู้ตรวจการมณฑลดังได้ยินทั่วทั้งลานจัตุรัส
ไป๋ไห่ชินชักกระบี่ออกมา เขาตั้งใจที่จะเข้าไปสังหารมี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียงที่กลายร่างเป็นปีศาจเต็มตัว
บนเวทีมีแต่เสียงตะโกนของการฆ่าฟัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
แต่ผู้ที่เข้าไปถึงตัวมี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียงเป็นคนแรกกลับไม่ใช่หลิงจุนเซวียน หรือหัวหน้าหน่วยมือปราบ และก็ไม่ใช่ไป๋ไห่ชินด้วยเช่นกัน
แต่กลับเป็นนักพรตหญิงชิน
นักพรตสาวเข้าถึงข้างกายพวกนางเป็นคนแรกด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ปีกกระบี่บนแผ่นหลังงอกออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่มันกำลังกระพืออย่างว่องไวและดุดัน!
เคล้ง! เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจายในอากาศ
กรงเล็บแหลมและปีกกระบี่บนแผ่นหลังของนักพรตหญิงชินปะทะกันต่อเนื่อง
เด็กสาวผู้กลายร่างเป็นปีศาจทั้งสองนางนั้นถูกปีกกระบี่ทิ่มแทงไปหลายแผล สุดท้ายก็ต้องล่าถอยไป
กรงเล็บแหลมทั้งสองมือของพวกนางแตกหักหมดสิ้น
แต่มันก็สามารถงอกกลับขึ้นมาใหม่ได้ในพริบตาเดียว
บัดนี้ มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากยืนล้อมอยู่รอบเวที
“นายท่านได้โปรดหนีไปก่อน”
อยู่ดีๆ มี่หรู่หยานที่มีสภาพเป็นปีศาจเต็มตัวก็พูดออกมา น้ำเสียงของนางฟังดูแปลกหู แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายได้ไม่ยาก
เพราะนางหันมาดึงแขนหลินเป่ยเฉินและลากเขาหลบหนีไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ปีศาจเยว่หงเซียงก็รับหน้าที่ถ่วงเวลา ด้วยการบุกกระโจนเข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งปิดล้อมทางออก
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจของฉู่เหิน พานเว่ยหมินและคณะอาจารย์คนอื่นๆ แตกสลาย นี่คือความเป็นจริงที่ทำให้พวกเขายืนตัวแข็งทื่อ โลกทั้งใบเหมือนกับมืดมิดไปในพริบตา
ปีศาจตนนั้นเรียกหลินเป่ยเฉินว่านายท่าน
และกำลังพาเขาหลบหนี
เหตุการณ์นี้นอกจากจะมีผู้พบเห็นเป็นชาวเมืองจำนวนหลายพันชีวิต มันยังถูกฉายผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งเมืองอีกด้วย
จบสิ้นแล้ว
นี่คือคำที่ปรากฏขึ้นในจิตใจพวกของฉู่เหิน
การที่หลินเป่ยเฉินเป็นสาวกปีศาจว่าน่าเหลือเชื่อมากพอแล้ว
แต่การที่มี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียงกลายร่างเป็นปีศาจนั้น นับเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากกว่าหลายเท่า
ทว่า ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้วต่อหน้าต่อตาพวกเขาเอง
“จับตัวไว้ให้ได้” ถังกู่จินคำรามออกมาสุดเสียง “จับตัวหลินเป่ยเฉินเอาไว้… อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ พวกเจ้าสามารถจับตายพวกมันได้ ณ บัดเดี๋ยวนี้”
วิธีที่ดีที่สุดก็คือฆ่าปิดปากทุกคนซะ
แค่นี้ก็ไม่มีหลักฐานเหลือรอดแล้ว
เจ้าหน้าที่มือปราบทุกคนระเบิดพลังลมปราณออกจากร่างกาย
หลินเป่ยเฉินถูกปีศาจมี่หรู่หยานฉุดกระชากถอยร่นไปด้านหลัง
ในใจของเด็กหนุ่มเกิดคำถามขึ้นมากมาย
เมื่อเขาหันกลับไปมองที่กลางเวที ก็ได้พบว่าไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่ยังคงมีวงแหวนสีเขียวครอบคลุมทั้งร่างกาย นั่นเป็นผลมาจากการที่หลินเป่ยเฉินใช้วงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง และเด็กหนุ่มก็เห็นแล้วว่าบาดแผลบนลำตัวของเพื่อนทั้งสองจางหายไปหมดแล้ว
แต่ในขณะที่หลินเป่ยเฉินถูกลากลงมาจากเวทีนั้น ไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่ก็ล้มพับลงไปกับพื้นเวที พลังชีวิตถูกสูบออกจากร่าง
เยว่หงเซียงหันกลับมาส่งเสียงคำรามด้วยความดุร้าย
นางพยายามต่อสู้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลินเป่ยเฉินกลับตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า
เขาต้องหนี!
ต้องหนีไปให้พ้นจากที่นี่
ณ จุดนี้ เขาไม่แน่ใจอีกแล้วว่าตนเองเป็นสาวกปีศาจหรือไม่
อดีตหนหลังของหลินเป่ยเฉินตัวจริง มีความลับซุกซ่อนอยู่เยอะเกินไป
น่าเสียดายที่ความทรงจำซึ่งหลงเหลืออยู่ในหัวของเขา ไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความลับอันแปลกประหลาดเหล่านั้นเลย
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตั้งแต่ที่เขาทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจเลยสักครั้ง แต่เขาก็มั่นใจอีกเช่นกันว่าการกลายร่างของมี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียง จะต้องเกี่ยวข้องกับการบูชาปีศาจอย่างยาวนานของบิดาเขาแน่นอน…
มิฉะนั้นแล้ว มี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียงที่กลายร่างเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์ จะทุ่มเททั้งชีวิตพยายามพาเขาหลบหนีเพื่ออะไร?
ไม่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งใดอยู่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่หลินเป่ยเฉินแน่ใจก็คือ พวกปีศาจกำลังช่วยเหลือเขาอยู่
เหตุการณ์บานปลายมาถึงขั้นนี้ ต่อให้เขาอมพระมาพูดว่าไม่ใช่สาวกปีศาจ ก็คงไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้ตัวดีว่าวันนี้ถ้าเขาตกไปอยู่ในกำมือของถังกู่จิน ชะตากรรมเดียวที่ตนเองต้องพบเจอก็คือ…
ความตาย!
ตายหยั่งหมา
ขนาดหลิงจุนเซวียนที่ก่อนหน้านี้ออกหน้าปกป้องเขามาตลอด รวมถึงนักพรตหญิงชินและคณะอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้อีกแล้ว
ในเมื่อบัดนี้มีแต่พวกปีศาจที่ช่วยเหลือเขา หลินเป่ยเฉินก็จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือเอาไว้
เมื่ออยู่ในกองไฟมันร้อน ก็ต้องกระโดดออกมาสิ
เอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนสำคัญที่สุด
จากนั้นค่อยสะสางปัญหาทีหลัง
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าวันนี้เขาต้องหลบหนีให้ได้
เมื่อหันไปมองทางฉู่เหินและคณะอาจารย์ผู้มีพระคุณ เด็กหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นจึงหันหลังกลับมุ่งหน้าตรงไปยังทางออกของจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่ โดยที่ไม่กล้าสบสายตาฉู่เหินอีกแล้ว…
“จับตัวมันเร็วเข้า”
ถังกู่จินพูดเสียงแหบแห้ง
แต่ฉับพลันนั้นเอง ก็มีเงาร่างของหลินเป่ยเฉินหลายสิบสายแยกออกมาเบี่ยงเบนความสนใจ จนทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่มือปราบไม่รู้อีกแล้วว่าคนไหนคือหลินเป่ยเฉินตัวจริงและคนไหนคือหลินเป่ยเฉินตัวปลอม…”
“พวกท่านโปรดระวังถูกพลังปีศาจโจมตี!” ไป๋ไห่ชินพลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ห้ามสบตาเขาเด็ดขาด พวกปีศาจมีพลังจิตสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด…”
เสียงพูดของชายชรายังไม่ทันขาดหาย
ทุกคนก็เห็นว่าเงาร่างหลายสิบเงาของหลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมาพร้อมกัน
แล้วกลุ่มผงสีขาวก็ถูกปาออกมาจากกำมือของเขาฟุ้งในอากาศตลบอบอวล
“นี่มันยาพิษ”
“พวกเราระวังตัว”
เจ้าหน้าที่มือปราบหลายนายเผลอสูดดมผงเหล่านั้นเข้าไป ส่งผลให้แขนขาของพวกเขาอ่อนแรง ร่างกายล้มฟุบลงไปกับพื้นทันที
วูบ! วูบ!
เจ้าหน้าที่มือปราบกลุ่มที่เหลืออยู่รีบโคจรพลังลมปราณสร้างม่านพลังคุ้มครองร่างกาย ผงพิษเหล่านั้นจึงไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้อีก แต่ในจังหวะที่กำลังจะไล่ตามหลินเป่ยเฉินไป เท้าของพวกเขาก็เหยียบลงไปบนอะไรบางอย่าง
พรึบ! พรึบ!
ได้ยินเสียงระเบิดที่แปลกประหลาดดังขึ้น
แล้วกลุ่มหมอกควันสีน้ำเงินก็ฟุ้งตลบทั่วบริเวณ
การโจมตีต่อเนื่องของหลินเป่ยเฉินทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบตั้งตัวไม่ทัน รอจนหมอกควันเหล่านั้นจางหายไป หลินเป่ยเฉินก็ไม่อยู่ที่ลานจัตุรัสหน้าวิหารอีกแล้ว
“รีบตามมันไปเร็วเข้า มันคงหนีไปได้ไม่ไกล” ถังกู่จินแผดเสียงคำรามด้วยความร้อนใจ
ในเวลาเดียวกันนี้ ปีศาจเยว่หงเซียงที่รับหน้าที่ถ่วงเวลาให้นายท่านหลบหนี ก็ตกอยู่ในวงล้อมของนายทหารจากหน่วยนักรบเมฆา หลังจากส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นออกมาหลายครั้ง สุดท้ายเยว่หงเซียงก็ถูกปีกกระบี่ของนักพรตหญิงชินฟาดเข้าที่ศีรษะจนสลบล้มลงไปในที่สุด…