คนที่เหลือ ก็อึ้งอยู่ที่เดิม ขยับอะไรไม่ได้

แม้แต่หานเฟิงก็คิดไม่ถึง ว่าลู่ฝานจะมีวิชานี้ด้วย

ค่ายกลนี้ ทำไมดูๆ ไปแล้วเหมือนกับค่ายกลของคณะหยินหยาง

“ให้ตายสิ ศิษย์น้องลู่ฝานคงจะได้เก็บเอาค่ายกลของคณะหยินหยางมาหรอกนะ ไอหย๋า สุดยอดจริงๆ !”

หานเฟิงบ่นพึมพำ

ส่วนลู่ฝานก็ค่อยๆ เดินไปยังตรงหน้าของเหมาอี

ลู่ฝานค่อยๆ เช็ดเลือดที่ติดใบหน้าออก รังสีอาฆาตในสายตาก็ตัดสินใจได้

เหมาอีตะโกนเสียงดังออกมาว่า “แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นคนของสำนักโลหิตพิฆาต ถ้าแกกล้าฆ่าคนของสำนักโลหิตพิฆาต ก็ระวังจะถูกฆ่าล้องโคตร”

ลู่ฝานพูดนิ่งๆ ว่า “สำนักโลหิตพิฆาต เป็นอะไรกัน!”

พูดจบ ลู่ฝานก็เอากระบี่ฟันไปยังลำคอของเหมาอี ถึงแม้กระบี่หนักไร้คมจะไม่คม แต่ด้วยพลังปราณของลู่ฝาน ก็สามารถตัดคอของเหมาอีไปได้

เป็นนักบู๊ ทำไมต้องอาศัยคมกระบี่ด้วย

ใช้กระบี่เป็นอาวุธ ใช้พลังปราณเป็นคมกระบี่ ถึงจะถูกต้อง

แค่ไม่กี่นาที ยอดฝีมือทั้งสองคนของสำนักโลหิตพิฆาตก็ถูกฆ่าตาย

ความร้ายกาจของลู่ฝาน ราวกับเป็นทหารเทพจากสวรรค์ กวาดล้างทุกสิ่งอย่าง

โม่เทียนกลืนน้ำลาย อยู่ดีๆ ก็หลุดตะโกนออกมาว่า “ลู่ฝาน พวกเราไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับนาย นี่เป็นแค่การประลองปกติ เท่านั้น ลู่เทียนกังของพวกนายมาฆ่าคนของจวนผู้เฝ้าเมือง จึงหาเรื่องมาใส่ตัวแบบนี้ พวกเราถูกบีบบังคับ เป็นเรื่องจริง ลู่ฝานเชื่อพวกเราสิ”

โม่เทียนดิ้นรนจากความตาย เขาหวังว่าจะใช้ชื่อเสียงของจวนผู้เฝ้าเมืองมาขู่เฉินลู่ฝานได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังเอาชีวิตรอดไปก่อนได้

ลู่ฝานยืนอยู่ที่เดิม แล้วก็เก็บค่ายกล พร้อมพูดนิ่งๆ ว่า “อย่างนั้นหรือ? ถ้างั้นก็คุกเข่าลงโทษฉัน!”

โม่เทียนได้ยินดังนั้นก็รีบพาลูกน้องคุกเข่าลงทันที มีเพียงโม่หยุนเฟยที่ยืนอยู่ตรงนั้น กัดฟันไม่ยอมขยับตัว โม่เทียนตะโกนไปว่า “โม่หยุนเฟย นายทำอะไร รีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้! ฉันต้องขอโทษด้วยลู่ฝาน ขอโทษด้วย ตระกูลโม่ของเราไม่เอาไหน นายมีความเมตตา คิดเสียว่าพวกเราเป็นเพียงแค่ผายลม ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”

โม่หยุนเฟยก็หน้าเศร้า ยืนอยู่ที่เดิมพูดว่า “ปู่ ไม่ต้องไปขอร้องเขาหรอก เขาก็แค่เล่นแง่กับพวกเราเท่านั้นแหละ!”

มือของโม่หยุนเฟยที่กำกระบี่อยู่ก็สั่นๆ ตอนนี้ในสมองเขาคิดแต่เรื่องที่ลู่ฝานทำในสถาบันสอนวิชาบู๊

ตอนแรกจางเยว่หานก็ยังดีๆ กับลู่ฝาน แต่ก็ยังถูกไล่ออกจากคณะเพราะลู่ฝาน ลู่ฝานเคยพูดอะไรช่วยเธอที่ไหนกัน

ในใจของโม่หยุนเฟยรู้ดี ว่าลู่ฝานเป็นคนที่โหดร้ายกับศัตรูมาก การที่ให้พวกเขาคุกเข่าลงขอโทษ ก็เป็นแค่การเหยียดหยามเท่านั้น

ลู่ฝานมองโม่หยุนเฟย แล้วพูดว่า “นายนี่เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายดีนะ”

พูดจบ ลู่ฝานก็ส่งสายตาให้กับเจ้าดำ ฆ่าคนพวกนี้จะเลอะมือของเขา

เจ้าดำก็เข้าใจ แล้วก็พุ่งเข้าไป ร่างกายขยายใหญ่ ตะครุบครั้งเดียวก็ทุบตายไปหลายคน

โม่เทียนยังคิดจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกเจ้าดำพ่นไฟสีดำใส่จนไหม้เป็นจุล

ที่พูดกันว่า “เศษคน” ยังไม่เท่านี้เลย!

โม่หยุนเฟยมองดูคนตระกูลตนเองจะถูกเข่นฆ่าตายหมดแล้ว เขาคิดจะบุกเข้าไปสู้ตายกับเจ้าดำ แต่ก็ถูกกรงเล็บทุบลงพื้น

ลู่ฝานพูดนิ่งๆ ว่า “เหลือไว้หนึ่งคน!”

เพราะคำพูดนี้ เจ้าดำก็เลยไม่ได้พ่นเปลวไฟดำใส่เขาจนตาย

ลู่ฝานก็หันหลังเดินไปทางลู่หาว

ลู่หาวมองลู่ฝาน แล้วก็เก็บสีหน้าที่ตื่นตกใจกลับไป

“ลู่ฝาน นายทำได้ดีมาก ดีมาก”

ผลยิ้มที่ดูไม่จืดออกมา แล้วลู่หาวก็ล้มลงพื้น

ลู่ฝานพยุงเขาไว้ได้ ในใจก็ตะโกนว่า “ไอ้เก้า มาช่วยคน!”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็รีบปล่อยพลังออกมา แล้วเริ่มช่วยเหลือคน