บทที่ 163 ดูแปบเดียว

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

หลังจากเย่เทียนทิ้งเหยซวี่ ในตอนที่เขาเดินลงมาถึงที่จอดรถตรงตีนเขาคนเดียวนั้น เขาถึงได้รู้ว่าซือเฮ่าเจียยังไม่กลับไป

และไม่ต่างอะไรกับเหลยซวี่ ที่พอเห็นเย่เทียน ซือเฮ่าเจียก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“คุณชายเย่ ในที่สุดคุณก็ลงมาสักที ไม่รู้ว่าข้างบน……”

“ในเมื่อผมลงมาแล้ว คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

ไม่รอให้ซือเฮ่เจียพูดจบ เย่เทียนก็เหลือบมองเขาอย่างสบายๆ ไปทีหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“ครับๆครับ คุณชายเย่พูดถูก ผมมันพูดมากเอง ผมมันพูดมากเอง”

ซือเฮ่าเจียทิ้งภาพของผู้บัญชารองแล้วทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวมาก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาเมื่อกี้ยังคงติดตาอยู่เลย ความแข็งแกร่งที่เย่เทียนแสดงออกมา มันก็มากพอที่จะทำให้เขาก้มหัวลงได้

ยังไง นี่ก็เป็นถึงผู้แข็งที่สามารถเข้าสู่ระดับดำตอนปลายตั้งแต่อายุยังน้อยเลยนะ ลำพังแค่ระดับในตอนนี้ก็น่ากลัวมากพอแล้ว แล้วยังต้องพูดถึงอนาคตอีกเหรอ?

ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวในระดับนี้ พรสวรรคที่น่าตกใจนี้ ถ้าไปถามทั่วทั้งเมืองเอก หรือแม้กระทั่งทั้งเมืองเจียงหวยก็ตาม จะมีใครที่สามารถเทียบเคียงเขาได้อย่างนั้นเหรอ?

ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคนที่อยู่ในระบบ ถ้าตอนนี้เขาไม่เกาะขาของเย่เทียนให้แน่นๆ งั้นชีวิตที่ผ่านมามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!

เย่เทียนขี้เกียจจุ้นจ้านกับเขา จึงได้ถามเข้าประเด็นไปว่า “พวกคุณส่งเยียนหรันไปที่โรงพยาบาลไหน?”

ซือเฮ่าเจียตอบไปตามตรงว่า “ผมให้คนส่งไปโรงพยาบาลอันดับหนึ่งโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ใกล้ที่สุดแล้วครับ”

เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ แต่พอจะเดินจากไป จู่ๆ ก็นึกถึงปัญหาที่สำคัญมากๆว่า เขาไม่รู้ทางเลยนี่นา!

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงเขาจะรู้ทางแล้วมันจะยังไง? ในสถานที่ๆห่างไกลแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถโบกรถได้ จะให้วิ่งกลับไปก็คงไม่ได้หรอกมั้ง? พอคิดได้แบบนั้น เย่เทียนจึงต้องหันหลังกลับมา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้บัญชา รบกวนคุณช่วยสั่งคนให้เอารถส่งผมไปที”

“คุณชายเย่ เชิญทางนี้ครับ”

ซือเฮ่าเจียต้องไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว การที่เขาไม่ส่งกงหย่วนและจี้เยียนหรันไปโรงพยาบาลพร้อมกับโจ๋หย่วนหันมันก็เพราะเหตุนี้ไม่ใช่รึไง?

ยังไงซะ สถานการณ์บนเขานั้นนองไปด้วยเลือด และไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายมั้ย แน่นอนว่าการมารอที่ตีนเขาจึงเป็นแผนที่ดีกว่า

เห็นแก่ที่ซือเฮ่าเจียทำตัวได้ดีกว่าแต่ก่อน เย่เทียนจึงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วพูดเตือนสติไปว่า “ศพของลี่ชุ่ยฮวาอยู่ในถ้ำ แค่สภาพข้างในมันค่อนข้างสยดสยอง ทางที่ดีคุณควรสั่งให้ตำรวจเก่าที่เคยผ่านโลกมาแล้วเข้าไปจะดีกว่า”

พูดจบ เย่เทียนก็ไม่มองซือเฮ่าเจียอีก แล้วนั่งเข้าไปในรถ หยิบมือถือออกมาแล้วเริ่มปัดหน้าจอ

ซือเฮ่าเจียตระหนักได้ด้วยไหวพริบ จึงไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองอีก ได้แต่ขับรถส่งเย่เทียนไปโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์อย่างเงียบๆ

แต่ทว่า จากที่เขาสังเกตเย่เทียนจากทางกระจกมองหลังเป็นพักๆ นั้น เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย

เย่เทียนไม่ได้สนใจว่าซือเฮ่าเจียนั้นคิดอะไร เอาแต่จ้องมองไปที่หน้าจอมือถือ พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปม

ซึ่งมันก็คือข้อมูลที่เกี่ยวกับภูเขาหยุนติ่งในจ๊กกลางนั่นเอง

ภูเขาหยุนติ่งตั้งอยู่นอกพรมแดนระหว่างจ๊กกลางกับจ๊กใต้เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อและทำเลที่ตั้งก็ดีเยี่ยมทำให้ผู้คนมากมายมักเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันหยุด

แต่ที่น่าเสียดายคือ พื้นที่ของภูเขาหยุนติ่งนั้นกว้างมาก มีพื้นที่ประมาณสองร้อยตารางกิโลเมตร ต่อให้มาถึงทุกวันนี้ ก็ยังพัฒนาไปแค่นิดเดียวเท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่าดงดิบที่มีอยู่แต่เดิม ถ้าคนธรรมดาเข้าไปก็ยากที่จะกลับออกมาได้

ไม่มีเวลาไหนเลยที่เย่เทียนไม่คิดที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเอง หลังจากที่ได้รู้ว่าในนั้นอาจมีเหมืองหินทิพย์อยู่ เขาก็อยากที่จะไปดูสักครั้ง

เพียงแต่ ยังมีเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนก่อนจะถึงเวลาที่นัดหมายกัน ภูเขาหยุนติ่งนั้นกว้างใหญ่ การที่เขาคนเดียวจะหาที่ตั้งของเหมืองหินทิพย์ได้นั้นไม่ง่ายเลย

“ช่างเถอะช่างเถอะ รอฉลองวันเกิดให้นายท่านเฉินก่อนเวลาก็น่าจะพอดีกัน ถึงตอนนั้นค่อยไปดูแล้วกัน!”

เย่เทียนตัดสินใจแล้ว ว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน

ตอนที่มาถึงโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ท้องฟ้าก็ได้มืดไปนานแล้ว

“คุณชายเย่ครับ วันนี้มันก็มืดมากแล้ว ผมยังมีธุระต้องไปทำอีก……”

“พรุ่งนี้! พรุ่งนี้ผมจะเชิญคุณชายเย่ไปชิมอาหารขึ้นชื่อของเมืองเอก ถือเป็นการแสดงน้ำใจของคนในพื้นแล้วกันนะครับ”

ซือเฮ่าเจียอยากดูแลเย่เทียนให้ดี แต่ตลอดทางที่มาเขาก็ได้รับสายจากเบื้องบนตั้งหลายสาย เขาจะไม่ไปก็ไม่ได้!

เย่เทียนเข้าใจเขาทุกอย่าง ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้บัญชาการรอง เขาจำเป็นต้องไปจัดการกับธุระที่เกิดขึ้นทีหลังก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้

โบกมือเพื่อเป็นการบอกให้เขาไป พอเย่เทียนกำลังจะเดินเข้าไปในประตูหน้าของโรงพยาบาล แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นแผงขายของที่อยู่ไม่ไกลซะก่อน

เย่เทียนที่เป็นคนกินง่ายก็เดินไปซื้อผัดหมี่มากล่องหนึ่ง แล้วจัดการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องอย่างเสร็จสรรพ แล้วซื้อโจ๊กหมูไม่ติดมันอย่างเอาใจใส่อีกชุดหนึ่ง ถึงได้เดินเข้าโรงพยาบาลไป

หลังจากที่สอบถามกับพี่พยาบาลอย่างสุภาพแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่นาน เย่เทียนก็ตามหาห้องผู้ป่วยของจี้เยียนหรันจนเจอ

ตรงหน้าห้องผู้ป่วยยังมีตำรวจเฝ้าอยู่อีกคนด้วย พอเย่เทียนแจ้งชื่อแซ่ไปแล้วก็ดูสบายใจขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คงจะได้รับข้อมูลมาแล้ว

ที่นี่มันเป็นห้องพิเศษ นอกจากผู้ป่วยโรคจิตคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว มันก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย

“เย่เทียน คุณมาได้ยังไงคะ?”

สีหน้าของจี้เยียนหรันยังดูซีดอยู่ พอเห็นเย่เทียนเข้ามา เธอก็ได้ยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก และพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง

เย่เทียนรีบวางอาหารในมือลง แล้วรีบเข้าไปพยุงร่างกายท่อนบนของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง ช่วยเธอจัดหมอนให้ตั้งตรง เพื่อให้เธอนั่งได้สบาย

แก้มของจี้เยียนหรันปรากฏสีที่ผิดธรรมชาติชอบออกมา

เธอเป็นใคร?

เธอคือจี้เยียนหรัน ตำรวจดาวเด่นเย็นชาที่รวดเร็วและเฉียบขาดเลยนะ!

สภาพแบบนี้ เกิดใครมาเห็นเข้า มันไม่เท่ากับเสียภาพลักษณ์ไปเลยรึไง?

“เป็นอะไร? ไม่สบายเหรอครับ?”

เย่เทียนที่กำลังจัดหมอนอยู่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน จึงอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปมองเธอทีหนึ่ง แต่มันกลับทำให้เขาไม่สามารถดึงสายตากลับมาได้อีกเลย

ชุดผู้ป่วยที่หลวมโคร่ง ไม่สามารถปกปิดเนินเขาตรงนั้นได้ ผิวพรรณที่ขาวใสกว่าครึ่งได้ล้นออกมา

ที่ผ่านมาเย่เทียนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่หนักแน่นเหมือนหลิ่วเซี่ยฮุ่ยมาก่อน และไม่ใช่คนมีคุณธรรมอะไร ทิวทัศน์อะไรที่มีให้ดูฟรีก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่าน

“เย่เทียน?”

เย่เทียนที่เคลิบเคลิ้มจนหยุดชะงักไป ทำให้จี้เยียนหรันอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วต้องพบกับสายตาที่น่ารังเกียจคู่นั้นของเย่เทียน ใบหน้าที่งดงามก็ได้แสดงสีหน้าที่ทั้งโกรธทั้งอายออกมา ถลึงตาใส่เขาตามสัญชาตญาณไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือผลักเขาออกไป

“แคร๊กแคร็ก!”

เย่เทียนถอยหลังไปเล็กน้อย พร้อมกับสีหน้าที่อายๆ ถึงหน้าเขาจะด้านสักแค่ไหน แต่นี่มันถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ เขาก็ต้องมีการแสดงสีหน้าเขินอายอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

หันมองที่จี้เยียนหรัน สีหน้าที่ซีดเซียวของเธอก็ได้แดงก่ำขึ้นมา ดึงผ้าห่มขึ้นมาแล้วปิดหน้าอกไว้อย่างมิดชิด โดยไม่ยอมเผยช่องให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

ดวงตาคู่โตที่เป็นประกายกำลังจ้องเขม็งไปที่เย่เทียน ภายในส่วนลึกของแววตานั้นได้มีความอายแอบซ่อนอยู่

ไอ้หมอนี่ จ้องมองได้โจ่งแจ้งไปหน่อยมั้ยเนี่ย!

ทว่า ถึงในใจจะคิดแบบนั้น แต่ส่วนลึกในใจกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิด และมีความรู้สึกที่ยากจะอธิบายก่อเกิดขึ้น

แกร็ก!

ในจังหวะที่กำลังอึดอัดนั้นเอง ประตูก็ถูกใครบางคนเปิดเข้ามาจากทางด้านนอก โจ๋หย่วนหันได้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่หดหู่……