บทที่ 349 คำสาปโลหิตกำเริบโดยสมบูรณ์

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 349 คำสาปโลหิตกำเริบโดยสมบูรณ์
ผมดำทั้งศีรษะกลายเป็นสีขาวดั่งหิมะ?

เขาเพิ่งจะกี่ปี ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้?

อี้เฉินเฟยชำเลืองมองดวงตาขาวดำที่แยกกันชัดเจนของนางที่สะท้อนภาพเขาที่ผมขาวทั้งศีรษะ

เลือดทั้งตัวของอี้เฉินเฟยจับตัวกันขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

เขาก้มศีรษะสั่นเทา เป็นดังคาด…….เส้นผมที่ห้อยอยู่ตรงหน้าหน้าอกกลายเป็นสีขาวดุจหิมะ

ผมขาวดุจหิมะ……

พิสูจน์ว่าคำสาปโลหิตกำเริบโดยสมบูรณ์แล้ว…….

เขา…….มีชีวิตรอดได้นานที่สุดเพียงครึ่งปีเท่านั้น……..

หลังจากนี้ครึ่งปี ทั้งตัวของเขาก็จะเน่าเปื่อยเหม็นเน่าและตายไป

อี้เฉินเฟยปิดปากตัวเองไว้ ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง

มุกมังกรเจ็ดเม็ด…….

ยังมีอีกสามเม็ดที่ยังหาไม่เจอ

ทั้งเผ่าของพวกเขาพยายามทำทุกอย่างเต็มที่ สิ้นเปลืองเวลาและความสามารถไปมากน้อยเพียงใด เสียคนไปกี่รุ่น ถึงจะหามาได้สี่เม็ด

ยังมีอีกสามเม็ด……

ภายในครึ่งปีจะสามารถหาพบได้อย่างไร…….

หามุกมังกรเจ็ดเม็ดไม่ได้ คำสาปโลหิตพวกเขาทั้งเผ่าก็ไม่สามารถแก้ได้

แก้ไม่ได้ ก็มีทางเดียวเท่านั้นที่ไปได้ รอความตาย

กู้ชูหน่วนกึ่งแสร้งพูดด้วยรอยยิ้มที่สงบ “อันที่จริงผมขาวก็น่าดูทีเดียว ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยคิดอยากจะย้อมผมขาว เพียงแต่ไม่กล้ามาตลอด พี่อี้เฉินที่ผมขาวโพลน ก็เพิ่มเสน่ห์ความเป็นชายมากขึ้นอีกสองสามระดับเชียวล่ะ”

อี้เฉินเฟยฝืนบีบยิ้มออกมา “ทำให้เจ้าตกใจแล้วใช่หรือไม่?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ว่าท่านจะผมขาวหรือดำ ท่านก็เป็นพี่ชายของข้า พี่ชายที่สนิทชิดเชื้อที่สุด”

กู้ชูหน่วนพิงอยู่ในอ้อมอกของเขา ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กระทั่งรู้สึกคัดจมูก น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างอดไม่ได้

“หากว่าท่านไม่ชอบผมสีขาว ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะต้องทำให้ท่านกลับสู่สภาพเดิมได้แน่”

“ไม่จำเป็นแล้ว ผมขาว……ก็ดีมาก”

เพียงแค่นางปลอดภัย เพียงแค่คำสาปโลหิตบนตัวของนางสามารถแก้ได้ ทุกอย่างก็คุ้มค่า

“รับปากข้า อย่าไปช่วยเขาได้หรือไม่”

กู้ชูหน่วนตะลึงเล็กน้อย เพิ่งจะดึงสติได้ว่าเขาที่อี้เฉินเฟยพูดถึง ก็คือเวินเส้าหยี

มุมปากของนางขยับ ขณะที่ยังไม่ได้เอ่ยปาก อี้เฉินเฟยก็ไอทีหนึ่ง ไอออกมาเป็นเลือดกองหนึ่ง

กู้ชูหน่วนประคองอี้เฉินเฟยที่ได้รับบาดสาหัสไว้ ตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร็ว พาพวกเราไปที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันตก”

“ฟ่อวฟ่อว…….”

ร่างกายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ลอยขึ้นในอากาศ พาพวกเขามุ่งไปทางราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันตก

ตรงนี้อยู่ใกล้กับเขตแดนของอสูรมังกรระดับเจ็ดมากเกินไป หากว่าถูกมันเห็นเข้า จะต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยเป็นแน่ รักษาอาการบาดเจ็บที่นี่ ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด กู้ชูหน่วนทำได้เพียงพาเขาออกไปก่อน

นั่งบนตัวงู กู้ชูหน่วนมองจากข้างบนลงไปที่ทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าทั้งผืน

ขณะที่พวกเขาตกหน้าผา ก็ไม่รู้ว่าทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้านี้มีคนตายไปมากน้อยเท่าไหร่ ทุกหัวระแหงเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด บนทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าสามารถเห็นหลุมขนาดมหึมาหลุมแล้วหลุมเล่าได้ทุกที่บน ก็ไม่รู้ว่าการต่อสู้ของพวกเขา ดุเดือดมากมายแค่ไหนกันแน่

เมื่อเห็นว่ากลุ่มผู้อาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บหนักกลุ่มหนึ่งของเผ่าเทียนเฟิ่นกำลังค้นหาผู้ใดสักคนด้วยความร้อนใจอยู่ในที่ราบระหว่างภูเขา ในใจของกู้ชูหน่วนก็อดไม่ค่อยได้ นางลังเลครู่หนึ่ง โยนกระดุมเม็ดหนึ่งลงไป ชี้นำผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่น

กระดุมเม็ดนี้นางดึงออกมาจากบนตัวของเวินเส้าหยีโดยไม่ได้ตั้งใจ และนางก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นจะหากระดุมเม็ดนี้เจอหรือไม่ ตามกระดุมเม็ดนี้ไปหาเวินเส้าหยีที่อยู่ใต้หน้าผาจนพบ

แต่ในใจของนางบอกนางว่า นางจำเป็นต้องรักษาอี้เฉินเฟยให้หาย ไม่เช่นนั้นนางจะต้องทนทุกข์และโทษตัวเองไปตลอดชีวิต

มังกรยักษ์เก้าหัวพากู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า ไต่ผาหินด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า เหาะไปด้วยความรวดเร็วและความดุดัน

ร่างกายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ใหญ่เกินไป ที่สามารถเข้ามาในทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือ หลายๆคนได้เห็นพวกเขาแล้ว

รวมทั้งเย่จิ่งหานด้วย

เย่จิ่งหานถอนใจยาวๆเฮือกหนึ่ง

ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาเป็นห่วงอยู่พักหนึ่ง

เพื่อนาง แม้แต่พิษเขาก็ไม่คิดจะถอนแล้ว ขาสองข้างก็ไม่คิดจะฟื้นให้เป็นสภาพเดิมแล้ว เหลือสุดท้ายอีกนิดเดียว ก็สามารถปลดพันธนาการ ไปค้นหานางได้แล้ว

“นายท่าน หาพระชายาพบแล้วขอรับ อยู่ตรงที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันตก พระชายาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากของรับ เหล่าองครักษ์ลับกำลังไปรับพระชายาที่ภูเขาทางทิศตะวันตกกลับมาขอรับ”

“นอกจากนี้ ยังมีเจ้าสำนักชิงของสำนักอสุราอยู่กับพระชายาด้วย แต่เจ้าสำนักชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ใกล้จะหมดลม พระชายากำลังพยายามทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้ว่าทำไม เส้นผมสีดำทั้งศีรษะของเจ้าสำนักชิง ถึงได้ขาวทั้งหมดในชั่วข้ามคืนแล้วขอรับ”

หลีโล่ไม่กล้าพูดว่า ความสัมพันธ์ของเจ้าสำนักชิงและพระชายาไม่ธรรมดา ทำได้เพียงรายงานเบาะแสทีละอย่างของพระชายาเท่านั้น

ดวงตาอันเคร่งขรึมของเย่จิ่งหานลึกล้ำลง รู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย

ผมสีดำทั้งศีรษะ เปลี่ยนเป็นขาวราวหิมะในชั่วข้ามคืน?

เขาเผชิญกับเหตุการณ์อะไรมาหรือ?

และหรือว่าเขาเป็นเผ่าหยกเหมือนกับเสด็จแม่ของเขางั้นหรือ?

ในโลกนี้มีเพียงผู้ที่โดนคำสาปโลหิต และพิษของคำสาปโลหิตกำเริบอย่างสมบูรณ์เท่านั้น ผมดำทั้งศีรษะถึงได้กลายเป็นสีขาวดั่งหิมะในชั่วข้ามคืนได้

ถ้าผมสีดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเพราะโดนคำสาปโลหิต ก็อธิบายได้ว่า เส้นตายของเขาใกล้เข้ามาแล้วไม่ใช่หรือ?

แล้วสำนักอสุรามีความสัมพันธ์อะไรกับเผ่าหยกด้วย?

หลีโล่พูดหยั่งเชิง “นายท่าน ต้องการให้ข้าน้อยไปสืบความสัมพันธ์ของสำนักอสุราและเผ่าหยกหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่ต้องแล้ว ต่อให้สำนักอสุราจะเป็นฐานที่มั่นที่ปิดบังตัวตนของเผ่าหยกจริง ไม่ว่าเจ้าจะสืบอย่างไร ก็สืบไม่ได้”

“ขอรับ……”

หลีโล่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเปล่งเสียง เห็นอกเห็นใจเจ้าสำนักชิงอยู่เงียบๆ

ในอดีตภาพเสด็จแม่ที่ตายทั้งเป็นอย่างน่าอนาถของนายท่าน ยังคงอยู่ต่อหน้า

นั่นโหดร้ายเกินไปจริงๆ หวังว่าเจ้าสำนักชิงจะไม่ได้โดนคำสาปโลหิตจึงจะดี

“กู้ชูหน่วนล่ะ ทำไมนางไม่มา?”

ผู้หญิงคนนี้ ถอนพิษให้เขาได้ครึ่งหนึ่งก็ล้มเลิกไปแล้วหรือ? มีหมอที่เป็นแบบนี้ที่ไหน?

“อันนี้….พระชายาอาจจะเกรงว่ามาที่นี่ ก็จะล่อศัตรูมา ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันตกน่ะขอรับ”

สมควรตาย คิดต้องการฟื้นสภาพขาสองข้าง เขายังต้องแช่ต่ออีกหลายวัน วิทยายุทธก็ไร้หนทางที่จะฟื้นคืนได้

“ส่งคนไปคุ้มกันนางให้มากหน่อย ผู้หญิงคนนี้ทำให้คนวางใจไม่ได้แม้สักน้อย”

“ขอรับ”

“สถานการณ์สงครามภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”

“รายงานนายท่าน เผ่าเทียนเฟิ่นและเผ่าปีศาจได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับหกจำนวนไม่น้อย บาดเจ็บล้มตายสาหัส ผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเทียนเฟิ่นได้รับบาดเจ็บ หัวหน้ากองธงสองคนของเผ่าปีศาจก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เบื้องล่างวชิระทั้งสี่ก็ตายอย่างน่าอนาถหลายคนขอรับ”

“ต่อมาพวกเขาได้ร่วมมือกัน หลังจากที่สู้ตายเข้าล้อมสังหารสัตว์อสูรระดับหกแล้ว ในที่สุดก็สามารถพุ่งเข้าด่านที่หนึ่งของปากปล่องภูเขาน้ำเต้าได้ แต่ด่านที่สอง พวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บแล้ว ศพถูกโยนออกมาทีละศพ ข้าน้อยกลัวพวกเขาจะเห็นเข้า ไม่กล้าเข้าไปใกล้มานัก จึงไม่รู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้นขอรับ”

เย่จิ่งหานเอ่ยถาม “หุบเขาตันหุยล่ะ?”

เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า หุบเขาตันหุยจะวิ่งไกลเป็นพันลี้ไปถึงบนทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าได้ เพื่อที่จะเก็บยาเล็กๆน้อยๆ

อุณหภูมิที่นี่สูงเกินไป เว้นแต่จะเป็นสถานที่ที่ถูกม่านอาคมครอบคลุมไว้ ไม่เช่นนั้นต้นหญ้าเล็กๆก็เติบโตไม่ได้ จะเก็บยาอะไรได้?

“จับตาดูพวกเขาต่อไป”

“ขอรับ”

ฉับพลันนั้น ก็มีเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวดังมาจากตรงคอขวดของภูเขาน้ำเต้าเลือดอีกครั้ง พร้อมกับเสียงคำรามของมังกรที่ดังก้องไปทั่วฟ้า

เย่จิ่งหานเงยหน้าขึ้นทันที

เห็นว่าเมฆลมและท้องฟ้าเปลี่ยนสี เมฆดำม้วนตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ทีละลูกๆ หมุนวนไปรอบๆ ซึ่งอาจจะพังทลายลงมาได้ตลอดเวลา

วิทยายุทธที่แข็งแกร่งมาก

เป็นสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่นร่วมพลังกันสร้างตาข่ายขนาดมหึมา

ดูเหมือนว่ามุกมังกรจะอยู่ที่นี่ดังคาด

จึงได้ดึงดูดผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานมาได้มากมายขนาดนั้น