ตอนที่ 299 ประกาศผลลัพธ์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“ดูเหมือนว่าไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องหยิบสิ่งหลอมออกมาอีก งานชุมนุมช่างหลอมในครั้งนี้ ข้ายอมรับว่าข้าแพ้แล้ว!”

กู่หยวนส่ายศีรษะและกล่าวอย่างยอมรับ

แม้ว่าเขาหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะได้สำเร็จ ทว่าเมื่อเทียบกันจริงๆแล้วมันยังด้อยกว่าคฤหาสน์ระดับวิจิตรขั้นสูงของฉินอวี้โม่เสียอีก

ความสำเร็จในการหลอมของฉินอวี้โมเป็นสิ่งที่บรรลุได้ยากมากและแทบจะไม่เกิดขึ้น ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติการพัฒนาของมัน คฤหาสน์เฟิงหัวที่ฉินอวี้โม่หลอมขึ้นมาก็ถือว่าล้ำค่ายิ่งกว่าอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะของเขาเป็นอย่างมาก

“ศิษย์น้อง สิ่งหลอมของเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าทึ่งจริงๆ ต่อให้เจ้าแพ้การแข่งขัน มันก็คุ้มแล้วที่ได้เห็นคฤหาสน์เฟิงหัวด้วยตาตนเองและได้เห็นเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์เช่นนี้ในดินแดน”

เยว่ชิงยิ้มและตบไหล่กู่หยวนเบาๆ

งานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ทำให้เขาได้เจอกับเรื่องไม่คาดฝันมากมาย ศิษย์น้องของเขาทะลวงผ่านสภาวะคอขวดที่ติดชะงักมานานได้ในที่สุดและหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะออกมาได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้เห็นคนหนุ่มมากพรสวรรค์จำนวนมากรวมถึงฉินอวี้โม่ผู้น่าทึ่งที่เจิดจรัสขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เยว่ชิงอดจินตนาการไม่ได้ หากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ศาสตร์การหลอมของพวกเขาจะได้สืบสานและก้าวหน้าต่อไปมากเพียงใด

“เป็นจริงอย่างที่ว่า ศิษย์พี่พูดถูก ข้าตั้งตารอเหลือเกินว่าอวี๋โม่คนนี้จะเติบโตรุ่งเรืองต่อไปอย่างไรในภายภาคหน้า”

กู่หยวนยิ้มเล็กน้อยพลางถอนหายใจเบาๆ อันที่จริงเขารู้สึกโล่งใจอย่างมากและก็ยินดีกับความสำเร็จของฉินอวี้โม่ในครั้งนี้

“ท่านปรมาจารย์กู่หยวน ท่านประธานเยว่ชิง อย่ายกยอข้าเกินไปเลย มันเป็นเพียงเพราะความโชคดีจริงๆที่ข้าหลอมคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ได้สำเร็จ ทักษะการหลอมของพวกท่านในตอนนี้ยังเหนือชั้นกว่าข้ามากและข้าคงต้องพึ่งคำแนะนำจากท่านยอดฝีมือทั้งสองในอนาคต”

ฉินอวี้โม่กล่าวตอบเมื่อได้ยินบทสนทนาของกู่หยวนและเยว่ชิง

สิ่งที่นางกล่าวคือความจริงที่ไม่บิดเบือน ความสำเร็จในการหลอมคฤหาสน์เฟิงหัวในครานี้มีโชคเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่ง เมื่อรวมกับไพ่ตายที่มี นางจึงสามารถหลอมคฤหาสน์มิติที่สองนี้ได้สำเร็จลุล่วง

หากว่านางต้องทำมันอีกครั้ง ฉินอวี้โม่ก็ไม่มั่นใจว่าจะหลอมสิ่งเดิมได้สำเร็จเป็นครั้งที่สองหรือไม่

ทักษะการหลอมของกู่หยวนและเยว่ชิงในตอนนี้เหนือชั้นกว่านางมาก แม้ว่านางมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและน่าอัศจรรย์ มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะพัฒนาก้าวผ่านพวกเขาในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี

“ฮ่าๆๆ เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว คฤหาสน์เฟิงหัวของเจ้านี้ แม้แต่เราทั้งสองก็หลอมมันออกมาไม่ได้ ทว่าเจ้ากลับหลอมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อให้เป็นเพราะโชคช่วย มันก็แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และความหมั่นเพียรฝึกปรือของเจ้าเช่นกัน ในไม่ช้า ความสำเร็จของเจ้าจะก้าวผ่านเราทั้งสองไปอย่างแน่นอนและเจ้าอาจถึงขั้นกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของดินแดนก็เป็นได้”

เยว่ชิงยิ้มและกล่าวต่อ “แต่เจ้าพูดถูก ทักษะการหลอมของเจ้าในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก ถ้าเจ้าฝึกฝนพัฒนาทักษะการหลอมต่อไปและด้วยการที่มีเพลิงจักรพรรดิอยู่ในการครอบครองนั้น เจ้าจะสามารถหลอมอุปกรณ์ในระดับวิจิตรขั้นสุริยะได้เป็นแน่”

หลังจากหยุดไปชั่วคราว เยว่ชิงก็มองฉินอวี้โม่และกล่าวต่อ “เจ้าอยากเข้าร่วมสมาคมและเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมช่างหลอมของเราหรือไม่ ? เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะเลือกใช้วัสดุที่มีในสมาคมได้ อีกทั้งยังสามารถศึกษาและฝึกทักษะการหลอมในสมาคมได้ตามต้องการ ข้ามั่นใจว่าทักษะการหลอมอุปกรณ์ของเจ้าจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว”

อดีตนักฆ่าสาวรู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญของประธานสมาคมช่างหลอม อันที่จริงนางคิดเรื่องการเข้าร่วมสมาคมมาก่อนแล้ว หากว่าได้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคม มันก็ย่อมเป็นผลดีและไม่มีพิษมีภัยใดๆ

ทว่าก่อนเข้าร่วมสมาคมช่างหลอมแห่งนี้ นางจะต้องชี้แจงบางอย่างกับเยว่ชิงให้กระจ่างชัดเสียก่อน

“ท่านประธานสมาคมเยว่ชิงขอรับ อันที่จริงข้าสนใจที่จะเข้าร่วมกับสมาคมช่างหลอมมาก เพียงแต่ข้ามีศัตรูที่ไม่ธรรมดาเลยและข้ายังเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อท่านไม่ได้ หากว่าสามารถเข้าร่วมได้ แน่นอนว่ามันจะเป็นเกียรติอย่างที่สุดที่จะได้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมช่างหลอมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้”

คุณหนูสี่ตระกูลฉินกล่าวอย่างชัดเจนว่านางไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมให้คนอื่นติดร่างแหความเดือดร้อนไปด้วย หากเยว่ชิงกังวลว่าศัตรูของนางจะมีผลกระทบใดๆต่อสมาคม เขาก็ย่อมพิจารณามันอย่างละเอียด

ถ้าหากเยว่ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น มันก็เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับนางที่จะได้เป็นถึงผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมช่างหลอมและมีโอกาสได้ศึกษาตำราการหลอมจากแหล่งสำคัญเช่นนี้

“ฮ่าๆๆ พ่อหนุ่ม เจ้าคิดว่าสมาคมช่างหลอมของเราหวาดกลัวสิ่งใดรึ?”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของอีกฝ่าย เยว่ชิงก็รู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่มากยิ่งขึ้น สมัยนี้มีเพียงน้อยคนที่ยึดถือความซื่อสัตย์และจริงใจ หากเป็นคนทั่วไปที่มีศัตรูทรงพลัง เมื่อได้รับคำเชิญจากสมาคม พวกเขาคงรีบคว้าโอกาสเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมโดยเร็วที่สุดอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะไม่มีผู้ใดต้านทานพลังของสมาคมช่างหลอมได้

อย่างไรก็ตาม ‘อวี๋โม่’ ผู้นี้กล่าวความจริงเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่ก่อนตกลงเข้าร่วมกับสมาคมช่างหลอม แล้วเขาจะไม่รู้สึกถูกชะตากับคนแบบนี้ได้อย่างไร ?

“สำหรับตัวตนที่แท้จริงของเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสมาคมช่างหลอม เราก็ไม่สนใจ”

สมาคมช่างหลอมเป็นหนึ่งในสี่สมาคมใหญ่ของดินแดน พวกเขาย่อมไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด ในเมื่อฉินอวี้โม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกร่วมกับพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อศัตรูของนางเช่นกัน

อีกอย่าง หากว่าฉินอวี้โม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมช่างหลอม ต่อให้มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นกับนาง พวกเขาก็ย่อมรับมือกับมันเคียงข้างนาง

ส่วนเรื่องตัวตนที่แท้จริงของ ‘บุรุษลึกลับในหน้ากาก’ พวกเขาก็ไม่สนใจเช่นกัน หากว่านางไม่ทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อสมาคม บรรดาสมาชิกก็ไม่สนใจในตัวตนของนาง

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของฉินอวี้โม่ ในไม่ช้า สมาคมช่างหลอมของพวกเขาจะรุ่งเรืองมากขึ้นและกลายเป็นสมาคมที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดในดินแดนอย่างแน่นอน สำหรับสมาชิกในสมาคมช่างหลอม การที่ฉินอวี้โม่เข้าร่วมและเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์จะส่งผลดีมากกว่าผลร้ายอย่างแน่นอน

“ในเมื่อท่านประธานเยว่ชิงกล่าวเช่นนี้ ข้าก็ขอน้อมรับคำเชื้อเชิญของท่าน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเคารพและกล่าวต่อ “ถ้าหากท่านประธานต้องการ ข้าสามารถหลั่งเลือดสาบานตนได้และข้าจะไม่มีวันทำอะไรที่จะส่งผลเสียต่อสมาคมช่างหลอมหรือทำให้สมาคมต้องเผชิญพิษภัยใดๆ”

“ฮ่าๆๆ ไม่จำเป็นหรอก ต่อให้เราเพิ่งพบกันไม่นาน ข้าก็เชื่อเจ้า”

เยว่ชิงยิ้มและไม่ยอมให้อีกฝ่ายต้องสาบานหรือปฏิญาณตน

แม้ว่าทั้งสองเพิ่งพบปะและรู้จักกันเพียงระยะสั้นๆ เขาก็เชื่อมั่นในตัวฉินอวี้โม่ ‘บุรุษหนุ่ม’ ผู้มากพรสวรรค์เช่นนี้ไม่มีทางเอ่ยอะไรลอยๆ ไม่ว่าเขากล่าวสิ่งใดก็จะยึดถือตามนั้นอย่างแน่นอน สัญชาตญาณของเยว่ชิงบอกให้เขาเชื่อมั่นและไว้วางใจฉินอวี้โม่

เมื่อได้ยินวาจาของเยว่ชิง ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มเล็กน้อยด้วยความเคารพและรู้สึกชื่นชมประธานสมาคมมากยิ่งขึ้น เขาอุทิศตนต่อประโยชน์ของสมาคมอย่างแท้จริงและเป็นประธานสมาคมที่เก่งกล้าสามารถ ไม่แปลกใจเลยที่สมาคมช่างหลอมยืนหยัดเป็นที่หนึ่งในบรรดาสี่สมาคมใหญ่ได้อย่างมั่นคงเช่นนี้ตลอดหลายปี

“เอาล่ะ ประกาศผลอันดับก่อนเถอะ เราจะคุยเรื่องเหล่านี้กันในภายหลัง”

กู่หยวนยิ้มขณะกล่าวกับฉินอวี้โม่และศิษย์พี่ของตนเอง

“ศิษย์น้อง เสี่ยวอวี๋โม่เข้าร่วมสมาคมของเราแล้ว เจ้าคิดจะกลับมารึไม่? หากเป็นในกรณีนี้ มันจะเป็นดั่งสำนวนที่ว่าเก๋งที่ใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน เจ้าจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากอวี๋โม่ผู้นี้ด้วย”

**近水楼台先得月เก๋งที่ใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน หมายถึง การที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ

เยว่ชิงกล่าวกับกู่หยวน

เมื่อได้ยินวาจาของศิษย์พี่ จิตใจของกู่หยวนก็คล้อยตามเล็กน้อย ทว่าหลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาก็ยังไม่ได้ตกปากรับคำในทันที

“ศิษย์พี่ เราคุยเรื่องนี้กันในภายหลังเถอะ ตอนนี้ทุกคนกำลังมองอยู่และต่างก็รอฟังผลอันดับของงานชุมนุมครั้งนี้”

เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากกู่หยวน เยว่ชิงก็ยิ้มและไม่ถามอะไรเซ้าซี้ให้มากความ

“ฮ่าๆๆ ครั้งนี้ที่ข้าตัดสินใจมาเข้าร่วมงานชุมนุมก็เพื่อเปิดโลกและวิสัยทัศน์ของตนเอง บัดนี้ผู้ชนะและผู้แพ้ของการแข่งขันก็ชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งที่ข้าหลอมหรอก ทว่าหากศิษย์พี่และเสี่ยวอวี๋โม่อยากรู้ หลังจากจบงาน ข้าจะแสดงให้ทั้งสองได้เห็นเป็นการส่วนตัว”

กู่หยวนยิ้มให้หลัวหลินทว่าปฏิเสธที่จะแสดงผลงานของตนเองซึ่งนั่นหมายความว่าเขายอมสละอันดับในการแข่งขันนี้เช่นกัน

“หลัวหลิน นำสิ่งหลอมที่ลงทะเบียนไปให้กรรมการตัดสินและประกาศผลอันดับเถอะ”

เยว่ชิงยิ้มพลางบอกให้หลัวหลินนำสิ่งหลอมทั้งหมดจากผู้เข้าแข่งขันไปแสดงต่อกรรมการตัดสินอย่างไม่รีรอ

ในขณะที่ลงทะเบียนผลงานทั้งหมด ผู้อาวุโสหลัวหลินได้แบ่งกลุ่มไว้อย่างคร่าวๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอายุ ระดับของสิ่งหลอมและอันดับตามความคิดของเขา

กรรมการตัดสินดูรายชื่ออย่างคร่าวๆและไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับอันดับของหลัวหลิน พวกเขาจึงไม่ได้พูดหรือคัดค้านอะไร

พวกเขาทั้งหมดต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะที่เป็นผลงานของกู่หยวนและสงสัยเกี่ยวกับฉินอวี้โม่ด้วยเช่นกัน ส่วนอันดับรางวัลนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก

ฉินอวี้โม่สนทนากับเยว่ชิงก่อนเดินตรงไปหาซูเสี่ยวจวิ้นและคนอื่นๆ

“พี่อวี๋โม่ ท่านยอดเยี่ยมไปเลย!”

ซูเสี่ยวจวิ้นโผเข้าสวมกอดฉินอวี้โม่อย่างแรงด้วยความตื่นเต้น

“เด็กน้อย สงวนท่าทีหน่อยเถอะ มีคนจำนวนมากที่กำลังมองอยู่”

ฉีอวิ๋นเหล่ยก็มีความสุขมากเช่นกัน ทว่าเมื่อเห็นแววตาของผู้คนโดยรอบ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“เชอะ ก็ปล่อยให้พวกเขามองไปสิ ข้าก็แค่คิดว่าพี่อวี๋โม่ของข้าเก่งที่สุด ข้าชอบพี่อวี๋โม่มาก แล้วใครจะทำไม?”

ซูเสี่ยวจวิ้นแค่นเสียงอย่างไม่ใส่ใจ นางผละออกจากอ้อมแขนของฉินอวี้โม่ทว่ายังคงเกาะแขนนางไม่ปล่อยขณะชำเลืองมองทุกคนโดยรอบ

งานชุมนุมช่างหลอมมีสตรีมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก หลังจากได้รู้อายุที่แท้จริงและพรสวรรค์ของ ‘อวี๋โม่’ พวกนางต่างก็เกิดความรู้สึกหลงใหลและสนใจในตัว ‘เขา’

นอกจากนี้ ลักษณะของฉินอวี้โม่ในคราบบุรุษก็ดูดีอย่างมากและหน้ากากที่สวมก็เพิ่มกลิ่นอายของความลึกลับน่าค้นหา สตรีหลายนางทอแววตาชื่นชมขณะมองมาที่ฉินอวี้โม่อย่างไม่ปิดบัง

ซูเสี่ยวจวิ้นมองทุกคนด้วยแววตาดุดันและสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่ฉินอวี้โม่ก็ลดลงเล็กน้อย ทว่าก็ยังมีบางคนที่มองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเอียงอาย

“ฮ่าๆๆ อวี๋โม่ เจ้ามีเสน่ห์มากจริงๆ”

ฉีอวิ๋นเหล่ยก็สังเกตเห็นสายตาเหล่านั้นเช่นกันและอดกล่าวพลางหัวเราะเบาๆไม่ได้

จู่ๆเขาก็นึกขบขันในใจอย่างมาก หากว่าคนเหล่านี้ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ มันจะทำให้หัวใจของสตรีเหล่านี้แตกสลายหรือไม่ ? และสำหรับบุรุษคนอื่นๆ พวกเขาจะรีบมุ่งหน้าไปที่ขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬเพื่อขอนางแต่งงานหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ฉีอวิ๋นเหล่ยก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป มันคงไม่ใช่เรื่องดีนักหากว่าฉินเทียนซึ่งเป็นผู้นำขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬทราบถึงเรื่องนี้

“ฮ่าๆๆ หลังจากการแข่งขันนานสามวัน ในที่สุดก็ถึงเวลาประกาศผลลัพธ์”

ผู้อาวุโสหลัวหลินกล่าวขึ้นมาและสายตาของทุกคนก็จดจ่อไปที่เขาทันที

.