จำนวนการต่อสู้ในสงครามที่น่าอัศจรรย์ถูกหลี่ชวนรายงานออกมา ระหว่างที่หลี่ชวนพูดทั้งบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบ ผู้ลี้ภัยทั้งสองร้อยคนต่างช็อคเมื่อได้ยินเหตุการณ์ต่างๆที่ทั้งเข้มข้นและน่าตื่นเต้น

 

หลิวยู่ติงเองก็ตกใจเหมือนกัน แววตายามมองไปที่ชูฮันยิ่งลึกล้ำมากขึ้น เมื่อหนึ่งเดือนก่อนกองทัพหนึ่งร้อยคนนี้อ่อนแอมากขนาดไหน…ไม่มีใครรู้ดีเท่าเขา แต่ตอนนี้กองทัพหนึ่งร้อยคนกลับแข็งแกร่งจนยากที่ใครจะต้านทานได้

 

“…ครับ” เสียงของหลี่ชวนไม่ได้ดังลั่นหากมันดังชัดเจนเข้าหูทุกคน จากนั้นก็ตามด้วยท่าวันทยาหัตถ์แก่ชูฮันและหมุนตัวกลับไปยืนหลังตร

ที่ด้านหลังทีม

 

“ได้ยินมั้ย?” ชูฮันถามพร้อมร่องการเยาะเย้ย จากนั้นก็หันไปมองหน้าหลี่ชวนและดึงสายตากลับมาที่ผู้ลี้ภัยสองร้อยคน “หลี่ชวนก็เป็นแค่คนธรรมดาในกองทัพของฉันแต่เขากลับสามารถฆ่าซอมบี้ระยะ 1 ได้มากมาย รวมถึงซอมบี้ระยะ 2 อีกหลายสิบตัว!”

 

ทั้งสองร้อยคนต่างรู้สึกลำคอแห้งผากและจ้องไปที่ชูฮันด้วยแววตาจริงจัง ไม่มีใครในตอนนี้สามารถบรรยายความรู้สึกที่แท้จริงข้างในออกมาได้ สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความสับสนขณะสบตามองกันและกันไปมา

 

อาการช็อคและปฏิกิริยาของพวกเขาไม่ต่างจากตอนที่เกิดการปะทุของโลกาวินาศขึ้นเลย!

 

เช่นเดียวกับคนทั่วไป หลี่ชวนได้มีส่วนร่วมในการฆ่าซอมบี้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน ก่อนหน้านี้เขาสามารถฆ่าซอมบี้ได้เพียงแค่ไม่กี่ตัวในแต่ละครั้งแต่ตอนนี้เขาสามารถฆ่าซอมบี้ได้จำนวนไม่ถ้วนภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงของการดำเนินไปสู่ความรุ่งโรจน์

 

แตกต่างจากคนอื่นๆที่เป็นคนธรรมดาทั่วไปเหมือนกันที่เลือกที่จะวิ่งหนี เอาแต่ขอคนอื่นกินและนอนไปวันๆ เวลาที่หลี่ชวนเห็นซอมบี้นับพันๆตัวเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป หลี่ชวนมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับการฆ่าซอมบี้ตั้งแต่เขาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาสามารถฆ่าได้เพียงไม่กี่ครั้งและตอนนี้เขาสามารถฆ่าเวลานับไม่ถ้วนในยี่สิบสี่ชั่วโมง เดินไปสู่ความรุ่งโรจน์ในปัจจุบัน

“และพวกคุณ?” ชูฮันไม่มีความสงสารใดๆให้คนพวกนี้และไม่ลังเลที่จะเอ่ยประโยคที่น่าตกใจสำหรับคนฟังออกมา “โอ้! แต่พวกคุณก็เป็นคนธรรมดาไม่ต่างจากหลี่ชวนหนิ แถมยังมีพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ตั้ง 20 คนอยู่ในกลุ่มพวกคุณ ก้มลงดูสภาพตัวเองสิ? พวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่กลับไม่มีความกล้าหาญเท่ากับนักรบภายใต้การบังคับบัญชาของฉันเลยสักนิด!”

 

“เอาแต่โวยวายและหนีเอาตัวรอด เหยียบย่ำศีลธรรมขั้นต่ำของมนุษยชาติด้วยเท้าตัวเอง พวกคุณมันตัวขี้เกียจ มีอะไรที่สามารถส่งผลต่อพวกคุณได้บ้างนอกจากเรื่องของตัวเอง พวกคุณเป็นพวกระดับต่ำสุดของมนุษยชาติ แม้พวกคุณจะไปที่ค่ายไหน พวกคุณก็จะถูกกวาดให้ไปอยู่ในเขตผู้ลี้ภัยอยู่ดี นี้คือชะตาที่พวกคุณเลือกทางเดินเอง การเห็นแก่ตัวโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น” แววตาของชูฮันคมกริบและน่ากลัวอย่างมาก “ทั้งหมดที่พูดมานี้ พวกคุณยังไม่ใช่ขยะอีกเหรอไง?”

 

ท่ามกลางความผิดหวังและจิตใจที่พังทลายของหลายๆคน หลายคนตัวสั่นและตาแดงก่ำ หัวใจอัดเแน่นไปด้วยความโกรธและอวดดี พวกเขาต้องการให้ชูฮันหุบปากและอยากจะฉีกปากชูฮันทิ้ง หากไม่มีใครกล้าจะลงมือก่อน ไม่มีใครส่งเสียง เพราะสิ่งที่ชูฮันพูดนั้นถูกต้องแล้ว

 

ชูฮันกวาดตามองคนสองร้อยคนตรงหน้ารอบๆ ตามมาด้วยยกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็ยื่นมือออกไปโบก “ไป!”

 

“ครับ!” เสียงขานรับของทหารหนึ่งร้อยคนดังสนั่นก้อง

 

ฟรึบ—–

 

เสียงเดินเท้าอย่างเป็นระเบียบและเป็นจังหวะของทั้งทีมดังขึ้น มันไม่มีการลังเล ไม่มีการหยุดชะงักใดๆให้เห็น

 

ฝูงชนสองร้อยคนมองตามทีมทหารหนึ่งร้อยนายที่ก้าวเท้าเดินออกไปจากบริเวณและเดินออกเขตหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว ทหารของชูฮันนั้นแข็งแกร่งและไร้ความกลัวจนพวกเขาสามารถเดินทางระยะไกลด้วยเท้าได้

 

ชูฮันเดินตามหลัง หลิวยู่ติงที่อยู่ข้างชูฮันเอียงคอเล็กน้อยเหลือบมองไปที่ด้านหลังที่พวกเขาจากมา จากนั้นก็เอ่ยถามประโยคที่เขาสงสัยอยู่ในใจออกมา “ฉันคิดว่านายต้องการคนพวกนั้นมาเข้าร่วมซะอีก นายพูดมากไปขนาดนั้นแต่กลับไม่เอาคนพวกนั้นแล้วเนี่ยนะ?”

 

สายตาของชูฮันดิ่งลึก “ฉันพูดชัดเจนแล้ว พวกเขาเสียเปล่า”

 

วินาทีนี้หลิวยู่ติงรู้สึกมึนงงอย่างมากซะจนอยากจะเปิดหัวของชูฮันออกมาดูความคิด ถ้าอย่างนั้นจะไปเสียเวลาพูดกับพวกนั้นทำไม?

 

“ถ้าพวกเขายังทำแบบนี้ต่อไป มันเสียเปล่า” ชูฮันพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่ต้องการขยะ ฉันต้องการคนที่สามารถเลือกโชคชะตาของตัวเองได้”

 

หลิวยู่ติงมีแววตาสงสัยและในตอนนั้นเอง——

 

“เดี๋ยว! รอก่อน!” ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงวุ่นวายที่ดังตามมากจากด้านหลัง

 

“ท่านพลเอกชูฮัน! ขอผมเข้าร่วมกองทัพของท่านได้มั้ย?”

 

“ท่านพลเอก! ฉันไม่อยากจะขยะ! ฉันอยากเป็นนักรบ!”

 

“ฉันต้องการฆ่าซอมบี้!”

“รอพวกเราด้วย!”

หลิวยู่ติงเหลือบหันไปดูด้านหลัง จากนั้นก็เบนสายตากลับไปมองสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดของชูฮัน “ทุกคนวิ่งไล่ตามพวกเรามา”

“อืม” ชูฮันไม่สนใจและไม่ได้ออกคำสั่งให้ข้างหน้าชะลอความเร็วลง เขาเพียงแค่เอ่ยออกมา “ปล่อยให้พวกเขาตามมา เราจะดูคนที่สามารถยืนหยัดได้”

 

“ครับ” หลิวยู่ติงเข้าใจแล้วว่านี่คือภารกิจที่ชูฮันเอ่ยกับเขาไว้ แต่นี่มัน…โหดร้าย!

 

หนึ่งวันต่อมา…ทีมของชูฮันได้เปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าไปที่ชานเมืองและผลลัพธ์ก็คือพวกเขาได้เจอกับซอมบี้มากขึ้นเรื่อยๆระหว่างทาง ผู้ลี้ภัยสองร้อยคนที่วิ่งไล่ตามมาทีมของชูฮันมาก็ถอดใจและลดจำนวนลงจนเหลือแค่หนึ่งร้อย

 

“หยุด พักก่อน” ชูฮันออกคำสั่งบอกด้านหน้า

 

“หยุด”

 

ทันทีที่หยุดทีมทหารของชูฮันก็ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นข้างถนนทันที บ้างก็หยิบน้ำออกมาดื่มดับกระหายบ้างก็หาของกินเพื่อเพิ่มพลังงานให้ตัวเอง แต่ที่เหมือนกันก็คือทุกคนมองไปด้านหลังของทีมด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

พวกตัวขี้เกียจพวกนั้นตามพวกเขามาแต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เกินไป

 

กลุ่มผู้ลี้ภัยที่ตามมาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเว้นระยะห่างจากทีมของชูฮัน พวกเขาอยู่เงียบๆ พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าพวกเขาคลาดกับทีมของชูฮันเมื่อไหร่…พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

 

และในขณะที่พวกเขาเหนื่อยล้าและไม่มีแรงแม้แต่จะส่งเสียง แต่ละคนต่างนอนก่ายบนท้องถนน จู่ๆมันก็มีภาพของรองเท้าบู้ททหารปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

 

“ท่านพลเอก!?” กลุ่มคนหนึ่งร้อยคนลืมตาโพลงด้วยความตกใจ หากครู่เดียวก็ต้องหยุดชะงัก “ท่านพลตรี?”

 

คนที่เดินมาหาพวกเขาก็คือพลตรีหลิวยู่ติงนั่นเอง

 

หลิวยู่ติงมองไปที่กลุ่มคนซึ่งไม่มีวินัยและบรรทัดฐาน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา “อยากจะเข้าร่วม?”

 

แววตาของทุกคนเป็นประกายทันทีพร้อมกับพยักหน้ารัวๆอย่างสิ้นหวัง

 

“พวกคุณพลาดการฝึกซ้อมของเมื่อเดือนก่อนและตอนนี้พวกคุณก็ไม่สามารถตามความคืบหน้าของทีมได้ทัน” หลิวยู่ติงค่อยๆถ่ายทอดคำพูดของชูฮันออกมา “กองทัพของเรากำลังจะเข้าไปในตัวเมือง นี้มันคือการฝึกภาคปฏิบัติ ถ้าหากพวกคุณต้องการเข้าร่วมกองทัพของเราจริงๆ พวกคุณควรพิจารณาให้ดีก่อน ทีมของพวกเรามีกฏระเบียบทางทหารที่เข้มงวด อีกทั้งการฝึกจริงๆก็อันตรายมาก พวกคุณลองคิดถึงตัวเองก่อนเพราะพวกคุณอาจจะตายได้”

 

“พวกเราไม่กลัวความตาย พวกเราไม่กลัวที่จะต้องตาย” ทันใดนั้นก็มีบางคนที่แสดงทัศนคติของตัวเองขึ้นมา ชูฮันได้สร้างความตกใจอันใหญ่หลวงแก่พวกเขาและความคิดที่ชูฮันสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นก็ได้ครอบงำจิตใจพวกเขาไปแล้ว

 

“ถ้างั้นก็มาลงชื่อกับฉัน” หลิวยู่ติงหยิบเอกสารขึ้นมาและเริ่มจดบันทึกทีละชื่อ

 

ในใจของหลิวยู่ติงนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึง ‘การฝึกเพื่อเอาชีวิตรอด’ ที่กำลังจะมาถึงนี้ มันมีการฝึกเอาชีวิตรอดทั้งหมดสามโปรแกรมในตารางการฝึกอบรมของชูฮัน ทว่าเ