บทที่ 112 นี่เจ้ายังไม่รู้สึกตัวหรือ ? (ปลาย)
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้ากระท่อม ทรุดลงนั่งขัดสมาธิกับพื้น มือล้วงหยิบไม้แกะสลักที่เป็นรูปเด็กหญิงตัวเล็กดูคล้ายน้องสาวเยี่ยหลิง ที่จริงแล้วเขาทำไว้อีกชิ้นที่รูปร่างเหมือนกับตนเองและมอบให้น้องสาวไว้
เขานั่งมองรูปไม้แกะสลัก รอยยิ้มผุดขึ้นมุมปาก พลันราวกับนึกขึ้นได้จึงล้วงมือหยิบไม้แกะสลักขึ้นมา อีกชิ้น ครานี้คลับคล้ายอันหลานซิ่ว ได้เห็นไม้แกะสลักน้อยทั้งสองชิ้นชายหนุ่มมีสีหน้าสดใสขึ้นทันตาเห็น
ทันใดนั้น เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยได้ยินเสียงคนใกล้เข้ามา
คนผู้นั้นมีผมเผ้ารุงรัง สวมชุดคลุมพื้น ๆ คนทั้งคู่เคยพบกันครั้งหนึ่งที่ตำนักใต้ดิน บนบ่าของเขาแบก ขวานเล่มหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีน้ำหนักมาก
เยี่ยฉวนผุกลุกขึ้นยืนทันที
ชายผู้นั้นมองมาในระยะไม่ไกล ก่อนสาวเท้าก้าวตรงมาทางกระท่อมไม้ไผ่
เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงเข้าขวางทาง
โดยไม่ต้องมีคำกล่าวใด ฝ่ายนั้นพลันปล่อยหมัดออก !
พลังหมัดที่ปะทะกันหนักหน่วงราวกระแสน้ำไหลเชี่ยว
กร๊อบ !
พื้นหินทรายที่แข็งแรงแหลกเป็นฝุ่นผงในทันที !
เยี่ยฉวนไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือน จึงพุ่งสวนหมัดออกไปบ้าง
หมัดทลายภูผา !
แรงระเบิดแห่งพลังผนวกเคล็ดวิชาต่อสู้ถูกผลักออกพร้อมกำปั้น
ตู้ม !
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ทั้งเยี่ยฉวนและชายผู้นั้นต่างล่าถอยหลังออกไปจากจุดเดิม ชายหนุ่มล่าถอย มาอยู่เบื้องหน้ากระท่อมไม้ไผ่ ขณะที่อีกคนล่าถอยห่างออกไปราวหกจั้ง
พื้นดินระหว่างทั้งต่อปรากฏฝุ่นควันคละคลุ้งกระจัดกระจาย !
ฝ่ายตรงข้ามเขม้นมอง “เคล็ดวิชาต่อสู้ ! หมัดทลายภูผา ! คิดไม่ผิดว่าเจ้าคือปรมาจารย์การต่อสู้ !”
เยี่ยฉวนขยับกำหมัดแน่น ชั่ววินาทีถัดมาเขาก็ใช้ออกด้วยพลังหมัดทลายภูผาพุ่งสู่เป้าหมายที่คนเบื้องหน้า “ข้าอาจไม่สามารถสังหารเจ้าในวันนี้ แต่สามารถทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บปางตายได้ หากขืนยังก้าวเข้ามาอีก เจ้ามีหวังต้องตายด้วยน้ำมือของคนแปลกหน้าถ้ายังคิดจะมาแย่งคัมภีร์โบราณ”
“เจ็บปางตายหรือ ?”
คนผู้นั้นขยับขวานลงจากบ่า “ข้าเองก็อยากลองเหมือนกัน !”
ได้ยินดังนั้นเยี่ยฉวนจึงวาดฝ่ามือออก พลันปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งกลางฝ่ามือ ก่อนที่รัศมีแห่งแสงกระบี่จะกระจายแปลบปลาบออกจากกระบี่หลิงเซี่ยว !
“หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !”
ผู้ที่ยืนฝั่งตรงข้ามเพ่งสายตาจ้องมอง นี่เป็นครั้งแรกที่แววตาของคนผู้นี้ฉายแสงแห่งความปรีดา !
ชายหนุ่มกำกระบี่ในอุ้งมือ จ้องเขม็งไปยังชายคู่ต่อสู้ “เจ้าได้ลองแน่ !”
โดยปราศจากคำเตือน อีกฝ่ายพลันฟาดขวานใส่เยี่ยฉวนอย่างหนักหน่วง
ควับ !
พลังแห่งขวานทะยานแหวกอากาศ เกิดแสงสว่างแว่บวาบ…
พลังที่ประจุมากับขวานอานุภาพทำลายล้างได้กระทั่งพื้นปฐพี !
เป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยฉวนพุ่งกระบี่เข้าใส่เช่นกัน
คมแห่งกระบี่ตวัดผ่านอากาศสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ !
“หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !”
ทันใดนั้น กระบี่พลันฟาดลงบนขวานหนัก
เปรี้ยง !
แรงสั่นสะเทือนจากขวานรุนแรงจนสามารถสังเกตเห็น มันทำให้เกิดเป็นรอยแตกร้าวรอบด้ามขวาน ส่งผลให้กระเด็นหวือไปด้านหลัง
ชายหนุ่มไม่รอช้าแม้แต่น้อย เขาอาศัยจังหวะดังกล่าวพุ่งตัวเข้าคว้าด้ามขวานยักษ์เอาไว้
เปรี้ยง !
ชายผู้ถือขวานหนักกระเด็นถอยห่างออกไปไกลเกือบสิบจั้ง !!
คนผู้นั้นก้มลงมองอุ้งมือข้างขวาที่ปรากฏรอยแตกเป็นทางระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ โลหิตซึมไหล ออกมาไม่ขาดสาย !
ชายผู้นั้นเงยหน้ากลับขึ้นมองเยี่ยฉวน “เจ้าคือยอดผู้ฝึกกระบี่ ! ทั้งยังสำเร็จเคล็ดวิชาต่อสู้ ! เจ้าใช้ทั้ง พลังปราณและทักษะยุทธ์ !”
ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยถาม “ขอร้องช่วยเลิกยุ่งกับข้าได้หรือไม่ ?”
“ขอร้อง !”
อีกฝ่ายมองอย่างชั่งใจ เขานิ่งมองเยี่ยฉวนอยู่พักใหญ่ ก่อนเหวี่ยงขวานกลับขึ้นบ่า
“ข้าชื่อจั้วอัน เป็นคนของสำนักอภิปรัชญาแห่งอาณาจักรภูผาเมฆา ผู้ฝึกกระบี่เอ๋ย เจ้าจงจำไว้ว่าเจ้า ติดหนี้คำขอร้องข้าครั้งหนึ่ง !”
กล่าวจบจึงหันหลังกลับออกไป
ชายหนุ่มได้แต่มองตามหลังจั้วอันที่เดินจากไป ในใจรู้สึกแปลก ๆ “เขาคิดช่วยจริงหรือ ? หรือบางครั้ง ข้าเองก็ควรที่จะลองร้องขอดูก่อนบ้างดีไหมนะ ?!”
อันที่จริง เยี่ยฉวนนั้นไม่เคยตระหนักถึงอิทธิพลของการเป็นผู้ฝึกกระบี่แม้แต่น้อย พลังต่าง ๆ มากมายก็เปรียบเสมือนเชือกที่โยงใยเข้าหากัน ทำให้ผู้คนมากมายต้องการที่จะผูกมิตรกับผู้ที่มีโอกาสเป็นปรมาจารย์ กระบี่ ด้วยมุ่งหวังประโยชน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การใช้ชีวิตบนโลกภายนอก หลายคราการมีเพื่อนมากมายกลับมีความหมายยิ่งยวด !
ชายหนุ่มไม่ได้มีเป้าหมายเป็นปรมาจารย์กระบี่เพียงอย่างเดียว ทว่ามีเป้าหมายเป็นปรมาจารย์ด้นการต่อสู้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอิทธิพลของทั้งสองอย่างนี้หาได้ด้อยไปกว่าคัมภีร์ยุทธขั้นปฐพีแม้แต่น้อย
ประการสำคัญคือเรื่องที่จั้วอัน หรือชายถือขวานคนนั้นไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถผลักดันให้เยี่ยฉวน ล่าถอยไปได้ ดังนั้นถ้าเขาเลือกที่จะต่อสู้กับชายหนุ่มต่อไป มันคงรังแต่จะเกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งไม่ เกิดผลดีต่อคนทั้งคู่แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจั้วอันจึงตัดสินใจยกคัมภีร์ยุทธชั้นยอดขั้นปฐพีให้ชายหนุ่มเพื่อแลกกับสถานะมิตรต่อกัน
จั้วอันกลับออกไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแล่บ ร่างเลือนหายไปต่อหน้าเยี่ยฉวนที่จับตามองอยู่ตลอด เวลา
ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าพลางพึมพำกับตนเอง “กลับกลายเป็นว่าคนพอใจที่จะแสดงว่าพวก เขาเชื่อถือข้า… เป็นข้าเองเสียอีกที่ประมาทเสน่ห์ของตัวเอง !”
ในขณะนั้นสายตาพลันจับภาพบางอย่าง เป็นสตรีผู้หนึ่งก้าวตรงมาช้า ๆ!
เมื่อเห็นใบหน้านั้นถนัดตา เยี่ยฉวนหน้าถอดสีฉับพลัน
“เป่ยเฉิน !”
นางอีกแล้ว !
เป่ยเฉินมองสำรวจเยี่ยฉวน “ที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุด…ทำได้ดี ! ทว่าน่าเสียดายที่เจ้าประมาทพลังดึงดูดของคัมภีร์ยุทธขั้นปฐพี ที่แม้แต่เบื้องบนยังริษยา !!”
เยี่ยฉวนดึงกระบี่ออกมาและเดินมาหยุดไม่ไกลจากเป่ยเฉิน “ขอร้องล่ะ ช่วยเลิกยุ่งกับข้าได้หรือไม่ ?”
“ขอร้องหรือ ?”
เป่ยเฉินสะอึกหัวเราะ “นี่เจ้ายังไม่รู้สึกตัวอีกหรือไง ?”
ชายหนุ่มสีหน้างุนงง “…”