บทที่ 152 ปลุกระดม

รักหวานอมเปรี้ยว

เขาจะทำยังไงได้ คนที่ตัวเองชอบก็ต้องโอ๋เอาเท่านั้น!

หัวเราะไปสักพัก ทีนี้มายมินท์ถึงหายใจยาวๆ แล้วค่อยๆเก็บเสียงหัวเราะไว้

จากนั้นมายมินท์ได้เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อผืนนึง “นี่ค่ะ เช็ดหน้าหน่อย”

“เมื่อกี๊มือของผมเพิ่งซ่อมล้อมาสกปรกเกิน ที่รัก คุณเช็ดให้ผมดีกว่า” ลาเต้พูด แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

มายมินท์กลอกตาขาวใส่เขาทีนึง แต่ก็ยังได้ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าให้เขาอยู่ดี

ลาเต้หลับตาไว้พร้อมเพลิดเพลินกับมัน “ที่รักดีจังเลยครับ”

“พอเหอะ” มายมินท์มองหน้าเขาแล้วหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

เปปเปอร์ที่อยู่ไม่ไกลเห็นภาพนี้แล้ว มือสองข้างได้กำแน่นเป็นหมัด สีหน้ายิ่งบึ้งตึงอย่างไม่ขาดสาย

ส้มเปรี้ยวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเขา แววตาเธอระยิบระยับ แววตาลึกๆเต็มไปด้วยความริษยา

“เปปเปอร์ ความสัมพันธ์ของคุณมายมินท์กับคุณลาเต้นี่ดีจังเลยนะคะ”ส้มเปรี้ยวพูดด้วยรอยยิ้ม

เปปเปอร์ดึงสายตากลับพร้อมหลุบตาลง บังความเย็นชาของแววตาไว้ จากนั้นได้พูดด้วยเสียงเรียบเฉย:“ไปกันเถอะ”

เขากลัวขืนเขายังไม่ไปอีก จะทนไม่ไหวเดินไปกระชากลาเต้ออกมาจริงๆ

ถึงแม้เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความคิดแบบนี้

ส้มเปรี้ยวพยักหน้า “โอเคค่ะ”

ทั้งเจ็ดคนของแก๊งพวกเขาแบ่งเป็นรถสามคัน ไปจากสถานที่แห่งนี้

มายมินท์กับลาเต้ได้มาถึงที่ตระกูลรัตติพีระ

พอเข้าบ้านปุ๊บ คุณนายราศรีก็ได้จับมือมายมินท์ไว้อย่างสนิทใจ “มายมินท์ สองวันนี้ไปเที่ยวเป็นไงบ้าง?”

“มีความสุขดีค่ะ”มายมินท์รับผลไม้ที่คุณนายราศรียื่นมาให้ พร้อมตอบด้วยรอยยิ้ม

คุณนายราศรีก็สีหน้ายิ้มแย้ม “มีความสุขก็ดีแล้ว แล้วได้เกิดเรื่องพิเศษอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

“เรื่องพิเศษ?”มายมินท์กะพริบตาด้วยความสงสัย “คุณป้าหมายถึงอะไรคะ?”

รอยยิ้มของคุณนายราศรีค่อยๆแข็งกระด้างขึ้นมา “อย่างเช่นตกลงไปในหลุม หรือประตูถูกล็อคอะไรประมาณนี้ หรือว่าหนูกับลาเต้ไม่เจอ?”

“ไม่นี่คะ” มายมินท์ส่ายหัว “ทำไมคุณอาถึงคิดว่าพวกเราต้องเจอเรื่องแบบนี้ล่ะคะ?”

แววตาของคุณนายราศรีลุกลี้ลุกลนอย่างร้อนตัว จากนั้นได้ผายมือพร้อมพูดด้วยเสียงหัวเราะ:“น้าก็แค่เดาไปมั่วเฉยๆ สองวันก่อนน้าดูโทรทัศน์ เห็นพระเอกนางเอกในโทรทัศน์ไปพักร้อน ง่ายมากที่จะเจอเรื่องแบบนี้ น้าถึงได้ถามดูว่าพวกหนูเจอหรือเปล่า”

มายมินท์พยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที จากนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมา“คุณป้าวางใจเถอะค่ะ โทรทัศน์คือโทรทัศน์ ชีวิตจริงคือชีวิตจริง ชีวิตจริงจะเหมือนที่ละครแสดงได้ยังไงคะ”

“ก็ใช่น้อ” คุณนายราศรียกมุมปากขึ้น จากนั้นได้ลุกขึ้น “มายมินท์ หนูนั่งก่อนนะ น้าขึ้นไปเอาของที่ชั้นบนหน่อย”

“โอเคค่ะ” มายมินท์ตอบ

คุณนายราศรีได้เดินไปที่ห้องนอนของลาเต้

ลาเต้เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วออกมาจากห้องน้ำ ได้กลับคืนสู่ภาพลักษณ์หนุ่มดอกไม้ที่สง่าผ่าเผยของปกติ ยังไม่ทันได้หลงตัวเองสักหน่อย ก็เห็นคุณนายราศรีผลักประตูเข้ามาแล้ว

ลาเต้รีบเก็บมือที่จะโพสต์ท่าเอาไว้ พร้อมจ้องคุณนายราศรี “แม่เข้ามาทำไมครับ?”

“แม่ถามแกหน่อย สองวันนี้แกไปออกเดทกับหนูมายมินท์มีความคืบหน้าหรือเปล่า?” คุณนายราศรีถาม

แววตาของลาเต้ได้มืดลงหนึ่งวิ จากนั้นได้เบะปาก “จะไปเอาที่ไหนมาคืบหน้าครับ นี่ไม่ใช่ออกเดทเลยด้วยซ้ำ”

เจ็ดแปดคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน นั่นมันกรุ๊ปทัวร์ชัดๆ

“ไม่ใช่ออกเดท?” คุณนายราศรีชายตามองเขา “สนามแข่งม้าของคุณอาชัชแกมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงมากมายขนาดนั้น เป็นสถานที่เหมาะกับการออกเดทพอดี ทำไมจะไม่ใช่ออกเดท เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ของแกกับหนูมายมินท์ แม่ยังตั้งใจให้คนของที่นั่นสร้างกับดักโดยเฉพาะ ใครจะไปรู้แกจะไม่เอาไหนขนาดนี้ ไม่ติดกับดักเลยสักอย่าง!”

“สร้างกับดัก?แม่ นี่แม่สร้างกับดักอะไรครับ?”ลาเต้มองหน้าคุณนายราศรีอย่างประหลาดใจ

คุณนายราศรีกลอกตาใส่เขาทีนึงแล้วตอบกลับว่า:“แม่ให้คนขุดหลุมที่สนามตีกอล์ฟ คิดอยู่ว่าตอนที่พวกลูกไปตีกอล์ฟตกลงไปในหลุม แล้วจะมีฉากกุ๊กกิ๊กหวานแหววกัน และได้ให้คนทำกลอนประตูของห้องนอนหลักของชั้นสามเสีย จะได้ฉวยโอกาสขังแกกับหนูมายมินท์ไว้ข้างใน เพราะชายโสดหญิงโสดอยู่ห้องเดียวกัน ง่ายจะพัฒนาความสัมพันธ์ที่สุด ใครจะไปรู้ว่าแกกับหนูมายมินท์……”

คุณนายราศรีโมโหจนตัวสั่น “แต่พวกแกไม่ติดกับดักเลยสักอย่าง เสียแรงแม่จริงๆ”

ลาเต้รู้สึกจนปัญญา “ที่แท้แม่ยังได้ทำเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอครับ”

“เพื่อจับคู่แกกับหนูมายมินท์ แม่จะไม่กังวลได้เหรอ?”คุณนายราศรีถอนหายใจทีนึง แล้วนั่งลงไปที่บนเตียง

ลาเต้เอามือกำผมไว้ “ทำไมแม่ไม่บอกผมตั้งแต่แรกล่ะครับ พวกเราไม่ได้ไปตีกอล์ฟเลย และไม่ได้พักห้องนอนหลักของชั้นสามเลย ต่างก็นอนที่ห้องรับรองแขกหมด เพราะฉะนั้นกับดักของแม่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย”

“แม่จะบอกแกยังไง?แม่ยังไม่รู้จักแกดีพอหรือไง?ขืนบอกแกไป แกจะต้องเผยพิรุธให้หนูมายมินท์เห็นแน่นอน งั้นความตั้งใจของแม่ไม่ต้องเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์เหรอ?”คุณนายราศรีพูดอย่างไม่สบอารมณ์

ลาเต้ยักไหล่ทีนึง

คุณนายราศรีลุกขึ้นมา “ช่างเถอะ ดูท่าคงต้องรอคราวหน้าค่อยหาโอกาสดึงความสัมพันธ์ของหนูมายมินท์กับแกให้ใกล้ชิดแล้ว เอาล่ะ รีบเป่าผมให้เสร็จแล้วลงไปกินข้าวที่ชั้นล่าง”

“รู้แล้วครับ” ลาเต้พยักหน้า

คุณนายราศรีออกมาจากห้องแล้วลงไปชั้นล่าง

พอทานข้าวเที่ยงเสร็จ มายมินท์ก็ได้ขอตัวกลับคอนโดพราวฟ้าก่อน

ไม่ได้กลับมาสองวัน ห้องพักที่คอนโดมีฝุ่นเกาะอยู่ชั้นบางๆแล้ว

มายมินท์มัดผมเสร็จ ได้ใส่ผ้ากันเปื้อนและทำความสะอาดคอนโดอย่างเรียบง่ายรอบนึง จากนั้นก็ไปที่ห้องอ่านหนังสือ เตรียมเขียนแผนร่วมงานของเทคโนโลยีพลังงานใหม่ให้เสร็จสมบูรณ์ เพราะพรุ่งนี้จะต้องส่งงานแล้ว

หลังจากเธอเขียนแผนการร่วมงานชุดนี้เสร็จ ก็ได้ส่งอีเมล์ไปให้ศาสตราจารย์หลายท่านที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย หลังจากให้พวกเขาดูแล้วผ่านการแก้ไข ต่างก็บอกว่าไม่เลว

เพราะฉะนั้น เธอมีความมั่นใจกับผลลัพธ์ที่หลังจากพรุ่งนี้ส่งมอบขึ้นไปมาก

พอยุ่งงานมายมินท์ก็ยุ่งจนถึงดึกเลย พอเห็นห้องอ่านหนังสือมืดลง และเริ่มหิวข้าวถึงได้หยุดลง

“ใกล้จะสองทุ่มแล้วเหรอเนี่ย” มายมินท์ดูมือถือแล้วบิดขี้เกียจไปทีนึง จากนั้นได้ดึงลิ้นชักออกเตรียมวางแฟ้มแผนการไว้ดีๆ

ทันใดนั้น เธอเห็นกุญแจที่อยู่ในลิ้นชัก เป็นกุญแจดอกที่คราวก่อนคุณย่าอยู่โรงพยาบาลได้ให้กับเธอไว้ บอกว่าเมื่อก่อนตระกูลกิตติภัคโสภณมีของที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง บอกเธอว่าต้องหาเจอให้ได้

เพราะของสิ่งนั้นเกี่ยวเนื่องกับความลับที่ใหญ่โตมาก

ดูท่า เธอจะต้องหาเวลากลับไปเที่ยวนึงแล้ว

มายมินท์เอากุญแจวางกลับไปที่เดิม และครุ่นคิดด้วยสีหน้าซับซ้อน

เช้าวันรุ่งขึ้น มายมินท์ได้มาที่เทนเดอร์กรุ๊ป

เลขาซินดี้คอยเดินรายงานอยู่ข้างหลังเธอ “ประธานมายมินท์ สองวันนี้ประธานไม่อยู่ เตชิตได้ดึงพวกที่เดิมทีสนับสนุนประธานไปค่ะ”

มายมินท์ได้ยินแล้วไม่รู้สึกแปลกใจเลย

เตชิตตั้งอกตั้งใจอยากไล่เธอออกจากการเป็นผู้บริหารการจัดการของเทนเดอร์กรุ๊ป อยากให้เธอเป็นแค่หุ้นส่วนใหญ่ที่ว่างจนไม่มีอะไรทำคนนึง ย่อมฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่อยู่ปลุกระดมคนของเธออยู่แล้ว

ถ้าเตชิตไม่ทำแบบนั้น กลับจะทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมากกว่า

“ดึงตัวไปก็ดึงตัวไปเถอะ พวกคนที่ไม่หนักแน่น ดึงตัวไปก็พอดีเลย ต่อไปยามคับขันจะได้ไม่ต้องถูกหักหลัง แต่ในเมื่อพวกเขาไปญาติดีกับเตชิต งั้นผลประโยชน์ที่ฉันให้ไปในก่อนหน้านั้น ก็ห้ามให้พวกเขาได้เสพสุขต่ออีก”

มายมินท์หัวเราะเยาะเย้ย จากนั้นได้พูดด้วยเสียงเย็นชา:“คุณไปยัดเยียดความผิดให้คนพวกนั้นหน่อย ลากพวกมันลงมาจากตำแหน่งเดิม แล้วเตรียมคนใหม่ขึ้นไปแทนที่”

“แต่พอแบบนี้ ประธานเตประกันตัวคนพวกนั้นจะทำยังไงดีคะ?” ซินดี้ถามด้วยความกังวล

มายมินท์ยกมุมปากขึ้น “คุณก็บอกเตชิตโดยตรงเลย ถ้าเขากล้าประกันตัวพวกมัน ฉันก็จะขายหุ้นที่อยู่ในมือบางส่วนให้กับคู่ต่อสู้อีกฝั่งของเขา ให้เขามีศัตรูที่จะมาแย่งสิทธิ์ในการบริหารจัดการเทนเดอร์กรุ๊ปกับเขาเพิ่มมากขึ้นอีกคน”

“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ซินดี้พยักหน้าอย่างตื่นเต้น

มายมินท์ผลักประตูออฟฟิศเดินเข้าไป จากนั้นได้เริ่มจัดการเอกสารที่สองวันนี้กองเต็มเลย

ตอนที่เคลียร์ถึงครึ่งนึง ซินดี้ก็ได้มาแจ้งว่าจะต้องเข้าประชุมแล้ว

มายมินท์ปิดเอกสารที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นได้มาจากออฟฟิศ แล้วเดินไปยังห้องประชุม

อยู่หน้าห้องประชุม เธอได้พบกับเตชิตที่เดินมาจากอีกฝั่ง

สีหน้าของเตชิตดูแย่มาก “คิดไม่ถึงจริงๆว่าหลานสาวยังมีความห้าวหาญแบบนี้ด้วย เพื่อไม่ให้น้าลงมือ แม้แต่ขายหุ้นก็ทำได้”

เดิมทีเขานึกว่าตัวเองปลุกระดมคนไม่กี่คนของมายมินท์ พอมายมินท์กลับมา นอกจากโกรธก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะปลดผู้บริหารระดับสูงหลายคนนั้นทิ้ง มีเขาออกหน้าประกันตัว เธอก็ได้แค่ยอมรับชะตากรรม

แต่คิดไม่ถึงว่าเธอไม่ได้ทำตามอย่างที่เขาคิดเลย กลับกันใช้วิธีที่แข็งกร้าวแบบนี้มาขัดขวางเขาลงมือ ส่วนเขาเพื่อไม่เพิ่มศัตรูมาเพิ่มอีกคน ก็ได้แต่ยกเลิกความคิดจริงๆ ทนดูผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่กว่าจะปลุกระดมมาไม่ได้ใช่ง่ายๆถูกไล่ออก เขาจะบ้าตายอยู่แล้ว