ตอนที่ 359 พี่น้องเปิดอกคุยกัน

ตอนที่ 359 พี่น้องเปิดอกคุยกัน

พี่สี่จ้าวพูดเสียงเรียบ “ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ครึ่งชีวิตหลังจากนี้ของฉันก็คงไม่สงบสุข”

  

จ้าวเหวินเทามองพี่สี่จ้าวด้วยท่าทางชะงักงัน พูดด้วยความสับสนว่า “พี่ไม่นึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเหรอ?”

พี่สี่จ้าวเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง “ฉันเคยคิดแล้ว แต่ฉันคิดน้อยเกินไป”

เขาคิดว่าอย่างมากสุดก็แค่เผาและตายไปทั้งครอบครัว แต่ไม่ได้คิดว่าถ้าเผาตัวเองตายจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน และอาจทำให้พี่น้องเดือดร้อนไปด้วย

“พี่สี่ พี่ทำตัวแข็งแกร่งไม่ผิดหรอกนะ แต่วิธีการของพี่ไม่ถูกต้อง” จ้าวเหวินเทากล่าว “แบบนี้มีแต่จะทำร้ายตัวเองและคนอื่น”

พี่สี่จ้าวกล่าว “ฉันเองก็โกรธจนขึ้นสมอง ฉันบอกไปแล้วว่าถูกดักปล้นตอนอยู่ข้างนอก แต่สองแม่ลูกนั่นกลับคิดแต่จะเอาเงินของฉัน นายว่าฉันเป็นตัวอะไรล่ะ? เป็นวัวเป็นม้าของพวกมันเหรอ? ใช้ชีวิตแบบนี้มันจะไปมีความหมายอะไร!”

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สี่ ฉันเข้าใจว่าพี่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความอยุติธรรม แต่พี่จะใช้วิธีแบบนี้ไม่ได้ พี่กับพี่สะใภ้สี่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี มีลูกด้วยกันตั้งสามคนแล้ว พี่เองก็น่าจะรู้ดีว่าพี่สะใภ้สี่เป็นคนแบบไหน และพี่ก็น่าจะรู้จักคนในครอบครัวของพี่สะใภ้สี่ด้วย ถ้าให้พูดไม่น่าฟังสักหน่อย ผมว่าที่เรื่องมันวุ่นวายมาถึงขั้นนี้ก็เป็นเพราะพี่ปล่อยปละละเลย ถ้าตอนแรกพี่ทำตัวแข็งแกร่งแบบนี้ แม่ของพี่สะใภ้สี่คงไม่มีทางกล้าทำแบบนี้แน่”

คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นก็เป็นแบบนี้ แรกเริ่มก็ลองหยั่งเชิงเพื่อเอาเปรียบดูก่อน ถ้าเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ก็จะเอาเปรียบต่อไป จากนั้นก็จะเริ่มได้คืบจะเอาศอก ในเวลานี้ต่อให้ไม่อยากให้ก็สายเกินไปแล้ว ก็เหมือนที่เขาพูดกันว่า ‘มอบข้าวหนึ่งถุงรำลึกเป็นบุญคุณ แต่เพิ่มข้าวเป็นหนึ่งกระสอบกลับนำมาซึ่งความแค้น’ อันที่จริงสาเหตุหลัก ๆ มันก็เป็นเพราะเรื่องนี้แหละ คิดจะยุติอย่างสมบูรณ์ก็ต้องเริ่มตั้งแต่แรก เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกได้ว่าเราไม่ใช่คนที่ใครจะเข้ามายุ่งได้ง่าย ๆ

 

จ้าวเหวินเทาก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเขาเข้าใจถึงเหตุผลนี้ แต่นิสัยของเขาเป็นแบบนี้ จึงไม่มีโอกาสคิดจะเอาเปรียบเขา! ดังนั้น เขาโตมาขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้านก็ไม่เคยเสียเปรียบมาก่อน

นิสัยก็คือโชคชะตา เรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

นิสัยของพี่สี่จ้าวก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาคงไม่โกรธจนระเบิดอารมณ์ออกมา เขาเพียงแค่ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย ผลลัพธ์ที่ได้คือพอคนคนนี้ไม่ยอมบ้าง สถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้

“คิดไม่ถึงเลยว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะทำตัวเหลือเกินขนาดนี้” พี่สี่จ้าวกล่าว “คิด ๆ ดูแล้วก็น่าเบื่อจริง ๆ”

“หาเงินอย่างยากลำบาก แต่ใช้ชีวิตไม่มีความสุขสักนิด มันจะไปน่าสนใจอะไร!” พี่สี่จ้าวพูด

 

จ้าวเหวินเทากำลังสงสัยว่าพี่สี่จ้าวถูกกระตุ้นจนเกิดปัญหาออกมาใช่หรือไม่ “พี่สี่ ใช้ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ มีทะเลาะวิวาทกันบ้าง แต่ละบ้านก็มีปัญหาที่แก้ไขได้ยากกันทั้งนั้นแหละ พี่อย่าคิดอะไรมั่ว ๆ เพราะเรื่องนี้เลย ถ้าพี่ไม่อยากอยู่บ้าน งั้นพี่ก็ออกไปค้าขายกับผมข้างนอกแล้วกัน นี่ก็จะข้ามปีแล้ว ของที่ต้องใช้มีเยอะมากด้วย พี่ไปช่วยผมดูของ ผมจะจ่ายเงินให้ ส่วนพี่สะใภ้สี่ก็ทำเต้าหู้อยู่ที่บ้าน ก็หาเงินได้อีกนิด ๆ หน่อย ๆ ด้วย”

 

“ต่อให้หาเงินได้มากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก พี่สะใภ้นายก็คงเอาไปให้บ้านตัวเองหมด!” พี่สี่จ้าวท้อใจ

  

“พี่สี่ ทำไมสมองของพี่ถึงคิดไม่ได้เนี่ย? พี่อย่าเก็บเงินไว้กับตัวสิ เอาไปฝากที่ธนาคารนู้น รหัสก็ตั้งขึ้นมาเอง ต่อให้พี่สะใภ้สี่เอาสมุดบัญชีไปธนาคาร แต่ถ้าไม่มีรหัสก็ถอนออกมาไม่ได้อยู่ดี” จ้าวเหวินเทาตอบ “พี่เป็นหัวหน้าครอบครัวนะ ถ้าพี่บอกไม่ได้ก็คือไม่ได้ถึงจะถูก มีความกล้าจุดไฟเผาบ้าน แต่ไม่มีความกล้าเก็บเงินไว้กับตัวเองเนี่ยนะ?”

พี่สี่จ้าวมองจ้าวเหวินเทา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ทำไมนายถึงชอบค้าขายขนาดนั้น ค้าขายน่าสนใจมากเลยเหรอ?”

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความประหลาดใจ “พี่สี่ พี่เองก็รู้จักผม ผมไม่อยากทำไร่ทำสวน แต่ผมก็ต้องมีชีวิตรอด ถ้าไม่ทำค้าขายแล้วจะให้ไปทำอะไรล่ะ ทำค้าขายจะน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ ครั้งนี้พี่ไปขนข้าวสารกับผมมาแล้ว พี่คิดว่าไงล่ะ?”

พี่สี่จ้าวค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ก็ใช้ได้แหละ อันที่จริงตอนที่มีดักปล้นคืนนั้น ฉันกลับคิดว่าน่าสนใจมากเลย”

  

“หา?” จ้าวเหวินเทาถึงกับตกตะลึง ไม่รู้ว่าพี่สี่จ้าวกำลังพูดอะไรอยู่

 

พี่สี่จ้าวยิ้ม “ตอนเด็ก ๆ ฉันก็เคยไปทะเลาะกับชาวบ้านพร้อมกับนายนะ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นพี่รองยังไม่กล้าลงมือสู้กับใครเลย ส่วนพี่สามเวลาทะเลาะกันก็มีแต่วิ่งหนี มีก็แต่นายที่พุ่งตัวเข้าหาโดยไม่กลัวตาย ฉันกลัวนายจะถูกอีกฝั่งทุบตีจนบาดเจ็บ เลยต้องเดินตามหลัง แต่หลังจากที่ฉันแต่งงานกับพี่สะใภ้สี่ของนาย ก็ไม่เคยไปทะเลาะกับใครอีกเลย คืนนี้รู้สึกสะใจชะมัดเลยที่ได้ลงมือ!”

จ้าวเหวินเทากลอกตา “พี่สี่ ตอนเด็ก ๆ ทะเลาะกันไม่เป็นไรหรอก แต่พอโตขึ้นไม่ใช่ว่าพี่จะไปทะเลาะเมื่อไรก็ได้ ถ้าทะเลาะกันจนสภาพสะบักสะบอมคงไม่ดีกับทั้งสองฝั่ง”

  

พี่สี่จ้าวกล่าว “ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย นายคิดว่าฉันจะไม่รู้เหตุผลนี้เหรอ?”

“พี่สี่ งั้นพี่ไปค้าขายกับผมสิ?” จ้าวเหวินเทาถามอีกครั้ง

“ฉันไม่ไปล่ะ ฉันหาอะไรทำเองได้” พี่สี่จ้าวตอบ

“พี่สี่ แล้วพี่จะทำอะไรล่ะ?” จ้าวเหวินเทาแอบอยากรู้

 

“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก เออนี่ ข้าวสารกระสอบนั้นวางไว้ที่นายแล้วกันนะ ถ้าพ่อกับแม่แล้วก็พวกลูก ๆ ฉันแวะไปที่บ้าน นายก็ให้น้องสะใภ้หกทำให้พวกเขากินสักหน่อย ถ้าเอากลับมาพี่สะใภ้สี่ของนายคงได้ขนกลับไปให้ที่บ้านอีกตามเคย”

“พี่สี่ แบบนี้ไม่ดีหรอก ขนกลับมาสักหน่อยเถอะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวผมเอาไปให้พ่อกับแม่ ถึงเวลานั้นให้พวกเด็ก ๆ แวะไปที่ฟาร์มกระต่ายค่อยให้พ่อกับแม่ทำให้พวกเขากิน กินข้าวของปู่กับย่าไม่เป็นไรหรอก แต่มากินที่บ้านผม ถึงแม้ว่าผมกับภรรยาจะไม่ว่าอะไร แต่พี่สะใภ้สี่คงไม่ได้คิดแบบนั้น ผมอยากไม่ให้มีปัญหาภายหลัง” จ้าวเหวินเทาพูด

 

เขาไม่ได้เสียดายของ แต่เขาไม่อยากให้เกิดผลลัพธ์ไม่ดีในตอนท้ายแม้ว่าจะทำในสิ่งที่สมควร ดังนั้นจึงปฏิเสธกลับไปอย่างไม่ลังเล

พี่สี่จ้าวตบบ่าจ้าวเหวินเทา “เจ้าหก ในบรรดาพี่น้องของพวกเรา มีนายนี่แหละฉลาดที่สุด!”

จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม “เป็นพ่อคนแล้ว เรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจ จะเลี้ยงดูครอบครัวได้ยังไงล่ะ!”

พี่สี่จ้าวพยักหน้า “เจ้าหก แม้ว่าฉันจะเป็นพี่ของนาย แต่นายกลับแข็งแกร่งและเข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากกว่าฉันเสียอีก”

 

“พี่สี่ พี่อย่าพูดแบบนี้สิ” จ้าวเหวินเทากล่าว “เป็นเพราะพี่นิสัยดีเกินไปต่างหากล่ะ”

ทางฝั่งสองพี่น้องกำลังพูดคุยกัน ส่วนคุณแม่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวก็ได้คุยกันอย่างชัดเจนแล้ว ก็เดินมาที่ห้องตะวันตกเพื่อด่าพี่สี่จ้าวอีกยกใหญ่ พี่สี่จ้าวไม่เถียง เพียงแต่ก้มหน้าฟังไม่พูดไม่จา

“แม่ พูดน้อย ๆ หน่อยเถอะ พี่สี่เองสำนึกผิดแล้ว” จ้าวเหวินเทาโน้มน้าว

คุณแม่จ้าวจึงถอนหายใจออกมา “ตอนแรกแม่ก็นึกว่าจะมีแค่เจ้าหกที่ทำตัวน่าเป็นห่วงมากที่สุด”

 

จ้าวเหวินเทาหมดคำพูด “แม่ เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย?”

 

“หุบปากไปเลย!” คุณแม่จ้าวถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง “ยังมาถามอีกว่าเกี่ยวอะไรกับแก ทะเลาะวิวาทตั้งแต่เล็ก โตมาก็ไม่ยอมลงไปทำนาทำสวน ออกไปวิ่งรถข้างนอกทุกวี่ทุกวัน แม่กับแม่จะไม่ห่วงได้เหรอ? ยังจะมาถามอีกว่าเกี่ยวอะไรกับแก! แค่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสี่จะสร้างปัญหาใหญ่โตขนาดนี้!”

พี่สี่จ้าวก้มหน้าไม่พูดไม่จา

“ภรรยาของแกเป็นยังไงก็ไม่ได้อยู่กันแค่วันสองวัน แม่ยายของแกเป็นยังไงก็ไม่ใช่ว่ารู้จักกันแค่วันสองวัน ก่อนหน้านี้แกก็ไม่คิดจะโวยวาย ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นก็เลยโวยวายขึ้นมา คงว่างมากจริง ๆ สินะ!”

“แม่ เลิกพูดได้แล้ว!” จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สะใภ้สี่เป็นยังไงบ้าง?”

คุณแม่จ้าวกล่าว “จะเป็นอะไรได้ล่ะ เอาแต่ร้องไห้! ถึงยังไงแม่ก็พูดไปหมดแล้ว คิดได้ก็ใช้ชีวิตให้มันดี ๆ หลังจากนี้ถ้าแม่หล่อนมาอีก ก็หาของกินเครื่องดื่มดี ๆ ออกมาต้อนรับ แต่ไม่ให้เอาของกลับไป ยืมเงินก็ไม่ได้ ใครจะทำอะไรได้ ลูกคลอดหลานมาตั้งสามคนแล้ว ยังจะทำอะไรได้ แถมแกก็อยากหย่าอีก คิดว่าการแต่งงานจะหย่ากันได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเหรอ?”

  

พี่สี่จ้าวยังคงไม่พูดไม่จา

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่สี่พี่สะใภ้สี่ค่อย ๆ คิดให้รอบคอบนะคะ หาทางลงที่เสียหายให้น้อยที่สุด ยังมีลูกๆ ที่ต้องเลี้ยงดูอยู่นะ ไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาก็เห็นแก่ลูกๆ เถอะ

ไหหม่า(海馬)