บทที่ 114 อันที่จริง ข้าก็มีเจ้าใหญ่นายโตช่วยเหลือเหมือนกัน ! (ปลาย)
เสียงถอนใจหนักจากคนตรงหน้า เขายังไม่ทันเอ่ยพูด พลันมีเสียงหญิงสาวดังขึ้น
“กิจการที่สร้างรายได้หลักของแคว้นเจียงตกอยู่ในกำมือของสำนักอัปสรเมรัย กลายเป็นกิจการผูกขาด ดังนั้นเมื่อเงินทองที่ใช้หมุนเวียนภายในแคว้นใกล้จะขาดจากท้องพระคลัง ข้าจึงต้องนำคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้น ปฐพีกลับมา หากสามารถปิดการประมูลได้ คงพอที่จะจุนเจือท้องพระคลังต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี”
ผู้พูดส่ายหน้าน้อย ๆ “ข้ามีกองทหารหนึ่งหมื่น พวกเขาไม่ได้รับเบี้ยหวัดมา 2 เดือนแล้ว”
เยี่ยฉวนจ้องมองผู้พูดด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย “ท่านจึงมาที่นี่ด้วยเหตุนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
องค์หญิงเก้าตอบเสียงเบา “เจ้าคิดว่ามีเหตุผลอะไรอีก ?”
คู่สนทนาหยุดคิด ก่อนพูดออกไปว่า “ข้ารู้ว่าท่านตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ให้ทรงลอง ไตร่ตรองดูสักนิดเถิด หากยังทรงมีชีวิตอยู่ หนทางข้างหน้าย่อมมีความหวัง แต่หาชีวิตไม่แล้ว ทุกอย่างย่อมไร้ ความหมาย”
ว่ากล้าวพลางทอดสายตามองออกไปนอกกระท่อม “ผู้หญิงคนนั้นนางไปแล้วแต่ไม่ไปลับแน่ หรือบางที่คนอื่น ๆ อาจตามมาในอีกไม่ช้า นอกจากนั้น อย่างที่นางเคยพูด ‘คนสำคัญจากเบื้องบนเกิดความริษยา’ เมื่อ เป็นเช่นนี้ผู้ใดที่ได้ครอบครองคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีก็จะกลายเป็นเป้าหมายอันดับต่อไป”
คนที่นอนอยู่ค่อยหลับตาลง “เจ้ารีบไปเสีย !”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า ความเงียบครอบงำอยู่สักพัก ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมองไปที่องค์หญิงบนแคร่ไม้ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ส่งคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ !”
องค์หญิงเก้าลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน จ้องมองเยี่ยฉวนอย่างตกตะลึง แววตาฉายความลังเลอย่างไม่แน่ใจต่อสิ่งที่ได้ยิน
เยี่ยฉวนข่มสติเอ่ยอย่างใจเย็น “ส่งมา !”
อีกฝ่ายมองนิ่งนาน สุดท้ายส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าเคยรู้สึกประมาทต่อความน่าไหลหลงแห่งคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี ทว่าไม่คิดเลยว่าทั้งข้าและอันหลานซิ่วจะดูคนผิด !”
จากนั้น นางพลันขยับปลายนิ้วเรียวขาว ก่อนจะปรากฏม้วนคัมภีร์ตกลงมาเบื้องหน้าชายหนุ่ม
เยี่ยฉวนเหลือบมองม้วนคัมภีร์โบราณ เนื้อสัมผัสเรียบลื่นตัวของเขาเองไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าทำ จากวัสดุชนิดใด เมื่อชายหนุ่มคลี่ม้วนคัมภีร์ออกดู พลันภาพของอักขระโดดเด่นกระทบคลองจักษุ ‘ทักษะยุทธ์ ขั้นปฐพีระดับปลาย หัตถ์พญายม !!’
โดยไม่รีรอ เยี่ยฉวนฉวยม้วนคัมภีร์ได้ก็ผลุนผลันออกจากกระท่อมไปทันที
คนที่นอนมองด้วยแววตาเย็นชาไปยังร่างที่เดินออกจากกระท่อมจนลับสายตา นางนอนนิ่งอยู่พักใหญ่จึงหยิบก้อนหินสีดำมาถือไว้ และหลังผลักออก พลังลึกลับพลันกระจายสู่ก้อนหินบนฝ่ามือ จากนั้นจึงค่อยหลับตาภาวนา “หลานซิ่ว เยี่ยฉวนไว้ใจไม่ได้ !”
เทือกเขาที่อยู่ไกลออกไปนับพันพันลี้ สตรีในชุดขาวชะงักฝีเท้า นางหยิบก้อนหินสีดำขึ้นมาและมอง จ้องลงไปเบื้องลึกในหิน หญิงสาวมองอยู่จนเนิ่นนาน ทันใดนั้นจึงหันมองไปรอบ ๆ
“นายหญิง ? ท่านต้องไปพบกับผู้นำอสูรนะขอรับ !”
ใครบางคนส่งเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่เบื้องหลัง
ถึงกระนั้น สตรีชุดสีขาวราวเกล็ดหิมะหาได้เหลียวกลับมาไม่
…
หลังออกจากกระท่อมไม้ไผ่ เยี่ยฉวนทั้งวิ่งทั้งกระโดดเพียงไม่นานก็มาถึงชั้นบนสุดของตำหนัก สายตาสอดส่ายสำรวจจนทั่วบริเวณ จากนั้นจึงก้มลงมองม้วนคัมภีร์ในมือ ก่อนเปล่งหัวเราะและพูดขึ้นว่า “ข้าได้มา แล้ว !”
เพียงไม่นาน ด้านหลังของชายหนุ่มปรากฏเงาวูบวาบและเสียงกระแสลมในระยะไม่ใกล้นัก
“คัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีอยู่ที่นั่น !”
ใครบางคนตะโกนออกมาจากมุมมืด ขาดคำพลันปรากฏร่างเงาสับสนอลหม่าน เงาร่างพวกนั้นต่าง ล้วนมุ่งหน้ามายังที่เยี่ยฉวนยืนอยู่ ผู้นำหน้าคือเป่ยเฉิน ตามมาด้วยชายหญิงคู่เดิม ไม่แปลกใจในความกล้า แกร่งของพวกเขาทั้งสอง แม้แต่เป่ยเฉินยังกริ่งเกรงไม่น้อย !
เยี่ยฉวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวเขาวิ่งออกมาภายนอกตำหนักจ้าวแห่งกระบี่ ก่อน พลันแล่นเข้าหาป่าทึบโดยไม่รั้งรอทั้ง ๆ ที่มีคนกลุ่มใหญ่ตามติดไล่หลัง
เวลานั้นทุกคนต่างพากันละความสนใจจากองค์หญิงเก้าแล้วอย่างสิ้นเชิง !
คนทั้งกลุ่มหันมาให้ความสนใจต่อเยี่ยฉวนแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเพราะสิ่งล้ำค่าในมือของเขาคือคัมภีร์ ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี !
ขณะเดียวกัน ทางด้านเยี่ยฉวน ชายหนุ่มวิ่งสุดฝีเท้า เขาเลือกใช้เส้นทางที่มุ่งสู่ป่าทึบและภูมิประเทศ สลับซับซ้อน ด้วยเหตุนี้เป่ยเฉินและพวกจึงไล่ตามไม่ทัน ก่อนจะคลาดกับเยี่ยฉวนทันทีที่เริ่มเข้าสู่เขตป่า ! หาก ไม่เพียงเท่านั้น เขายังทิ้งห่างพวกที่ติดตามโดยอาศัยความสลับซับซ้อนของภูมิประเทศซึ่งเป็นภูเขาเสีย ส่วนใหญ่
กระนั้นทั้งเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ หาได้คิดเลิกราโดยง่าย พวกเขายังคงติดตามมาอย่างไม่ลดละ !
ทว่าเยี่ยฉวนเวลานี้พลันใช้กลวิธีกระโดดโผนตัวไปทั่วภูเขา ความแคล่วคล่องว่องไวของชายหนุ่มนั้นไม่แพ้ลิงป่า ตอนนี้เขายังไม่คิดหันกลับมาต่อสู้กับคนทั้งกลุ่ม ทว่ากลับมุ่งแต่หนีห่างออกไปทุกครั้งที่พวกที่ไล่ตามจนเจียนใกล้ตัว เขาจึงได้แต่วิ่งและวิ่งเท่านั้น กระทั่งค่ำคืนมาเยือน !
เมื่อท้องฟ้ามืดลง ชายหนุ่มลอบยิ้มอย่างสมใจ
เมื่อแสงแห่งดวงตะวันลับขอบฟ้า ทุกอย่างกลับมืดสนิท ทว่านั่นกลับไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนเช่น เยี่ยฉวน เขาเคยใช้ชีวิตท่ามกลางป่าเขาในเวลากลางคืนมาก่อน
ฟากของกลุ่มที่ติดตาม เป่ยเฉินและพวกเริ่มหวั่นวิตก คนอื่น ๆ อาจมีประสบการณ์อยู่บนภูเขา แต่แตกต่างกับเยี่ยฉวนซึ่งเคยต้องต่อสู้อยู่บนเขาเป็นเวลานับปี ขณะที่พวกนั้นไม่เคยสู้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความมืดรอบข้างก่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจของเป่ยเฉิน หากมิใช่กลัวฝ่ายตรงกันข้าม แต่กลัวพวกเขากันเอง !
บนโลกภายนอก การหักหลังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา !
ท่ามกลางความมืดมิด เยี่ยฉวนแฝงตัวหลบอยู่ในพุ่มใบหนาทึบของกิ่งไม้เก่าแก่ ระหว่างนั้นชายหนุ่ม จึงหยิบรูปไม้แกะสลักของเยี่ยหลิงออกมา รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นมุมปาก “พี่ชายใกล้จะได้กลับแล้วนะ”
“เกรงว่าเจ้าจะไม่ได้กลับเสียแล้ว !”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงดังขึ้นไม่ไกล
ชายหนุ่มพลันหันตามทิศทางของเสียงนั้น เบื้องล่างฝั่งขวาปรากฏร่างของสตรี
นางผู้นั้นคือเป่ยเฉิน ไม่เพียงเท่านั้น ฝั่งซ้ายของนางยังปรากฏร่างของคู่ชายหญิงไม่ไกลออกไป
เมื่อเห็นเต็มตา เยี่ยฉวนหน้าถอดสี “หาข้าพบได้อย่างไร ?”
เป่ยเฉินแสยะยิ้ม “เพราะว่าพวกเรามีเจ้าใหญ่นายโตคอยช่วยเหลืออย่างไรล่ะ เข้าใจหรือยัง ?”
ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากตอบโต้ ทว่าขณะนั้นเอง พลันเกิดเสียงประหลาดขึ้นที่ลานกว้าง
เผียะ !
เสียงตวัดตบวัตถุดังแหวกอากาศ แรงผลักของอะไรบางอย่างเข้าปะทะร่างของเป่ยเฉินกระเด็นออกไป ไกลหลายจั้ง เมื่อนางผุดลุกขึ้น บนใบหน้าด้านขวาพลันแดงไปทั้งแถบด้วยปรากฏรอยอุ้งเท้า
ทุกคนต่างตกตะลึง “…”
แม้เยี่ยฉวนเองยังสะดุ้งตกใจเช่นกัน ก่อนฉับพลันเขาจะเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงเป็นจัง “อันที่จริง ข้าก็มีเจ้าใหญ่นายโตคอยช่วยเหลือเหมือนกัน !”
ครานี้ทั้งเป่ยเฉินและคู่ชายหญิงถึงกับงงงัน “…”