ไป๋อวิ่นเฉิงมุ่นคิ้ว ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “หรือบางที…ท่านอ๋องอาจสืบเจอสถานะของคนพวกนั้น ถึงได้ไม่พอใจ” ไป๋อวิ่นเฉิงก็เป็นหัวหน้าครอบครัวเช่นกัน แน่นอนว่าย่อมเข้าใจข้อห้ามต่างๆ ของผู้เป็นประมุข ไป๋ฮูหยินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “เราคิดอะไรตื้นเขินเกินไปจริงๆ ข่าวสารองครักษ์ลับของตำหนักติ้งอ๋องมีประสิทธิภาพ เกรงว่าคงจะปิดไม่ได้…” เพียงแต่นางกลับไม่รู้ หากตำหนักติ้งอ๋องต้องการสืบจริงๆ ย่อมสืบได้อยู่แล้ว ทว่าคนเหล่านั้นที่ตระกูลไป๋ส่งไปนั้นโชคไม่ดี บังเอิญไปโดนคมมีดของม่อซิวเหยาเข้า ยังไม่ทันได้พบหน้าก็เสียชีวิตอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
“วันนี้ตอนที่ข้าไปพบติ้งอ๋อง เจอผู้หญิงจากตระกูลซุนคนนั้นเข้าพอดี” คิดถึงรอยยิ้มของซุนฮูหยินก่อนจะจากไปแล้ว สีหน้าของไป๋อวิ่นเฉิงพลันบึ้งตึง สีหน้าไป๋ฮูหยินก็แปรเปลี่ยนเช่นกัน สตรีหลายคนในเมืองหลวงซีหลิงมักจะดูถูกซุนฮูหยิน หรือจะบอกว่าอิจฉาซุนฮูหยิน ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะนางสามารถควบคุมกิจการของตระกูลได้ประหนึ่งผู้ชาย ยามหัวหน้าตระกูลซุนยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีอนุ ดังนั้นเมื่อหัวหน้าตระกูลซุนจากไป ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คนในซีหลิงที่แอบปิดปากยิ้มด้วยความปรีดา แต่ซุนฮูหยินไม่ได้หมดอาลัยตายอยากอย่างที่พวกนางคิด ในทางตรงกันข้าม นางกลับใช้ฐานะหญิงหม้ายค้ำยันตระกูลซุนเอาไว้ได้ได้ กระทั่งทำให้ตระกูลซุนดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้ไป๋ฮูหยินที่เป็นสตรีเช่นกันทั้งเกลียดและอิจฉา ด้วยเพราะนางทำได้เพียงหมกตัวอยู่ในเรือนหลังอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ผู้หญิงคนนั้น…นางไปเจอติ้งอ๋องเพื่ออะไรกัน อย่าบอกนะว่า…” ไป๋ฮูหยินแผดเสียงแหลม
ไป๋อวิ่นเฉิงเห็นสีหน้าของฮูหยิน ก็รู้ว่านางคงคิดไปไกลแล้ว แต่ก็ไม่มีอารมณ์มาแก้ต่างให้ซุนฮูหยิน ได้แต่เอ่ยเสียงเข้ม “ติ้งอ๋องกับพระชายาติ้งอ๋องชอบซุนอวี๋ซื่อมาก พระชายาติ้งอ๋องยังตอบตกลงเข้าร่วมเทศกาลชมดอกไม้สารทฤดูอีกด้วย”
ไป๋ฮูหยินก็ไม่ได้เข้าใจไปเสียทุกเรื่อง จึงเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ความหมายของนายท่านคือ”
ไป๋อวิ่นเฉิงตอบเสียงเข้ม “สองวันหลังจากนี้เจ้าก็ไปร่วมงานเสียด้วย ต้องทำให้พระชายาติ้งอ๋องชอบให้ได้ แล้วก็…พาหนิงเอ๋อร์ไปด้วยก็แล้วกัน”
“นายท่าน...” ไป๋ฮูหยินขมวดคิ้วมองไป๋อวิ่นเฉิง ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “จะเข้าทางพระชายาติ้งอ๋อง เกรงว่าคงไม่ง่ายนัก” ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวข้างนอกเสียเท่าไร ทว่าสุดท้ายแล้วไป๋ฮูหยินก็เป็นผู้หญิง ย่อมเข้าใจความคิดของผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างไป๋อวิ่นเฉิงอยู่แล้ว พวกเขาอยากส่งผู้หญิงของตระกูลไป๋ไปให้ตำหนักติ้งอ๋อง ไม่มีทางเข้าทางพระชายาติ้งอ๋องได้แน่นอน ติ้งอ๋องและพระชายารักกันมาก แต่งงานกันมาหลายปี ติ้งอ๋องก็ไม่เคยรับอนุเพิ่มเลย ไม่ว่าอย่างไรพระชายาติ้งอ๋องคงไม่อยากรับผู้หญิงที่จะมาแย่งสามีของตัวเองเข้าตำหนักติ้งอ๋องหรอก
ทว่าไป๋อวิ่นเฉิงไม่แยแส “ฮูหยินคิดมากไปแล้ว วันนี้ข้าก็ได้พบพระชายาติ้งอ๋อง แม้ความงดงามจะโดดเด่น แต่หนิงเอ๋อร์ของเราก็ไม่แย่ อีกทั้ง พระชายาติ้งอ๋องก็เกิดมาในตระกูลสวีซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเลื่องชื่อ จะไม่เข้าใจธรรมเนียมของการเป็นภรรยาได้อย่างไร ผู้หญิงในซีหลิงส่วนใหญ่มีความหยิ่งผยอง โอหังอวดดีและกำเริบเสิบสาน หนิงเอ๋อร์ของเราสุภาพอ่อนโยน พระชายาย่อมมองนางดีอยู่แล้ว หากติ้งอ๋องต้องการทำให้ซีหลิงมีความเสถียรภาพในเวลาอันสั้น เขาจะต้องแต่งงานกับหญิงสูงศักดิ์แห่งซีหลิงเข้าไปในฐานะพระชายารอง เพื่อสร้างความสบายใจให้แก่ผู้มีอำนาจแห่งซีหลิง” ที่ผ่านมาตระกูลไป๋มักได้รับตำแหน่งพระสนมอยู่บ่อยครั้ง และผู้ชายก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยในการฉวยโอกาสส่งผู้หญิงของตระกูลตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด ตระกูลไป๋ก็มีประสบการณ์มากมาย
กองทัพตระกูลม่อเพิ่งเข้ามายึดครองซีหลิง ผู้คนย่อมหวาดหวั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งติ้งอ๋องก็ไม่สามารถประจำอยู่ที่เขตพระราชฐานแห่งซีหลิงได้ในระยะยาว เช่นนั้นการแต่งงานกับธิดาของขุนนางผู้มีอำนาจและแต่งตั้งเป็นพระชายารองเพื่อสร้างความมั่นคงภายในจิตใจประชาชนนั้นเป็นสิ่งจำเป็น จากมุมมองของไป๋อวิ่นเฉิง ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดย่อมเป็นบุตรสาวของตระกูลไป๋อยู่แล้ว
ไป๋ฮูหยินถอนหายใจอย่างจนปัญญา จะเอ่ยกับนายใหญ่ของตระกูลนางอย่างไรดี ยิ่งเป็นสตรีที่เก่งกาจเท่าไร ก็ยิ่งรับไม่ได้หากจะมีคนอื่นข้างกายของสามีตน ทว่ามาคิดดูดีๆ แล้ว ลูกสาวของตระกูลตนนั้นได้รับการอบรมสั่งสอนตามมาตรฐานพระสนมของฮ่องเต้ บางทีอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้กระมัง
“คุณหนู” เสียงทำความเคารพของสาวใช้ด้านนอกประตูลอยมา
ไม่ทันสิ้นคำ สาวรูปงามในชุดผ้าแพรสีสันสดใสก็เยื้องย่างเข้ามาในห้อง ก่อนจะคารวะให้กับไป๋อวิ่นเฉิงและไป๋ฮูหยิน “หนิงเอ๋อร์คารวะท่านพ่อและท่านแม่”
ในแง่ของรูปลักษณ์ สตรีผู้นี้ไม่ได้งามหยาดฟ้า อย่างน้อยก็ยังไม่งามเท่าซูจุ้ยเตี๋ยที่อาศัยอยู่ในตระกูลไป๋ในตอนนั้น ทว่าเมื่อเทียบกับองค์หญิงหลิงอวิ๋นตอนเป็นสาวแล้วยังถือว่าพอสูสี แต่อย่างไรก็ดี คิ้วสีดำขลับ ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากแดงที่แย้มยิ้ม มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกใกล้ชิดมากกว่าความหยิ่งยโสขององค์หญิงหลิงอวิ๋น ผู้หญิงคนนี้ก็คือไป๋ชิงหนิง ลูกสาวคนเดียวของตระกูลไป๋ ที่ยังไม่ได้ออกเรือน
ไป๋ฮูหยินเห็นลูกสาว นัยน์ตาพลันฉายแววรักใคร่และเมตตา รีบเข้าไปประคองนาง “หนิงเอ๋อร์มาได้อย่างไร”
ไป๋ชิงหนิงเผยยิ้มหยาดเยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ลูกได้ยินมาว่าท่านพ่อกลับมาจากการไปพบติ้งอ๋องและพระชายาติ้งอ๋องแล้ว จึงมาทำความเคารพท่านพ่อเจ้าค่ะ ท่านพ่อไปพบพระชายาติ้งอ๋องมาแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ” ครั้นไป๋อวิ่นเฉิงได้พบหน้าลูกสาวสุดที่รัก สีหน้าก็พลันเผยความอ่อนโยนขึ้นมาบางส่วน พยักหน้ายิ้มพลางเอ่ย “ถูกต้อง พ่อได้พบกับพระชายาติ้งอ๋องมาแล้วจริงๆ”
“เช่นนั้น…” ไป๋ชิงหนิงถามด้วยความใคร่รู้ “ที่บอกว่าพระชายาติ้งอ๋องเป็นผู้เด็ดดี่ยวกล้าหาญไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า ไม่ทราบว่ามีรูปร่างหน้าตาอย่างไรหรือเจ้าคะ”
ไป๋อวิ่นเฉิงส่ายหน้า ถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “พระชายาติ้งอ๋อง…เป็นยอดสาวงามคนหนึ่ง ช่างเป็นโชคดีของติ้งอ๋องจริงๆ” คำพูดนี้ของไป๋อวิ่นเฉิงไม่เกินจริง สตรีส่วนใหญ่บนโลกนี้เป็นผู้หญิงบอบบาง อาจมีบ้างที่สามารถจัดการงานในครัวเรือนได้เป็นอย่างดีซึ่งก็ถือว่าเป็นภรรยาที่ดีแล้ว แต่หากยังสามารถยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนอกบ้านได้ ส่วนใหญ่ก็จะมีนิสัยดื้อรั้น ส่วนคนที่สามารถนำทัพเข้าสู้สนามรบได้นั้น ในสายตาของผู้คนก็เทียบเคียงได้กับนางยักษียักษา ทว่าพระชายาติ้งอ๋อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานราชการในตำหนักติ้งอ๋อง หรือว่าบนสนามรบ ต่างก็ทำได้ดี ที่หาได้ยากก็คือนางยังเป็นหญิงผู้มีรูปลักษณ์งามบริสุทธ์ อ่อนโยนและบอบบางอีกด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่ติ้งอ๋องจะหวงแหนดั่งสมบัติล้ำค่าเช่นนี้
นัยน์ตาของไป๋ชิงหนิงพลันสั่นไหว ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “พระชายาติ้งอ๋องงามกว่าท่าน้าไป๋หลงอีกหรือเจ้าคะ” ตอนนั้นซูจุ้ยเตี๋ยเคยอาศัยอยู่ในตระกูลไป๋ชั่วคราว ต่อมาไป๋ชิงหนิงมีโอกาสได้เข้าไปในวังบ้างเป็นครั้งคราว จึงมีโอกาสได้พบนางอยู่หลายครั้ง รู้สึกเพียงว่านางเป็นสาวงามที่สุดในใต้หล้าไม่มีผู้ใดทัดเทียมแล้ว แม้ว่าตนจะรู้สึกภูมิใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจเทียบนางได้ หรือว่าพระชายาติ้งอ๋องผู้นี้จะงามกว่านางจริงๆ ถึงได้ชนะใจติ้งอ๋อง
ไป๋อวิ่นเฉิงส่ายหน้า ยิ้มพลางเอ่ย “เปล่าเลย แม้พระชายาติ้งอ๋องจะงดงาม แต่หนิงเอ๋อร์ของพ่อก็ไม่แย่”
“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ” ไปชิงหนิงหลุบตา ขานตอบอย่างเหม่อลอย
ไป๋อวิ่นเฉิงพินิจดูลูกสาวอย่างพอใจ อมยิ้มพลางกำชับ “หนิงเอ๋อร์เตรียมไปตัวให้ดี อีกสองวันให้หลังเจ้าไปเข้าร่วมงานเทศกาลชมดอกไม้สารทฤดูกับท่านแม่”
ไป๋ชิงหนิงผงะ “เทศกาลชมดอกไม้สารทฤดูหรือเจ้าคะ”
“ถูกต้อง” ไป๋อวิ่นเฉิงลูบเครา ยิ้มพลางเอ่ย “หนิงเอ๋อร์ไม่ได้อยากรู้ว่าพระชายาติ้งอ๋องมีรูปลักษณ์อย่างไรหรือ สองวันหลังจากนี้พระชายาติ้งอ๋องก็จะเข้าร่วมเทศกาลชมดอกไม้สารทฤดูเช่นกัน หนิงเอ๋อร์จะได้พบพระชายาติ้งอ๋องพอดี ไม่ดีหรือ” ดวงตาไป๋ชิงหนิงเป็นประกาย อมยิ้มพยักหน้าพลางเอ่ย “ท่านพ่อพูดถูก พระชายาติ้งอ๋องเป็นแบบอย่างแก่สตรีแห่งใต้หล้า ลูกเลื่อมใสศรัทธามานาน หากได้พบสักครั้ง ก็ถือเป็นเกียรติแก่ลูกยิ่งแล้ว”
ไป๋อวิ่นเฉิงยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี หนิงเอ๋อร์ไปเถิด”