เล่มที่ 12 เล่มที่ 12 ตอนที่ 340 รับผลของการกระทำของตน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ในเวลานี้ ซูจิ่นซีหมดสติอย่างสมบูรณ์ หลังดื่มเลือดสัตว์เทพกิเลนเข้าไป ดวงตาทั้งสองของนางยังคงปิดสนิท ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด

แสงจันทร์สว่างไสว สาดส่องลงบนร่างซูจิ่นซี ทำให้ร่างเล็กของนางดูเปราะบางและอ่อนแอ

ในเวลานี้ แววตาของทั้งสามคน ได้แก่ เยี่ยโยวเหยา จอมวายร้ายไป๋เฉ่า และมู่หรงฉี ต่างจับจ้องไปที่ร่างกายของซูจิ่นซี

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซียังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นเดิม

‘เพียะ!!! ’

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าตบไปที่ใบหน้าของตนอย่างแรง

“บัดซบ ข้าไม่ควรให้นางมาที่นี่”

ใบหน้าสงบนิ่งสุขุมของมู่หรงฉีปรากฏความตื่นตระหนกและเจ็บปวดใจ เขาคว้ามือของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไว้

“จอมวายร้าย เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ เป็นเพราะข้าเอง! ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่ารีบเข้าไปหาซูจิ่นซี “แม่นางพิษน้อย เจ้าฟื้นขึ้นมาสิ พี่จุนผิดไปแล้ว พี่จุนไม่ควรให้เจ้ามาสถานที่แห่งนี้ เป็นความผิดของพี่จุนเอง พี่จุนไม่ต้องการเมล็ดพันธุ์สมุนไพรพวกนี้แล้ว พี่จุนขอให้เจ้าฟื้นขึ้นมาเท่านั้น แม่นางพิษน้อย เจ้าฟื้นขึ้นมาเถิด เจ้าอย่าทำให้พี่จุนตกใจ”

“ไปให้พ้น! ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากำลังจะยื่นมือออกไปจับมือซูจิ่นซี ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ใช้เท้าถีบจอมวายร้ายไป๋เฉ่าออกไป เยี่ยโยวเหยาแสดงท่าทีดุดันเยือกเย็นราวกับเทพแห่งรัตติกาลก็ไม่ปาน ไอสังหารปะทุไปทั่วร่าง เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาจอมวายร้ายไป๋เฉ่าทีละก้าว

ถูกต้องแล้ว หากไม่ใช่เพราะจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ซูจิ่นซีคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยาไม่ปล่อยจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไปอย่างแน่นอน

ครั้งนี้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่ตอบโต้เยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย ซึ่งหาได้ยากยิ่ง เมื่อถูกเยี่ยโยวเหยาทุบตีก็ไม่มีท่าทีว่าจะตอบโต้ แววตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ร่างกายของซูจิ่นซี

เยี่ยโยวเหยากำลังรวบรวมพลังลมปราณไปที่หมัด ซัดใส่จอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทันใดนั้นมู่หรงฉีก็เข้ามายืนขวางหน้าเยี่ยโยวเหยาไว้

“หลบไป! ฉีอ๋อง หากท่านคิดจะขัดขวางข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นศัตรูกับท่าน”

“โยวอ๋อง จอมวายร้ายทำเช่นนี้เพราะเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เรื่องนี้หากจะตำหนิ ก็ควรตำหนิข้า จอมวายร้ายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น”

เยี่ยโยวเหยาในเวลานี้ยังไม่สูญเสียการควบคุมภายในใจ ทว่าคนที่ทำให้ซูจิ่นซีต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน

เยี่ยโยวเหยาประมือกับมู่หรงฉี ทั้งสองต่อสู้กัน มู่หรงฉีเสียเปรียบเล็กน้อย เขาถูกเยี่ยโยวเหยาซัดจนถอยหลังห่างไปสองก้าว จากนั้นเยี่ยโยวเหยาจึงหันไปจัดการกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าอีกครั้ง

“โยวอ๋อง! ”

มู่หรงฉียังคงขวางทางเยี่ยโยวเหยาอย่างสุดกำลัง

“โยวอ๋อง ท่านอย่าลืมสิ ท่านกับจอมวายร้ายยังมีสัญญาต่อกัน ท่านไม่ต้องการยาสมุนไพรระงับพิษหมุดกร่อนรักแล้วหรือ? ”

แววตาเยี่ยโยวเหยาเย็นยะเยือก “หากไม่มีซูจิ่นซี ข้าถอนพิษหมุดกร่อนรักได้แล้วจะมีประโยชน์อันใด? ”

เยี่ยโยวเหยาพูดพลางสลัดหลุดออกจากมู่หรงฉีได้อย่างรวดเร็ว เขารวบรวมพลังภายในเจ็ดส่วนไปที่หมัดและซัดไปที่กลางศีรษะของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นได้ชัดว่าตอนที่เยี่ยโยวเหยาสลัดหลุดจากมู่หรงฉี เขาใช้พลังออกไปทั้งหมด ทว่าไม่สามารถผลักมู่หรงฉีออกไปได้ ทำให้มู่หรงฉีมีโอกาสโต้กลับ สามารถเข้าไปปกป้องจอมวายร้ายไป๋เฉ่าและรับหมัดของเยี่ยโยวเหยาแทน

“บัดซบ! เยี่ยโยวเหยา เพียงข้าไม่ตอบโต้ เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นแมวป่วยไม่สู้เจ้ากระมัง”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าประคองร่างมู่หรงฉีที่กระอักเลือดให้นั่งลง พลางหยิบแส้สีแดงเพลิงจากเอวตะวัดออกไปเพื่อหลบหลีกการปะทะของเยี่ยโยวเหยา

อาวุธของจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามักเป็นประเภทยาว แส้ที่ใช้ก่อนหน้านี้เป็นสีดำ ทว่าถูกเยี่ยโยวเหยาฟันขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่ตอนต่อสู้กับเยี่ยโยวเหยาที่ตำบลผูหลิว แส้สีแดงเพลิงนี้เขาทำขึ้นมาในภายหลัง มันมีสีแดงเหมือนผ้าแพร ทว่าสีของมันกลับแดงสดยิ่งกว่า ดูงดงามยิ่งกว่า ขับเน้นให้เขาดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากขึ้น

‘ขวับ! ’

เสียงแส้ดังก้องตามสายลม จอมวายร้ายไป๋เฉ่าฟาดแส้ไปทางเยี่ยโยวเหยา พลังแส้ดุดันรุนแรง ความร้ายกาจไม่ด้อยไปกว่ากระบี่คมกริบแม้แต่น้อย เมื่อฟาดแส้เส้นนี้ออกไป ต่อให้ข้างหน้าเป็นหินผาเหล็กกล้า ย่อมต้องปริแตกอย่างแน่นอน ทว่าคนที่เผชิญหน้าอยู่นั้นคือเยี่ยโยวเหยา

แววตาเยี่ยโยวเหยาเย็นยะเยือก ใบหน้าจริงจังมุ่งมั่น ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงแม้แต่น้อย เมื่อจอมวายร้ายไป๋เฉ่าฟาดแส้โจมตี เขาก็คว้าแส้ไว้ในมือแน่น

จากนั้นจึงยืนนิ่งดั่งภูเขาไท่ซาน มองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยสายตาเหยียดหยาม

ใช้เพียงกระบวนท่าเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงพลังภายในอันสูงส่ง

ในอดีต เมื่อต่อสู้กันโดยที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่ได้ใช้พิษ วรยุทธ์ระหว่างเขากับเยี่ยโยวเหยาไม่แตกต่างกันมากนัก ทว่าในเวลานี้ เยี่ยโยวเหยาฝึกพลังลมปราณชิงหลงสำเร็จอีกขั้น จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่มีทางเอาชนะเยี่ยโยวเหยาได้แน่นอน

ทว่าเพื่อมู่หรงฉีที่เข้ามารับฝ่ามือแทนเขา เขายอมเอาชีวิตเข้าแลก แม้ครั้งนี้ต้องสู้อย่างไม่คิดชีวิต ก็ต้องชำระหนี้แค้นจากเยี่ยโยวเหยาให้จงได้

จอมวายร้ายไป๋เฉ่ารวบรวมพลังภายในทั้งหมดของตน ดึงแส้กลับอย่างรุนแรง เยี่ยโยวเหยาก็ดึงรั้งแส้อย่างดุดันเช่นกัน ทว่าแส้ไม่ขยับแม้แต่น้อย

หลังจากที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าดึงแส้กลับหลายครั้งแต่ไร้ผล เขาจึงพลิกฝ่ามือ ใช้ปลายนิ้วสาดผงสีเงินใส่เยี่ยโยวเหยา

จากความว่องไวของเยี่ยโยวเหยา เขาไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับกลอุบายนี้ ทว่าเขากลับพ่ายแพ้ให้กับกระบวนท่านี้ของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ในที่สุดเยี่ยโยวเหยาก็ถูกเข็มพิษ

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วมุ่น พลันกระอักเลือดออกมา

ขณะเดียวกัน พลังภายในมือของเขาก็คลายลงหลายส่วน จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจึงดึงแส้กลับมาได้โดยง่าย

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าแสดงสีหน้าลำพองใจ เขาเหาะขึ้นไปพลางใช้พลังภายในทั้งหมดฟาดแส้ไปทางเยี่ยโยวเหยา

“ข้าจะดูสิว่า เจ้ายังโอ้อวดอันใดได้อีก”

“อย่า จอมวายร้าย หยุดมือ! ”

“ท่านอ๋อง! ”

ซูจิ่นซีฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครรู้ นางร้องตะโกนออกมาพร้อมกับมู่หรงฉี ก่อนจะตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นและกระโจนไปหาเยี่ยโยวเหยาอย่างสุดกำลัง

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเห็นซูจิ่นซีกระโจนเข้ามาขวาง ทว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว แส้ของเขาฟาดไปทางซูจิ่นซีอย่างรุนแรง หากเป็นคนที่มีวรยุทธ์ บางทียังพอทนไหว ทว่าซูจิ่นซีไม่รู้วรยุทธ์ ทั้งยังถูกพิษ ร่างกายของนางอ่อนแอไร้พลัง แส้ที่ฟาดออกไปแน่นอนว่าต้องสร้างบาดแผลและทำให้บาดเจ็บสาหัส บางทีอาจรุนแรงถึงชีวิตก็เป็นได้

แววตาเจ้าเล่ห์ภายใต้หน้ากากเย็นชาของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าพลันตกตะลึง ขณะที่เขาเห็นซูจิ่นซีในเวลานั้น เขาตัดสินใจตวัดแส้กลับมาทางด้านหลังโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย แส้ที่เดิมทีฟาดไปทางซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาอย่างรุนแรงพลันถูกดึงตวัดกลับมาอย่างรวดเร็วดั่งงูถูกกำมะถัน มันย้อนกลับมาพันรอบตัวจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทำให้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

แทบจะในเวลาเดียวกัน ซูจิ่นซีที่ตกใจมากจึงซัดเข็มเงินออกไป แม้นางจะไร้พลัง ทว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากลับหลบไม่ทัน ถูกเข็มเงินของซูจิ่นซีเข้า

แรงสะท้อนของแส้ทำให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากระอักเลือด และบาดเจ็บสาหัส กอปรกับพิษไม่ทราบชนิดของซูจิ่นซี ตอนที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าล้มลง สายตาของเขาพลันพร่ามัว

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าหันหลังกลับ มองดูเข็มเงินสองเล่มที่หัวไหล่ของตน แววตาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด เขายกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตนเอง จากนั้นจึงหันไปมองซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดเจนว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ ทว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ กลับเอ่ยขึ้นว่า

“แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่เป็นอันใดแล้วใช่หรือไม่? ”