17 วาลคีรี

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 17 วาลคีรี
ดิ้ง
เสียงกริ่งดังสำหรับคลาสเรียน และตลอดทั้งวัน ครูวิชาพลศึกษาเดินเข้ามาในห้องอย่างว่องไว
“นักเรียน คลาสนี้ไปรวมตัวกันที่สนามหญ้า! “
ครูสวมชุดพละ ซิงเหมิงยืนผิงอยู่ที่ประตูทางออกในขณะที่เขาพูดกับเด็กนักเรียนในชั้น
“อย่าตกใจไป มันเป็นแค่งานกีฬาสองสามวัน และทุกคนก็สบายดี ดังนั้นมันยากสำหรับอาจารย์ประจำคลาสหลักที่จะปล่อยให้พวกนายอยู่ห้อง”
เมื่อเห็นว่าเด็กนักเรียนชั้นของเขาทุกคนต่างพากันประหลาดใจกับการมาถึงของเขา ซิงเหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“โอ้!”
“จงเจริญ!”
นักเรียนเงียบสักพัก จากนั้นก็โฮ่ร้อง
“แน่นอน หากเธอไม่ไป เธอก็สามารถเรียนด้วยตัวเองในคลาสได้”
ซิงเหมิงหันกลับหลังแล้วเดินออกจากห้องไป
เย่หยูยืนขึ้น และในขณะที่เขากำลังจะออกไป เขาพบว่าฮันเสวี่ยกำลังนั่งที่อยู่ตรงที่นั่งของเธอโดยที่ไม่สนใจว่าเขายืนขึ้น
“ฮันเสวี่ย จะไม่เข้าคาบพละหรอ?”
ฮันเสวี่ยส่ายหัว มองไปยังเย่หยูที่ออกอาการสับสน
“ไปกันก่อนเลย วันฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ฉันจะเรียนเองในห้อง”
เย่หยูสะดุ้งเมื่อเขารู้ว่าเพื่อนสนิทฮันเสวี่ยมาถึง​(ประจำเดือน)​
“โอเค! งั้นก็พักผ่อนให้มากขึ้นนะ”
ฮันเสวี่ยพยักหน้า เมื่อเห็นเย่หยูเดินออกไปจากห้องเรียน เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา
“แม่ ทำไมหนูถึงมีความรักไม่ได้คะ?”
มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเรียน ด้วยเกรดของหนูแล้ว หนูสามารถเข้ามหาลัยไหนก็ได้!
“โอเคค่ะ หนูจะถามพ่อ!”
ฮันเสวี่ยวางมือถือลงและแววตาฉายแววไม่เต็มใจนัก หลังจากที่เธอมองไปยังร่างเย่หยูที่อยู่ข้างนอกทางหน้าต่างแล้วถอนหายใจ
ที่สนามหญ้า ซิงเหมิงมองไปยังนักเรียนที่กำลังตื่นเต้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ใครที่ต้องการเข้าร่วมการชุมนุมกีฬา สามารถลงทะเบียนกับฉันได้ ตอนนี้ซ้อมกันตามสบายได้เลย!”
เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการมีเวลาพักผ่อน ซิงหมิงได้แยกตัวออกไปอย่างร่าเริงหลังจากพูดจบ
เย่หยูยืนอยู่บนลู่วิ่งเพื่อเตรียมตัวสอบวิ่งระยะร้อยเมตร ตั้งแต่ที่เขาเกิดใหม่ เย่หยูยังไม่รู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง ดังนั้นเขาจึงกำลังจะได้สัมผัสประสบการณ์ในครั้งนี้
เย่หยูก้มหัวลงมองระยะทาง 100 เมตรออกไปโดยไม่ใช่นาฬิกาจับเวลา พลังจิตอันสุดยอดในการคำนวณเลขของเขานั้นแม่นยำกว่านาฬิกาจับเวลาบางตัวเสียอีก!
“หวือ!”
ขาขวาของเย่หยูกระทืบลงพื้น แล้วส่งตัวเขาออกไปโดยตรง

เด็กรอบๆมองไปยังร่างของเย่หยูที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและทุกคนทั้งหมดก็ต่างพากันตกใจ นี่
มันเร็วเกินไปแล้ว!
เฟี้ยว!
เย่หยูหยุด เมื่อถึงระยะหนึ่งร้อยเมตร รู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจ เย่หยูค่อนข้างประหลาดใจ
การวิ่งอย่างรวดเร็วในระยะร้อยเมตร อัตราการเต้นหัวใจของเย่หยูเต้นเร็วขึ้นเพียงเล็กน้อย และ
การหายใจก็ไม่แม้แต่จะเพิ่มขึ้น
” 8.13 วินาที!”
เมื่อใช้การคำนวณผ่านทางจิต เย่หยูรู้ความเร็วของเขาอย่างแน่ชัดซึ่งเกินกว่าระดับนักกีฬาระดับโลกเสียอีก!
“หวา!”
“เย่หยูกับการวิ่งหนึ่งร้อยเมตร เขาผ่านไปได้ 9 วินาที! เขาดูเร็วกว่านักกีฬาระดับท็อปเสียอีก! “
เมื่อเพื่อนร่วมชั้นเห็นเย่หยูหยุด พวกเขาก็ไปยืนรอบๆเขา โดยต่างรู้สึกประหลาดใจที่เขาระเบิด
ความเร็วได้ถึงขนาดนี้
เย่หยูส่ายหัวและพูดว่า”ยังคงห่างไกลอีกเยอะ!”
เย่หยูพูดไม่ผิด แม้ว่าความเร็วของเขาจะเร็วกว่านักกีฬาระดับแนวหน้าอีก
ยกชายรอยสักงูเป็นตัวอย่าง ความเร็วในการหลบหนีของเขานั้นเร็วกว่าเย่หยูซะอีก อย่างไรก็ตาม เขาใช้ร่างกายของเขาในการเคลื่อนไหว ความเร็วของเขาเลยเหนือกว่านักกีฬาพวกนั้นเสียอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาสู้กัน ภาพที่ปรากฏตอนเขาโจมตีนั้นทำให้ช็อคกับพลังที่ระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน!
เย่หยูรู้ว่าตอนนี้ สมรรถภาพร่างกายของเขาเหนือกว่าคนธรมดาทั่วๆไป และยังไม่ถึงระดับของคนที่เก่งศิลปะป้องกันตัว
พวกนักสู้นั้นน่ากลัวกว่า! โลกใบที่ใหญ่มากและยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น!
เมื่อคิดถึงนักรบ6ระดับที่ชายรอยสักงูพูดถึง ดวงตาของเย่หยูดูเหมือนหินออบซิเดียนที่เป็นประกาย มีเงาประกายระยิบระยับ
“ดูสิ! นั่นมันพวกฟินิกซ์ร่ายรำคลาส 3!”
“หวา!”
“นั้นมันวาลคีรีนิ! นี่คลาส 3 เรียนพละกับพวกเราด้วย โชคดีเช่นนี้! “
“เซ็กซี่จัง!”
ในสนามกีฬาชั้นหนึ่ง นักเรียนชายทั้งหมดหันหน้าไปอีกข้างเพื่อมองไปยังสนามหญ้าอีกด้าน
เย่หยูหันหน้ามา สายตาเขาก็โดนดึงดูดจากร่างสูงทันที
ไม่เหมือนกัยฮันเสวี่ยที่สวยอ่อนโยน ผู้หญิงจากคลาส 3 เธอคือหยานเฟิงวู ทั้งเซ็กซี่และดูดุ!
พวกเขามีนิสัยที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาทุกคนสวยสุดๆ
หากฮันเสวี่ยเป็นดอกกล้วยไม้ที่โตที่หน้าผาแล้ว หยานเฟิงวูก็คงเป็นม้าที่ดุร้ายที่กำลังวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้าอย่างดุเดือด
“ไปกันเถอะ! ไปดูกัน!”
เย่หยูตามนักเรียนชายที่ลุ่มหลงไปยังพื้นที่ซ้อมของคลาส 3 แอบมองไปยังของสวยของงามตามธรรมชาติที่มีชื่อเล่นว่าวาลคิรี
เธอไม่ได้สวมยูนิฟอร์มของโรงเรียนมัธยมเซียงหยู แต่สวมชุดกีฬาแทน มันทำให้เห็นร่างที่ได้สัดส่วนอย่างชัดเจน
ผมยาวที่ผูกเป็นหางม้าถูกสางจนไปถึงเอวของเธอ
เธอมีสายตาที่เฉียบคมและคุณสมบัติสมส่วน นั้นทำให้เธอดูเหมือนวีรบุรุษเป็นพิเศษ
เธอมีขาที่เรียวยาวที่ดูทรงพลัง และรูปร่างที่สูงของเธอสูงกว่านักเรียนคนอื่นๆ เธอสูงเกือบ 180เซนติเมตร เหมือนกับเย่หยู
ตอนนี้ หยานเฟิงวูกำลังยืนอยู่สนามกระโดดสูง จ้องไปยังเสาสูงที่ตั้งอยู่ในแนวนอนด้วยดวงตาคู่ดำสนิท
เหมือนกับเสือชีตาร์ที่กำลังจ้องเหยื่อของมัน หยานเฟิงวูเตะลงไปที่พื้นด้วยขาอันเรียวงามที่ทรงพลังของเธอ ร่างของเธอลอยสูงอยู่บนอากาศ แล้วทิ้งส่วนโค้งเว้าอันสวยงามในอากาศในขณะที่เธอตกลงบนเบาะนุ่ม
“หวา!”
“ความสูงนี้มันเกือบสองเมตรเลย ใช่ไหม? เธอกระโดดข้ามมันได้ในทันทีเลยหรอ? นี่มันเกือบทำลายสถิติแล้วนะ!”
หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของเย่หยูร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ แม้แต่ตาก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเสาสูงแนวนั้น
นอกเหนือจากเขา นักเรียนชายที่มาจากคลาส 3 มองเขาด้วยความดูหมิ่น
“มันสำคัญอะไรหละ!? ตอนนี้แข่งวิ่งระยะร้อยเมตรของหยานเฟิงวูก็เท่ากับสถิติแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงวูไม่เข้าร่วมชุมนุมกีฬาครั้งนี้ ที่หนึ่งก็ควรเป็นของเธอนานแล้ว!”
เพื่อนร่วมชั้นของเย่หยูรู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อโดนมองด้วยความดูถูก เขายืดคอแล้วพูดว่า
“เทียบเย่หยูก็ไม่ได้! ความเร็ววิ่งระยะร้อยเมตรของเขาเร็วว่าสถิติโลกเสียอีก!”
เพื่อนร่วมชั้นของเย่หยูเพียงแค่เห็นความเร็วของเย่หยูที่วิ่งในระยะร้อยเมตร แต่ยังไม่รู้ผลแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็โกรธเด็กผู้ชายที่มาจากคลาส 3 และพูดไปตรงๆ
“ทำลายสถิติ? “
เด็กชายจากคลาส 3 หัวเราะออกมา
“นี่ฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
“จริงๆ! ยังไงเขาเร็วกว่าเธอ!”
“เด็กชายจากคลาส 1 ชี้ไปยังหยานเฟิงวูและพูดเสียงดัง”
เขาไม่ปล่อยให้ผู้ชายจากคลาส 3 พูด เมื่อหยานเฟิงวูได้ยิน แววตาของเธอก็เปล่งประกายและเธอก็เดินเขาไปหาผู้ชายที่มาจากคลาส 1
“เย่หยู? เขาเร็วกว่าฉันงั้นหรอ?”
หยานเฟิงวูมองไปยังผู้ชายที่มาจากคลาส 1 และมองดูด้วยความเหยียดหยาม แววตาของเธอเต็มไปด้วยออร่าความโกรธและพลัง
ภายใต้สายตาที่จ้องอยู่ของหยานเฟิงวู เขาหดหน้ากลับมาและหันไปมองข้างหน้าเย่หยูอย่างไม่สำนึก
“ฉะฉัน… พะพูดถูก ใช่ไหม ยังไงก็เถอะ ฉันก็เห็นว่ามันค่อนข้างเร็วอยู่”
หยานเฟิงวูมองตามสายตาของเด็กชายและเห็นเย่หยูที่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาที่มีแสงสะท้อนออกมา เขาถาม
“นายคือเย่หยู?”
เย่หยูมองไปยังสาวหล่อที่มีสเน่ห์ในเวลาเดียวกันที่มีออร่าน่าพิศวง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า
“ใช่แล้ว ฉันคือเย่หยู!”
หยานเฟิงวูมองเย่หยูหัวจรดเท้า จากนั้นก็ถามด้วยความอยากรู้ว่า
“ผลการวิ่งระยะร้อยเมตรได้เท่าไหร่?”
“ถ้าคะแนนของเธอเท่ากับสถิติโลก งั้นฉันก็เร็วกว่าเธอนิดหน่อย”
เมื่อหยานเฟิงวูได้ยิน แววตาของเธอก็ลุกโชนยิ่งขึ้น เธอเดินไปข้างหน้าแล้วจ้องเย่หยู
“จะเปรียบเทียบงั้นหรอ?”