บทที่ 155 สร้อยคู่แม่ลูกกัน

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมินท์ได้หัวเราะเยาะเย้ยทีนึง จากนั้นได้เอาลูกกุญแจดอกที่คุณย่าให้มานั้น ไปลองเปิดทีละห้อง

สุดท้ายได้เปิดประตูของห้องเก็บของออกอย่างประสบความสำเร็จ

มันก็ใช่ สิ่งของที่พอมีค่าทั้งหมดในวิลล่าล้วนถูกแม่เลี้ยงเอาไปขายหมดแล้ว แค่คิดก็รู้ว่านอกจากห้องเก็บของแล้ว ห้องอื่นไม่มีทางมีของเลย

มายมินท์ผลักประตูห้องเก็บออก ก็มีฝุ่นเตะจมูกมาเลย

เธอรีบเอามือปิดปากปิดจมูกไว้แล้วถอยหลัง มืออีกข้างได้ปัดไปมาอยู่ที่ตรงหน้า

ปัดไปครู่นึง ฝุ่นของอากาศตกตะกอนลงไป ที่นี้มายมินท์ถึงเปิดปล่อยมือที่ปิดปากกับจมูกไว้ แล้วเปิดไฟเดินเข้าไป

“โอ้แม่เจ้า!”มองดูห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยใยแมงมุมแถมยังยุ่งเหยิงแล้ว มายมินท์รู้สึกปวดหัว

ของเยอะขนาดนี้ จะหายังไง?

เธอชักจะอยากถอยแล้ว

แต่สุดท้าย มายมินท์ก็ได้ถอนหายใจทีนึง และฝืนเข้าไปคุ้ยหา เพราะไหนๆก็มาแล้ว ครั้งนี้ไม่หา ครั้งหน้าก็ต้องหาอยู่ดี

พอคุ้ยกล่องเทตู้ไปรอบนึง ได้ทำจนเสื้อผ้าหน้าผมของมายมินท์สกปรกมอมแมมไปหมด เหมือนเจ้าแมวน้อยตัวลายตัวนึง

แต่ดีตรงที่ ในที่สุดเธอก็หากล่องที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นกล่องที่คุณย่าบอกว่าใส่สร้อยไว้

นั่นเป็นกล่องหนังเล็กๆใบนึง ไม่ได้ล็อกเอาไว้ มายมินท์เปิดออกอย่างง่ายดาย

ด้านในมีของเยอะมาก และหลากหลายมาก มีพวกลิปกับรองพื้นของสิบกว่าปีก่อน และต่างหูกับกำไลข้อมือ

มายมินท์คุ้ยหา ในที่สุดก็คุ้ยเจอสร้อยเส้นนึง

“ใช่เส้นนี้หรือเปล่า?”เธอชูสร้อยขึ้น แล้วเอียงศีรษะมองดูอย่างละเอียด

ทั่วห้องเก็บของ นอกจากสร้อยเส้นนี้ก็ไม่มีสร้อยเส้นอื่นแล้ว ดูท่าคงจะเส้นนี้แล้วแหละ

แต่แค่สร้อยดำปี๋เส้นเดียว ได้ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่?

มายมินท์ได้วางสร้อยลงอย่างมึนงง และจิ้มหินโมราบนสร้อยทีนึง

ทันใดนั้น เธอได้หรี่ตาลงด้วยความสงสัย พบว่าแบบของสร้อยเส้นนี้คุ้นมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

เคยเห็นที่ไหนนะ?

มายมินท์หลุบตาคิดอยู่พักนึง จู่ๆได้เบิกตากว้าง “คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์!”

ใช่ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เนี่ยแหละ เธอเคยเห็นที่บนคอของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์

บนคอของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้ใส่สร้อยที่มีแบบใกล้เคียงกับสร้อยในมือของเธอ

เส้นนึง ตอนนั้นเธอยังรู้สึกว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รำลึกมิตรภาพเก่าๆ สร้อยที่แบบเก่าขนาดนั้น แถมความเงาทึบขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนอีก

ตอนนี้ดูท่า สร้อยคอเส้นที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ใส่เส้นนั้น ไม่ใช่เพียงแค่รำลึกมิตรภาพเก่าๆอย่างเดียว น่าจะยังมีสาเหตุอะไรอีก

แต่แค่ไม่รู้ว่าสร้อยเส้นนั้นของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เกี่ยวโยงอะไรกับเส้นที่อยู่ในมือของเธอ

แค่แบบคล้ายกันอย่างเดียวน่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้านหลังของจี้เส้นนี้ มีตัวอักษรDTอยู่

DTเป็นแบรนด์หรูระดับตัวต้นๆของโลก เครื่องประดับที่ผลิตออกมาล้วนมีหนึ่งเดียว ไม่มีทางมีสร้อยสองเส้นที่แบบคล้ายกันปรากฏในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นสร้อยสองเส้นนี้ ไม่ก็เส้นนึงเป็นของปลอม ไม่ใช่ของDT แต่เป็นก๊อปเกรดพรีเมี่ยม

ไม่ก็จะต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน

มายมินท์คิดๆแล้วได้เอาสร้อยใส่เข้าไปในกระเป๋า และไปจากวิลล่าอย่างไว

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอได้มาถึงห้างสรรพสินค้า แล้วเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์เครื่องประดับของDT

“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าต้องการอะไรคะ?” พนักงานเคาน์เตอร์ถามด้วยรอยยิ้ม

มายมินท์เอาสร้อยออกมาจากกระเป๋า “ฉันอยากลองสอบถามดูว่าสร้อยเส้นนี้ เป็นของร้านพวกคุณหรือเปล่าคะ?”

พนักงานเคาน์เตอร์รับสร้อยมาดูอย่างละเอียดพักนึง จากนั้นได้ยิ้มด้วยความเกรงใจ “คุณผู้หญิง ต้องขอโทษด้วยค่ะ สร้อยเส้นนี้ดูแล้วมีอายุนานขนาดนี้ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าใช่ของร้านเราหรือเปล่า เอาอย่างนี้มั้ยคะ คุณรอครู่นึง ฉันเอาไปให้หัวหน้าร้านของเราลองดูค่ะ”

“ได้ค่ะ” มายมินท์พยักหน้า

พนักงานเคาน์เตอร์ได้ชงกาแฟให้เธอแก้วนึง จากนั้นก็ได้ไปหาหัวหน้าร้านที่ด้านหลังเลย

มายมินท์ยกกาแฟขึ้นมาจิบไปด้วย และรอคอยอย่างมีความอดทนไปด้วย

รอไปประมาณสิบกว่านาที เธอได้เห็นหัวหน้าร้านกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ของก่อนหน้านี้เดินออกมา

“คุณผู้หญิง สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณเหรอคะ?”หัวหน้าร้านถาม

มายมินท์พยักหน้า “พูดอย่างแม่นยำกว่าคือ เป็นสร้อยที่พ่อฉันทิ้งไว้ให้ค่ะ”

“ที่แท้แบบนี้นี่เอง”หัวหน้าร้านยิ้ม แล้วเอาสร้อยวางไว้บนผ้ากำมะหยี่สีดำ “คุณผู้หญิงคะ สร้อยเส้นนี้เป็นของร้านเราจริงค่ะ เมื่อครู่ฉันได้ตรวจสอบในฐานข้อมูลของเราไปครู่นึง สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยที่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คุณผู้ชายที่คนตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ได้ให้ดีไซน์ของเราออกแบบให้โดยเฉพาะค่ะ”

“คนตระกูลภักดีพิศุทธิ์?” มายมินท์นึกถึงคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้วแววตาระยิบระยับ “เยี่ยมบุญ?”

“ใช่ค่ะ ตามที่ข้อมูลปรากฎ ตอนนั้นภรรยาของคุณเยี่ยมบุญได้คลอดลูกสาวออกมาคนนึง คุณเยี่ยมบุญเลยให้ดีไซน์เนอร์ของแบรนด์เราออกแบบสร้อยคู่แม่ลูกให้กับภรรยาและลูกสาวของเขาโดยเฉพาะ ก็คือแบบที่คุณกำลังถามอยู่นี่ค่ะ และสร้อยเส้นที่อยู่ในมือคุณคือสร้อยของผู้เป็นลูกสาวค่ะ” หัวหน้าร้านตอบ แต่ในใจกลับลังเล

คุณเยี่ยมบุญเป็นคนสั่งทำสร้อยคอ คุณผู้หญิงท่านนี้บอกว่าพ่อเป็นคนให้ งั้นคุณเยี่ยมบุญก็ควรจะเป็นพ่อของเธอสิ

แต่เธอกลับเรียกชื่อเต็มของคุณเยี่ยมบุญ แถมน้ำเสียงยังค่อนข้างเย็นชาด้วย

หรือว่าความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกไม่ดี?

มายมินท์ขมวดคิ้วแน่น

สร้อยคอสองเส้นนี้มีความเกี่ยวข้องกันจริงด้วย เส้นของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์คือสร้อยของผู้เป็นแม่ ส่วนเส้นที่อยู่ในมือเธอนี้คือเส้นของลูกสาว

งั้นพูดแบบนี้แล้ว สร้อยคอเส้นที่ในมือของเธอน่าจะเป็นของส้มเปรี้ยว แต่ทำไมถึงไปอยู่ที่ตระกูลกิตติภัคโสภณได้ล่ะ?

ยี่สิบกว่าปีก่อน ระหว่างตระกูลกิตติภัคโสภณกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?

มายมินท์กัดริมฝีปากล่าง

ดูท่าจะรู้ความลับที่อยู่เบื้องหลังของสร้อยคอเส้นนี้ให้ชัดเจน ก่อนอื่นต้องรู้ชัดเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลกิตติภัคโสภณกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

ถามตระกูลภักดีพิศุทธิ์โดยตรงมันเป็นไปไม่ได้ ตระกูลภักดีพิศุทธิ์อาจจะไม่พูดเสมอไป เพราะฉะนั้นเธอจะต้องตรวจสอบด้วยตัวเองเท่านั้น

“ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ รบกวนพวกคุณล้างสร้อยเส้นนี้ให้หน่อยได้มั้ยคะ?”มายมินท์ถามด้วยรอยยิ้ม

หัวหน้าร้านพยักหน้า “ได้สิคะ”

เธอเอาสร้อยยื่นให้กับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่อยู่ข้างๆ ให้เอาสร้อยไปล้าง

กระบวนการล้างสร้อยไวมาก มายมินท์รอไม่ถึงสองนาทีก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็ได้ซื้อต่างหูคู่นึงถึงจากไป

เธอเพิ่งไปได้ไม่นาน คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ได้มาถึงที่ร้าน

หัวหน้าร้านได้มาต้อนรับด้วยตนเอง “คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์คะ กำไลข้อมือที่คุณสั่งเอาไว้คราวก่อนมาแล้วค่ะ ฉันจะไปเอามาให้คุณเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

“ได้” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

หัวหน้าร้านไปเปิดตู้เซฟ เอากำไลหยกสีเขียวน้ำงามออกมาวงนึง “คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลองดูสิคะว่าพึงพอใจหรือเปล่า?”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์หยิบกำไลขึ้นมามองดูอย่างละเอียดรอบนึง รอยยิ้มได้ลึกขึ้นไม่น้อยเลย “ไม่เลวเลย ฉันใส่โดยตรงเลยดีกว่า”

“ฉันช่วยคุณค่ะ”

“ไม่ต้อง ฉันใส่เอง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือของหัวหน้าร้าน เธอได้สอดใส่เข้าไปที่ข้อมือของตนเอง

หัวหน้าร้านก็ไม่ฝืนใจ ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มอ่อนๆไว้

ขณะนี้ หัวหน้าร้านเห็นสร้อยที่อยู่บนคอของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้วพูดว่า:“คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เคยได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าคุณส้มเปรี้ยวสวยมาก เมื่อครู่พอเห็นกับตาแล้วจริงอย่างที่ลือด้วยค่ะ ดวงตาเหมือนคุณไม่มีผิดเลย”

ได้ยินหัวหน้าร้านชมลูกสาว คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยิ่งยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “ขอบคุณสำหรับคำชมนะ เมื่อครู่ส้มเปรี้ยวได้มานี่?”

ส้มเปรี้ยวน่าจะเป็นชื่อของคุณส้มเปรี้ยวมั้ง

หัวหน้าร้านคิดๆแล้วได้พยักหน้า “ใช่ค่ะ มาถามเรื่องสร้อยค่ะ ว่าไปแล้วก็แปลกนะคะ รู้สึกเหมือนคุณส้มเปรี้ยวไม่รู้เลยว่าสร้อยของเธอกับสร้อยที่คุณใส่อยู่ จะเป็นสร้อยคู่แม่ลูกกัน”

ได้ยินคำพูดนี้ กำไลที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยังไม่ได้ใส่เข้าไป ก็ได้ตกใส่บนเคาน์เตอร์เฉยเลย ได้ส่งเสียงกระทบที่ดังแกร๊ง

หัวหน้าร้านเห็นแล้วใบหน้าได้มีความเจ็บปวดใจแว๊บผ่าน รีบเอากำไลหยกขึ้นมาตรวจสอบดูอย่างละเอียด ดูซิว่าตรงไหนมีรอยแตกร้าวหรือเปล่า

“เมื่อกี๊คุณว่าอะไรนะ?คุณบอกว่าส้มเปรี้ยวเอาสร้อยเส้นที่เป็นของลูกสาวมาถามคุณ?”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จ้องหัวหน้าร้านไว้ไม่คลาดสายตา พร้อมถามด้วยเสียงที่ค่อนข้างเร่งรีบ

หัวหน้าร้านไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป ได้พยักหน้าด้วยความข้องใจ “ใช่ค่ะ”

“เป็นไปไม่ได้!” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ส่ายหัวรัวๆ

สร้อยเส้นที่เป็นของลูกสาว เป็นสร้อยที่เธอกับเยี่ยมบุญให้ชวนชม สุดท้ายได้หายสาบสูญไปพร้อมกับการตายของชวนชม งั้นส้มเปรี้ยวจะมีสร้อยเส้นนั้นได้ยังไง

เพราะฉะนั้นคนที่มาถามเรื่องสร้อยไม่ใช่ ส้มเปรี้ยวแน่นอน หรือจะเป็นชวนชม?

ชวนชมยังมีชีวิตอยู่?

พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ได้จับมือของหัวหน้าร้านไว้แน่น คนทั้งคนอารมณ์ดูตื่นเต้นสุดขีด “เมื่อกี๊คุณยังบอกว่า ดวงตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนของฉันมากใช่มั้ย?