DC บทที่ 208: ความวุ่นวายภายในนิกายดอกบัวเพลิง

 

ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในนิกายดอกบัวเพลิงเมื่อซูหยางเผชิญกับผู้มีฝีมือนับร้อยด้วยตัวคนเดียว ส่งร่างคนปลิวว่อนไปทั่วพื้นที่โดยไม่สนใจพลังการฝึกปรือของพวกเขาแม้แต่น้อย

 

จากศิษย์หลักเขตสัมมาวิญญาณไปจนถึงผู้อาวโสเขตปฐพีวิญญาณ ซูหยางไม่ได้แสดงความเมตตาโจมตีพวกเขาด้วยแรงที่เท่ากัน ทำราวกับว่าพวกเขาเป็นหุ่นสำหรับซ้อมมือ

 

“ฝ่ามือดอกบัวเพลิงพิฆาตระดับสูง”

 

“เตาหลอมแผดเผา”

 

“ฝนร้อยบัว”

 

วิชามากกว่าหลายสิบวิชาสำแดงเดชมุ่งไปยังซูหยางซึ่งกำลังวุ่นวายกับการรับมือศิษย์คนอื่น

 

บูม

 

เกิดการระเบิดขึ้นขนานใหญ่ตรงตำแหน่งที่ซูหยางยืนอยู่ ฝุ่นควันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหนือนิกายดอกบัวเพลิง เป็นเหตุให้ศิษย์คนอื่นและผู้อาวุโสนิกายที่อยู่ภายในนิกายคิดว่าพวกเขาถูกโจมตี

 

การระเบิดทำให้พื้นดินสั่นสะท้านและในขณะที่เหล่าศิษย์เชื่อว่าซูหยางตกตายไปแล้วจากการโจมตีที่รุนแรง ก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วพื้นที่

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า มีอะไรผิดพลาดกับนิกายดอกบัวเพลิงรึ หรือว่านี่เป็นทุกอย่างที่พวกเจ้าทำได้” ซูหยางกระโดดออกมาจากกลุ่มฝุ่นควันพร้อมกับหัวเราะ ดูไม่มีแม้รอยขีดข่วนกับวิชามากมายที่โจมตีไปยังเขาก่อนหน้านี้

 

“นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่มีแม้แผลสักรอยบนตัวเขา”

 

ผู้คนบริเวณนั้นล้วนปากอ้าค้างด้วยความตระหนกเมื่อพวกเขาพบว่าร่างกายของซูหยางยังสมบูรณ์แม้ว่าจะโดนโจมตีเข้าไปโดยตรง

 

สิ่งที่ควรจะฆ่าผู้มีฝีมือเขตอัมพรวิญญาณได้อย่างง่ายดายไม่อาจแม้จะทำให้เสื้อผ้าบนร่างซูหยางเสียหาย อย่าว่าแต่จะฆ่าเขา อีกทั้งยังถูกอีกฝ่ายหัวเราะเยาะหลังจากพบเห็นความจริง ดูเหมือนว่าเขาจะสนุกสนานไปกับฉากวุ่นวายนี้

 

“บ้าแล้ว เจ้าชั่วนั่นเป็นสัตว์ประหลาด อย่ายั้งมือ ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเจ้ามีกับเขา”

 

วิชามากมายยิ่งกว่านั้นจู่โจมเข้าไปยังซูหยาง แต่ซูหยางเพียงแค่โบกชายเสื้อเปลี่ยนทิศทางการโจมตีของวิชาเหล่านั้นไปยังทิศทางอื่น เป็นเหตุให้เกิดการโจมตีพวกเดียวกัน

 

“ห-หยุด หยุดการใช้วิชา พวกเราเพียงทำร้ายตนเองเท่านั้น”

 

ผู้คนบริเวณนั้นต่างพบว่าวิชาเหล่านั้นไร้ประโยชน์ต่อซูหยางและเปลี่ยนเป็นพุ่งตรงเข้าหาเขาด้วยอาวุธแทน

 

อาวุธวิญญาณปรากฏขึ้นทั่วทุกทิศทาง จนทำให้เกิดบรรยากาศอันลึกล้ำปกคลุมที่นั่น

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้เห็นอาวุธวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมด ซูหยางไม่ได้นำเอาอาวุธของตนเองออกมา เพียงต่อสู้กับพวกเขาด้วยมือเปล่า

 

ติ๊ง

 

ดิ๊ง

 

แคร้ง

 

“อ-อ-อาวุธวิญญาณของข้า เขาทำลายอาวุธวิญญาณของข้าด้วยมือเปล่า”

 

“อาาา ของรักของข้า เขาหักมันเป็นหลายท่อนเพียงหมัดเดียว”

 

ผู้คนบริเวณนั้นรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกเมื่อพวกเขาพบว่าแม้กระทั่งสมบัติวิญญาณก็ไม่สามารถทำร้ายซูหยางได้

 

พวกเขาล้วนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับสัตว์อสูร ไม่ใช่ กระทั่งสัตว์อสูรยังมีจุดอ่อนของตนเอง ซูหยางคล้ายกับภูเขาที่ทำมาจากเหล็กกล้า บางสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นวิชาหรือสมบัติวิญญาณไม่อาจทำอันตรายได้

 

ส่วนสำหรับซูหยาง เขาทำเหตุการณ์นี้เหมือนกับว่าเป็นเพียงการทะเลาะวิวาทในงานเลี้ยงใหญ่ในขณะที่ทุกคนกำลังมึนเมา อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะโจมตีโดยไร้ความปราณี เขาไม่ได้โจมตีด้วยความคิดฆ่าฟัน

 

ส่วนมากแล้วก็จะมีเพียงบางคนที่ซี่โครงแขนขาหัก แต่ไม่มีใครในนั้นที่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นคุกคามต่อชีวิต นั่นเป็นวิธีแสดงความ “เมตตา” แบบซูหยาง ถ้าเขาต้องการที่จะสร้างศัตรูกับนิกายดอกบัวเพลิงจริงๆ เขาสามารถฆ่าทุกคนที่นั่นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวด้วยแมงป่องดำ

 

ผู้อาวุโสหานก็สังเกตเห็นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกน “หยุด หยุด หยุด พวกเจ้าทุกคนหยุด ยับยั้งการเคลื่อนไหวของพวกเจ้า”

 

เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสนิกายต่างพากันหยุดการโจมตีซูหยางในทันทีและเว้นระยะห่างออกมาจากเขา ทั้งยังแอบขอบใจผู้อาวุโสหานที่หยุดพวกเขา ในเมื่อพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนสูญเสียความคิดต่อสู้กับซูหยางไปแล้ว กระทั่งหวาดกลัวเขาราวกับว่าเขาเป็นฝันร้ายที่ร้ายที่สุด

 

ครั้นเมื่อพวกเขาหยุดโจมตีเขา ซูหยางก็ยืนสงบนิ่งอยู่ที่นั่นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับว่าเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการเดินเล่นในสวนสาธารณะ

 

ในเวลานั้นจางซิวยิงผู้ซึ่งถูกผลักไปอยู่เบื้องหลังก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นก็ได้จ้องมองซูหยางด้วยดวงตาแลปากเปิดกว้างเหมือนจานรองแก้ว เช่นเดียวกับทุกคน เธอไม่อาจเชื่อกับสิ่งที่เธอมองเห็น

 

คนคนเดียวสามารถรับมือกับนิกายดอกบัวเพลิงเกือบทั้งหมดสำนักด้วยตัวเอง โดยไม่ได้รับบาดเจ็บบนร่างกายแม้แต่น้อย คงไม่มีใครเชื่อเหตุการณ์นี้นอกจากว่าพวกเขารับรู้ด้วยตาของตนเอง แต่แม้กระทั่งพวกเขาอยู่ที่นี่และได้พบเห็น พวกเขาก็คงยังสงสัยดวงตาของตนเองอยู่ดี

 

“ความคิดที่ว่า…ข้ามิอาจไปได้ถ้าเจ้ามิอนุญาตให้ข้าไป… เจ้ายังคงเชื่อเช่นนั้นอยู่หรือไม่” ซูหยางถามผู้อาวุโสสูงสุดหานพร้อมหรี่ตา มือไพล่หลัง

 

เหงื่อเม็ดโตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดหานเมื่อได้ยินคำถาม และภายใต้การจ้องมองของเหล่าศิษย์นับร้อยตรงนั้น เขาส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ กล่าวว่า “โปรดละเว้นนิกายดอกบัวเพลิง นี่เป็นความผิดของข้า ดังนั้นข้าจักรับผิดชอบทั้งหมด กระทั่งท่านต้องการชีวิตของข้า ข้าก็จักมิปฏิเสธ”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดหานค้อมกายคารวะซูหยางและพูดด้วยเสียงจริงใจ เขาไม่คิดว่าซูหยางจะยกโทษให้กับนิกายของเขาหลังจากเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น แต่ถึงแม้ซูหยางอาจจะยกโทษให้เขาและนิกาย เขายังคงเสียใจที่ไปล่วงเกินคนอย่างซูหยางต่อจากนี้ไปอีกนานหลายปี

 

หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็อ้าปากพูด แต่ก่อนที่จะมีคำพูดใดออกมา เสียงอื่นก็ดังขึ้นมาในพื้นที่เสียก่อน

 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่”

 

ชายวัยกลางคนปรากฏตัวจากที่ไกล ข้างกายมีหญิงสาวสวมชุดศิษย์หลัก

 

“ผ-ผ-ผู้นำนิกาย”

 

“ศิษย์พี่หญิงหลิน”

 

ผู้นำนิกายของนิกายดอกบัวเพลิงได้ตัดสินใจที่จะปรากฏตัวด้วยตนเองที่นี่หลังจากที่มีความปั่นป่วนวุ่นวายมหาศาลที่สั่นสะเทือนไปทั้งนิกายไปหลายนาที ข้างกายเขาคือหลินเฉาชางหนึ่งในศิษยหลักไม่กี่คนที่เป็นศิษย์โดยตรงของผู้นำนิกาย วันนี้เป็นตาของเธอที่จะรับการอบรมจากผู้นำนิกาย แต่เพราะว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จึงถูกตัดไป ดังนั้นจึงมีท่าทางไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของเธอ