ตอนที่ 1152 ตระกูลโม่ติดค้างฉันไว้!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ผู้อาวุโสหนานกงจะกลับบ้านตระกูลหนานกง

คนที่เกี่ยวข้องต่างรู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ระเบิดที่โรงถ่ายของไห่รุ่ย แต่ไม่มีใครเสียชีวิต ความพยายามของผู้อาวุโสหนานหงจึงสูญเปล่า เขานึกไม่ถึงว่าผู้หญิงของโม่ถิงจะแตกต่างจากคุณหญิงคุณนายกลวงๆ โดยทั่วไป เพราะเธอคอยระวังตัวอย่างเต็มที่

หลังจากเหตุการณ์นี้ เฉียวมั่นถามถังหนิงที่โรงถ่ายทำใหม่ของพวกเขา “คุณโทรมาหาฉันให้ยกเลิกฉากระเบิดเพราะมีลางว่าจะมีอันตรายหรือเปล่าคะ”

ถังหนิงพยักหน้าน้อยๆ “พูดตามตรงช่วงนี้เรามีเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ”

เมื่อได้ยินคำตอบของถังหนิง เฉียวมั่นก็ยกยิ้ม “ตอนนี้คุณรับรองว่าทีมงานจะปลอดภัยได้ใช่ไหมคะ”

ถังหนิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงค่ะ ตอนนี้ทุกคนที่เข้าออกโรงถ่ายต้องผ่านด่านรักษาความปลอดภัย ต่อให้เป็นตัวประกอบก็ต้องผ่านขั้นตอนนี้ คงไม่เสี่ยงกันอีกแล้วล่ะค่ะ”

“ในเมื่อคุณออกปากมาเองฉันก็เชื่อใจคุณค่ะ ส่วนความขัดแย้งส่วนตัว ฉันเชื่อว่าพวกคุณแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แล้วเจ้าหน้าที่วางระเบิดก็เป็นตัวปัญหาด้วยไม่ใช่เหรอคะ”

ถังหนิงพยักหน้าให้อีกครั้ง

“ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าการแข่งขันในวงการจะเลยเถิดมาถึงจุดนี้”

เฉียวมั่นคิดว่าเป็นแค่เรื่องของคู่แข่ง หากแต่ถังหนิงไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ด้วยผู้อาวุโสหนานกงถูกลากมาอยู่ในที่แจ้ง ตอนนี้ก็จัดการเรื่องนี้ได้ง่ายแล้ว

หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โม่ถิงก็ยิ่งเข้มงวดกับทีมงานทุกคนที่ไห่รุ่ย ไม่นานผลการสืบของฟังอวี้ก็ได้มาถึงโต๊ะทำงานของโม่ถิง “ประธานโม่ครับ นี่คือสิ่งที่คุณต้องการครับ”

“นายคงได้ยินว่าผู้อาวุโสหนานกงถูกปล่อยตัวมาจากเรือนจำแล้ว ใช้เครือข่ายและเส้นสายของเราจับตาดูเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขามีโอกาสลงมืออีก” โม่ถิงสั่ง “ฟังอวี้ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากนะ นายต้องเข้าใจว่ามันเกี่ยวกับความปลอดภัยของตระกูลโม่”

ฟังอวี้พยักหน้ารับก่อนกอดอกด้วยท่าทีจริงจัง “ตั้งแต่ที่คุณสั่งผมมาโดยตรงโดยไม่ผ่านลู่เช่อ ผมก็สัมผัสได้ถึงความจริงจังแล้วครับ”

“ถ้ามีอะไรน่าสงสัยก็ลงมือเลย ไม่ต้องยั้งมือ”

“เข้าใจแล้วครับ” ฟังอวี้ตอบกลับอย่างเอาจริงเอาจัง

โม่ถิงไม่ต้องการให้ลู่เช่อเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยรู้ว่าผู้อาวุโสหนานกงจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของลู่เช่ออยู่ และเจ้าตัวคงไม่อาจทำสิ่งใดได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือลู่เช่อเป็นคนค่อนข้างซื่อตรง พูดได้อีกอย่างว่าเขาตอบโต้ได้ไม่รวดเร็วเท่ากับฟังอวี้

ฟังอวี้ถึงได้ขึ้นแท่นเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์มานานหลายปี และผู้คนเชื่อว่าคงไม่มีข่าวใดที่เขาจะจัดการให้จบลงด้วยดีไม่ได้

ตอนนี้ฟังอวี้เป็นรองประธานของไห่รุ่ย แต่หลายครั้งโม่ถิงก็จะฝากฝังเรื่องสำคัญไว้กับเขา

หลังฟังอวี้ออกไป โม่ถิงก็เดินมาที่หน้าต่างบานยาว ตาทอดมองออกไปไกลๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนเห็นอกเห็นใจขนาดนี้ได้อย่างไร หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะทำลายผู้อาวุโสหนานกงให้พังพินาศไปแล้ว

เพราะถังหนิงเขาเลยยอมอ่อนลงมาก…

ไม่นานหลังจากนั้น ไห่รุ่ยปล่อยแถลงเรื่องผลการสืบสวนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและยืนยันว่ามีคนเจตนาวางระเบิด ทั้งยังชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่วางระเบิดปลอมตัวเข้ามาในทีมงานของไห่รุ่ยได้อย่างไรอีกด้วย

ตำรวจตามสืบต่อไป หากแต่สาธารณชนได้ออกมาคาดเดาอย่างไม่เกรงกลัวบ้างแล้ว

ใครจะมีเรื่องบาดหมางใหญ่โตขนาดนี้กับตระกูลโม่กัน

จะเป็นใครไปได้นอกจากตระกูลหนานกงใช่ไหมล่ะ

[ถ้าเป็นฝีมือของตระกูลหนานกงจริง พวกเขาก็ต่ำช้าเกินไปแล้วจริงๆ]

[พวกเขาเผาโรงถ่ายหนังได้ยังไงกัน โชคดีที่ไม่มีใครตาย…]

[ฉันว่าพอนายใหญ่มาปะทะกับนายใหญ่ การระเบิดเลยถูกเอามาใช้ละมั้ง]

ผู้คนบนโลกออนไลน์เริ่มวิพากษ์วิจารณ์และเพ็งเล็งไปที่หนานกงเฉวียนจากชุนชิว

ทว่าชุนชิวไม่ได้ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด เพราะว่าโม่ถิงกับหนานกงเฉวียนเข้าใจกันดี พวกเขารู้ว่าหากผู้คนจับตามองตระกูลหนานกง ผู้อาวุโสหนานกงจะต้องอยู่เฉยๆ

หนานกงเฉวียนเคยจินตนาการภาพที่เขาจะได้เจอกับปู่ของเขาอีกครั้งไว้หลายแบบ หากแต่นี่ไม่ใช่หนึ่งในนั้น

เขามองอีกฝ่ายอย่างรังเกียจในห้องทำงานตัวเองพลางคีบบุหรี่ไว้

แน่นอนว่าเมื่อไม่ได้ปลอมตัว ทั้งผมสีขาวโพลนและปานดำบนหลังมือของผู้อาวุโสหนานกงนั้นเห็นได้ชัดเจน ตอนนี้เขาดูเหมือนคนที่มาจากแวดวงใต้คิดมากยิ่งขึ้น

“หลานชายที่รักของปู่ ปู่กลับมาทั้งทีแต่ดูท่าทางแกเข้าสิ ดูไม่ค่อยพอใจเลยนะ”

หนานกงเฉวียนวางเอกสารในมือลงและมองชายแก่ก่อนจะเอ่ยเข้าเรื่อง “ปู่ครับ ปู่อายุปาเข้าไปเจ็ดสิบแล้ว อยู่เฉยๆ แล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่านะครับ…”

“แต่แย่หน่อยนะ ข้อต่อฉันยังไม่เสื่อมน่ะสิ ฉันยังขยับไปไหนมาไหนได้อยู่” ชายสูงวัยหัวเราะ “ฉันรู้ว่าหลานชายที่รักของฉันกำลังจะแต่งงานแล้วก็มีลูกสาวที่น่าเอ็นดู แกกำลังจะบ่นว่าฉันน่ารำคาญและบอกฉันว่าตัวเองไม่น่าออกมาจากคุกงั้นเหรอ”

“ปู่ครับ นอกจากเสี่ยวต้านเขอ ปู่ก็เป็นญาติคนเดียวของผม แต่ผมไม่สามารถยอมให้ปู่ตามล้างแค้นตระกูลโม่ได้หรอกนะครับ ปู่กำลังวางแผนทำบางอย่างอยู่ใช่ไหม”

“ตระกูลโม่ติดค้างฉันไว้! พวกเขาสมควรต้องชดใช้…”

“ไม่มีใครติดค้างปู่ทั้งนั้นแหละ ในโลกนี้ไม่มีที่สำหรับความร้ายกาจหรอกครับ ปู่ไม่รู้ตัวว่าเมื่อก่อนทำอะไรลงไปบ้างเหรอ ต่อให้ไม่มีตระกูลโม่ ก็ยังมีตระกูลจางแล้วก็ตระกูลหลี่ จุดจบเดียวของปู่ก็คือถูกทำลายอยู่ดี” หนานกงเฉวียนเอ่ยอย่างเย็นชา

“แกจะมาบงการสิ่งที่ฉันทำไม่ได้หรอก”

“ครับ ความสามารถของผมมีจำกัด แต่ผมก็จะไม่นั่งอยู่เฉยๆ หรอก…” หนานกงเฉวียนว่าอย่างมั่นอกมั่นใจพลางปรายตามองปู่ตัวเอง “อย่าบีบให้ผมต้องหักหลังตระกูลตัวเองเลยครับ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสหนานกงหลุดขำออกมา “เป็นพ่อพระอะไรอย่างนี้…แกไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรคู่หมั้นแกหรือยังไง”

“ผมไม่ยอมจำนนให้สิ่งที่รู้ว่าเป็นเรื่องผิดหรอก หลายปีก่อนผมแทงใครบางคนที่อเมริกาแล้วก็ต้องเข้าคุก มาถึงวันนี้ผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ผมไม่ได้ขี้ขลาด แต่เป็นปู่นั่นแหละ เพราะว่าปู่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง”

“เยี่ยม เยี่ยมไปเลย”

ทั้งสองคนจ้องกันเขม็งพร้อมประกายไฟในแววตา สุดท้ายชายแก่จึงยอมแพ้ “แกไม่ใช่คนที่เข้าคุกซะหน่อย แกไม่มีทางเข้าใจว่าฉันรู้สึกยังไงหรอก…”

หนานกงเฉวียนรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์จะพูดกับปู่ของเขาอีกต่อไป จึงเรียกผู้ช่วยตัวเองเข้ามา “พาผู้อาวุโสหนานกงไปที่บ้าน ฉันเตรียมจัดการไว้แล้ว”

“ไม่จำเป็นหรอก ฉันอยู่คนเดียวสบายใจกว่า”

พูดจบชายแก่ก็หันหลังเดินจากไป ทว่าหนานกงเฉวียนพูดรั้งเขาไว้ “ลุงชิวตายเพราะปู่หรือเปล่า”

“เป็นความผิดของเขาที่จิตใจอ่อนแอเองต่างหาก”

“ยี่สิบปีก่อนปู่เอาชนะผู้อาวุโสโม่อย่างใสสะอาดไม่ได้ ตอนนี้พอยี่สิบปีต่อมา ปู่ก็ยังพยายามใช้วิธีสกปรกเอาชนะตระกูลโม่อีก ปู่ครับ มีแค่หนูกับแมลงสาบที่ทำเรื่องน่าขยะแขยงขนาดนี้ ปู่จะทำอย่างนี้ไปทั้งชีวิตจริงๆ เหรอครับ”

ชายสูงวัยหัวเราะก่อนโบกมือให้

เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าการเจอกันของพวกเขาคงไม่ลงเอยด้วยดี

อย่างไรเสียคุณค่าของพวกเขาก็ผิดกันลิบลับ…