ตอนที่ 74 ทำแบบนี้ถูกหรือเปล่า?

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

“อืม” กู้จิ้งซึ่งตั้งใจแกล้งเขาให้ถึงที่สุดกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม “คืนนี้เรามาลองดูดไอหยางกัน ดีไหม?”

เซียวเถี่ยเฟิงชะงัก ตามองกู้จิ้งด้วยความสงสัย

ดูดไอหยาง เขาไม่ถือสา หากดีต่อนาง ดูดไปมากแค่ไหนเขาก็ไม่ว่าอยู่แล้ว

แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า แววตาของนางเหมือนกับคนที่กำลังวางแผนฆ่าสามีอยู่นะ?

เซียวเถี่ยเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เวทศาสตรานี่ใช้ยังไงหรือ?”

กู้จิ้งแอบยิ้มตรงมุมปาก จากนั้นก็รีบวางท่าลึกลับ “นายนั่งอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันจะสอนให้”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเถี่ยเฟิงนั่งแหงนหน้า ส่วนกู้จิ้งอยู่ในท่ากึ่งคุกเข่า มือถือ ‘เวทศาสตราสำหรับดูดไอหยาง’ เอาไว้

เซียวเถี่ยเฟิงรู้สึกว่าเวทศาสตรานั้นทั้งเย็นทั้งเหนียวทั้งลื่น ไม่สบายตัวเลยสักนิด สุดท้ายก็อดกัดฟันถามไม่ได้ “นี่…นี่กำลังดูดไอหยางอย่างนั้นหรือ?”

ความรู้สึกนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก

กู้จิ้งพยายามดึงลง แต่สวมอยู่นานก็ไม่สำเร็จเสียที

เธอเองก็เริ่มสงสัย ทำแบบนี้ถูกหรือเปล่า? ก็แค่สวมลงไป มีอะไรยากตรงไหนกัน?

เอาใหม่ๆๆ!

กู้จิ้งตั้งหน้าตั้งตาทำต่อ เซียวเถี่ยเฟิงกลับเริ่มจะทนไม่ไหว

ทำไมถึงได้อึดอัดแบบนี้? อึดอัดแทบตายแล้ว? นี่กำลังดูดไอหยางอยู่อย่างนั้นหรือ?

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้จิ้งก็ถอนใจโล่งอก “เอาล่ะ สำเร็จแล้ว ต่อจากนี้เราก็มาลองดูกัน”

สีหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงแทบจะดูไม่ได้ “ลองแบบนี้งั้นรึ?”

กู้จิ้งวางท่าเป็นการเป็นงาน “ฉันสวมเวทศาสตราสำหรับดูดไอหยางให้นายแล้ว ตอนนี้เรามาเริ่มดูดกันเถอะ!”

มุมปากเซียวเถี่ยเฟิงกระตุก จากนั้นจึงกล่าวอย่างยากลำบาก “ได้…”

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงเข้าประจำที่ จัดท่าให้พร้อม เขาตัดสินใจจะเริ่ม

แต่ในตอนนั้นเอง กู้จิ้งกลับได้ยินเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น

เธอหันไปมองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เวทศาสตราสำหรับดูดไอหยาง มัน…มัน…มันถูกดันให้ขยายจนแตกไปแล้ว!

เซียวเถี่ยเฟิงรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก เขาขมวดคิ้วมองเวทศาสตราที่ระเบิดไปแล้ว “นี่คือ?”

กู้จิ้งเงียบไปพักใหญ่กว่าจะหาลิ้นของตัวเองเจอ

“เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยดูด… ดูท่าไอ้นี่จะมีขนาดเล็กขนาดใหญ่นะ…”

 

วันนี้ กู้จิ้งกำลังศึกษาน้ำมันหอมระเหยของเธอ

ส่วนเซียวเถี่ยเฟิงกำลังลับมีดอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็ได้ยินคนตะโกนขึ้นที่นอกบ้านว่า “ผู้น้อยมารบกวนต้าเซียน ขอให้ต้าเซียนไปเป็นประธานการแต่งงานของข้าด้วย”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้ง “งานแต่งงานก็ต้องให้ฉันไปด้วยรึ?”

เธอไม่ใช่ต้าเซียนปีศาจแล้วก็หมอหรอกหรือ ทำไมถึงได้กลายเป็นแม่สื่อ แถมยังเป็นคนที่ต้องกล่าวอวยพรในงานแต่งงานด้วย?

เซียวเถี่ยเฟิงเองก็ประหลาดใจ เขาออกไปถามดูถึงได้รู้ว่า คนที่มาครั้งนี้คือจ้าวซานชิวซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เขากำลังจะแต่งงานกับเซียวหงอวี่ซึ่งอยู่ข้างบ้าน เซียวหงอวี่สนิทสนมกับครอบครัวของเซียวเป่าถัง ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของกู้จิ้งมาไม่น้อยก็เลยอยากให้ต้าเซียนไปเป็นประธานการแต่งงาน จะได้โชคดี

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้คนที่รับหน้าที่นี้บ่อยๆ คือจ้าวฝูชาง แต่เพราะเขาคิดทำร้ายผู้อื่น ซ้ำทุกคนได้เห็นเขาคุกเข่าโขกศีรษะขออภัยผู้อื่น เสียหน้าถึงเพียงนั้น ใครยังจะเชิญเขาอีก ดังนั้นสายตาของทุกคนจึงเบนไปที่ซูเปอร์สตาร์คนใหม่…ต้าเซียนกู้จิ้ง

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่เห็นฝ่ายตรงข้ามพร่ำขอร้อง เธอก็ยอมรับปาก

“ประธานงานแต่งงานต้องทำอะไรบ้างหรือ? ฉันไม่รู้อะไรสักนิด” พออีกฝ่ายจากไป เธอก็รีบหันไปถามเซียวเถี่ยเฟิง

“จริงๆ ก็ไม่มีอะไร แค่หนึ่งไหว้ฟ้าดินสองไหว้พ่อแม่ ถึงเจ้าจะเป็นประธาน แต่ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่นั่งอยู่ตรงนั้น เขาบอกให้ทำอะไรเจ้าก็ทำเท่านั้นก็พอ”

เซียวเถี่ยเฟิงคิดว่าเธอเป็นปีศาจน้อยที่มาจากโลกปีศาจ ย่อมไม่รู้เรื่องในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงอธิบายให้เธอฟังว่ามนุษย์แต่งงานกันอย่างไร ถึงเวลาเธอควรทำอะไร

กู้จิ้งฟังแล้วถึงได้เข้าใจ

เธอจะไปร่วมงานแต่งงานของคนอื่นเป็นครั้งแรกย่อมต้องแต่งตัวสวยๆ เพื่อให้เกียรติ ดังนั้นเธอจึงให้เซียวเถี่ยเฟิงพาลงเขาไปซื้อกระโปรงชุดใหม่

พริบตาเดียวก็ถึงวันแต่งงาน เธอถูกเชิญไปที่บ้านของจ้าวซานชิวอย่างเคารพนบนอบ ผู้หญิงหลายคนมาพูดคุยเป็นเพื่อนเธออย่างระมัดระวัง

กู้จิ้งเห็นพวกนางทำตัวลีบก็ยิ้มออกมา

“ถึงฉันจะมีอาคม แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากพวกเธอ ทำตัวตามสบายเถอะ”

ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ทุกคนก็หันไปมองหน้ากัน สุดท้ายหญิงสาวคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขลาดๆ “ต้าเซียน ปกติท่านก็กินข้าวเหมือนกับเราหรือ?”

หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่ากุ้ยฮวา นางกำลังกังวลว่าต่อไปควรเอาอะไรไปเซ่นไหว้ต้าเซียนดี

เคยได้ยินแต่ว่าหมาของต้าเซียนชอบกินไก่ แล้วต้าเซียนเล่า?

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะหัวเราะออกมา แต่สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้ได้ เธอพูดเสียงเป็นการเป็นงาน “ฉันก็เหมือนกับพวกเธอน่ะสิ ดู ตรงนั้นมีถั่วลิสงคั่วอยู่ ฉันชอบกินมาก”

คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ก็รีบหยิบจานใบหนึ่งมาส่งให้กู้จิ้ง

กู้จิ้งหยิบถั่วหลายเม็ดไปเริ่มแทะ “ไอ้นี่อร่อย”

มีรสของพริกกับเกลือ ไม่รู้เหมือนกันว่าคั่วยังไง เอาไว้ต้องให้เซียวเถี่ยเฟิงทำให้กินบ้าง

คนอื่นๆ เห็นเธอกินถั่วลิสงอย่างเอร็ดอร่อยก็พากันจ้องตาไม่กะพริบ

บางคนที่ใจกล้าก็เอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “ต้าเซียนชอบกิน ปีนี้บ้านข้าเพิ่งเก็บถั่วลิสงมาใหม่ๆ เดี๋ยวจะส่งไปให้ต้าเซียนบ้าง”

“บ้านข้าก็มี!”

“ข้าก็ชอบกินถั่วลิสง”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยถามเป็นเชิงชวนคุยไปเรื่อยๆ เช่น ที่บ้านมีที่กี่ไร่ ปลูกอะไรบ้าง ที่หนึ่งไร่สามารถเก็บเกี่ยวถั่วลิสงได้มากแค่ไหน ฯลฯ สตรีทั้งหลายก็แย่งกันตอบ คุยไปๆ คนก็มาร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศก็ไม่ตึงเครียดเหมือนตอนเริ่มแรกอีก

กู้จิ้งค่อยๆ ทำความรู้จักกับคนหลายคน เช่น คนนี้เป็นคนตระกูลเซียว คนนั้นเป็นสะใภ้ของลูกคนที่สามของตระกูลจ้าว ฯลฯ

สตรีทั้งหลายเล่าเรื่องประเพณีการแต่งงานบนภูเขาให้กู้จิ้งฟัง ที่แท้การแต่งงานของผู้คนบนภูเขาก็ครึกครื้นไม่น้อย ตอนกลางวันไปรับตัวเจ้าสาว จากนั้นก็ไหว้ฟ้าดิน เข้าหอ พอตกค่ำ คนในหมู่บ้านก็จะแสดงงิ้วกัน

คนที่แสดงงิ้วล้วนเป็นผู้มีความสามารถในหมู่บ้าน พวกเขาจะแต่งหน้า สวมเสื้อผ้าสีสันสดใสซึ่งตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จากนั้นก็จะไปเปิดการแสดงกันบนลานที่สูงที่สุดเหนือระหัดวิดน้ำตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน

กู้จิ้งนึกขึ้นได้ว่าในสมัยของเธอ เขาเว่ยอวิ๋นก็เหมือนจะมีประเพณีแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่หลังจากเวลาผ่านไปพันปี มันก็แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นเธอจึงตื่นเต้น อยากไปดูความครึกครื้นในคืนนี้มาก

พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงบรรเลงดนตรีดังขึ้น ที่แท้เจ้าสาวถูกรับตัวมาแล้ว พวกนางจึงรีบยุติการพูดคุยแล้วออกไปดูข้างนอก

กู้จิ้งรีบขยับนั่งตัวตรง เตรียมทำหน้าที่ประธานงานแต่งงาน

ไม่นานนัก เจ้าสาวซึ่งมีผ้าสีแดงคลุมหน้าก็ถูกประคองเข้ามา เสียงประทัดดังขึ้น ทุกคนรีบล้อมวงเข้ามา จากนั้นก็เริ่มเตรียมตัวไหว้ฟ้าดินกัน

คิดไม่ถึงว่าการไหว้ฟ้าดินในครั้งนี้จะเป็นหนึ่งไหว้ฟ้าดิน สองไหว้ต้าเซียนและพ่อแม่

กู้จิ้งแอบตกใจ ในใจรู้สึกละอายอยู่บ้าง แต่มาถึงขั้นนี้ก็มีแต่ต้องแข็งใจยอมรับการกราบไหว้จากคู่บ่าวสาวเท่านั้น

แม้บิดามารดาของคู่บ่าวสาวจะทำท่าเหมือนไม่กล้าอาจเอื้อม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ตนเองได้นั่งรับการคำนับจากลูกๆ อยู่ข้างๆ ต้าเซียน

คู่บ่าวสาวไหว้ฟ้าดินเสร็จก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มก่อนจะไปรับประทานอาหารร่วมกัน

ในงานเลี้ยง ผู้หญิงและผู้ชายย่อมแยกโต๊ะกัน คนที่นั่งร่วมโต๊ะกับกู้จิ้งคือพ่อแม่ของคู่บ่าวสาวและหญิงชราซึ่งเป็นที่นับถือของผู้คนในหมู่บ้านหลายคน

หญิงชราเหล่านั้นกล่าวถ้อยคำถ่อมตนอยู่หลายประโยค จากนั้นจึงเริ่มขยับตะเกียบ ระหว่างงานเลี้ยงพวกนางผลัดกันกล่าวอมิตตาพุทธต้าเซียนอย่างนั้นต้าเซียนอย่างนี้ ทำเอากู้จิ้งคันสันหลังไปหมด

เธออดคิดไม่ได้ว่า แม้การเป็นประธานงานแต่งงานจะเป็นเรื่องมีหน้ามีตา แต่เรื่องกินข้าวนี่ กินกับเซียวเถี่ยเฟิงสองคนสบายใจกว่ามาก

กินข้าวเสร็จไม่มีอะไรทำ เธอจึงหาข้ออ้างปลีกตัวจากเหล่าหญิงชราซึ่งเอาแต่พูดอมิตตาพุทธพลางมองเธอด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธาแอบหนีออกไปหาเซียวเถี่ยเฟิง คิดไม่ถึงว่าเซียวเถี่ยเฟิงจะกำลังดื่มสุรากับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง

เธอแอบยืนอยู่ในมุมมืด เขาจึงไม่รู้สึกตัวสักนิด

เธอไม่อยากดึงดูดความสนใจของคนอื่น ดังนั้นจึงคิดจะแอบหนีกลับไปเงียบๆ

คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าใครหันมาเห็นเธอเข้า เขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเซียวเถี่ยเฟิง เซียวเถี่ยเฟิงหันมาเห็นกู้จิ้งก็รีบหันกลับไปพูดกับคนอื่นๆ สองสามประโยค จากนั้นก็วิ่งตามเธอมาทันที

ผู้ชายทั้งกลุ่มที่ด้านหลังหัวเราะเฮฮากันอย่างสนุกสนาน

“เมื่อก่อนเถี่ยเฟิงไม่สนใจอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ถูกเมียคุมเสียอยู่หมัด”

“ใครใช้ให้เขาแต่งต้าเซียนเป็นเมียเล่า!”

“ใช่ๆๆ จริงๆ เขาได้กำไรนะ”

“ของเซ่นไหว้มากมายขนาดนั้น นั่งเฉยๆ ก็มีกิน ไม่ต้องกลุ้มใจสักนิด”

นี่เรียกว่าแต่งเมียแล้วมีข้าวแถมมาด้วย

ฝ่ายเซียวเถี่ยเฟิง หลังจากวิ่งตามมาทันก็อดถามไม่ได้ “ทำไมเมื่อครู่ไม่เรียกข้า?”

กู้จิ้งยิ้ม “นายกำลังคุยกับคนอื่นๆ อยู่ไม่ใช่หรือ?”