นายพลหยางต้องการคุยกับเซียวเหยาตามลำพัง หลังจากสนทนาแลกเปลี่ยนกับเซียวหงลี่ในเรื่องเบาๆ สองสามเรื่องแล้ว ท่านก็เรียกเซียวเหยาเข้าไปพูดคุยกับท่านในห้องทำงาน
หยางมู่ซิงเอ่ยขึ้นด้วยความอิจฉา “สำหรับบ้านเรา เป็นเกียรติมากที่ได้เป็นคนที่คุณปู่เรียกเข้าไปในห้องทำงาน พูดคุยกับท่านตามลำพัง ฉันจำได้ว่าพ่อได้รับเกียรตินี้ตอนที่ท่านได้เลื่อนยศเป็นพันโท พันเอก แล้วก็พลตรี” เธอมองหน้าพี่ชายสองคนแล้วหัวเราะ พร้อมกับเสริมว่า “พี่รองกับพี่สามยังไม่เคยได้รับเกียรตินี้เลย”
หยางมู่หวาและหยางมู่เฟิงพูดไม่ออก จ้องหน้าหยางมู่ซิงเขม็ง หยางมู่เฟิงกล่าวว่า “นี่น้องสาว หยุดพูดให้พี่ๆ ของเธออับอายขายหน้าได้ไหม เวลามีคนอยู่มากมายแบบนี้”
หยางมู่ซิงเบ้ปาก “มีแต่ครอบครัวเรากับเพื่อนสนิท พี่กลัวอะไร แล้วอีกอย่าง…” หยางมู่ซิงยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อกล่าวต่อไปจนจบ “พวกพี่ก็เคยได้รับความอับอายจากฉันมามากมายแล้วนี่นา”
เซียวจิ่งหัวเราะชี้หน้าลูกผู้พี่ทั้งสอง และมองพวกเขาอย่างได้ใจ “เฮ้ ญาติผู้พี่ที่รัก ผมขอแนะนำให้พวกพี่ลาออกจากกองทัพโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกพี่ทำงานหนักกันทั้งวัน แต่ได้เป็นแค่ร้อยเอก ในขณะที่พี่ชายผมมีวันหยุดพักผ่อน และได้ออกไปสังสรรค์กับพวกเราเสมอ แต่เขาได้เป็นพันโทแล้ว และเงินเดือนก็สูงอีกต่างหาก ทั้งที่เขาอายุน้อยกว่าพวกพี่ พวกพี่แน่ใจแล้วหรือว่าเลือกสายงานถูกต้องแล้ว”
หยางมู่หวาและน้องชายส่งสายตาดุดันไปที่เซียวจิ่ง พระเจ้า! ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกอยากลากญาติผู้น้องคนเล็กคนนี้ ที่พวกเขารักใคร่เอ็นดูมาตั้งแต่เด็ก เอาไปซ้อมเสียให้เข็ด! จะซ้อมให้เละ จนแม้แต่พ่อแม่เขาก็ยังจำเขาไม่ได้เลย!
ในฐานะลูกคนสุดท้องของครอบครัวเซียว เขามีบุคลิกร่าเริงและน่ารักมากๆ ทุกคนจึงรักและเอ็นดู เขาอยากได้อะไรพี่ๆ ทุกคนก็ยอมให้เขาเสมอ นั่นเป็นเหตุให้เขาไม่เคยเกรงกลัวว่าจะสร้างความระคายเคืองแก่คุณลุงและญาติผู้พี่เลย เมื่อเห็นพี่น้องตระกูลหยางโกรธ เขาก็ชี้ไปที่หยางมู่คุนและกล่าวว่า “ดูอย่างพี่มู่คุนสิ เขาฉลาดจะตาย ซื้อหุ้นเฮ่อซิงกรุปไว้ ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำงานอะไรเลย แค่มีหุ้นพวกนั้นในมือ เขามีแต่เล่นไปวันๆ เปิดบาร์เล็กๆ สองแห่งหารายได้พิเศษเล็กๆ น้อยๆ ช่างเป็นชีวิตที่แสนสบายจริงๆ! ทำไมพวกพี่ไม่เรียนรู้จากเขา และเปลี่ยนงานของพวกพี่เสีย”
หยางจิ้งเชากับเซียวหงลี่คุยกันอยู่แถวนั้น ไม่ได้สนใจพวกเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวจิ่ง หยางจิ้งเชาก็เงยหน้าขึ้นมองเซียวหงลี่ และกล่าวอย่างจริงจัง “ทำไมนายไม่ส่งเซียวจิ่งมาเข้ากองทัพ ฉันจะฝึกเขาให้อย่างดีเลย”
“ฮึ?” เซียวหงลี่มองพี่ภรรยาและถามว่า “จะไม่เป็นการรบกวนพี่หรือครับ”
หยางจิ้งเชาถอนหายใจและกล่าวว่า “เด็กผู้ชายอะไร พูดจาเหน็บแนมเก่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย ปากไม่หยุดตลอดทั้งวัน ดูลูกชายฉันสิ ยอมแพ้ปากเขาทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินอย่างนี้เซียวจิ่งก็ตะโกนว่า “ลุงคุณเป็นอะไรไปครับ ผมมีเหตุผลที่ดีที่จะพูดแบบนี้นะครับ แม้แต่ลูกชายสองคนของคุณลุงยังเถียงไม่ออก เพราะพวกพี่ๆ เขารู้ว่า เขาสองคนรวมกันยังเก่งไม่เท่าพี่ชายผมคนเดียวเลย พวกเขาอายจนไม่กล้าเถียงผม!”
หยางจิ้งเชาจ้องหน้าเซียวจิ่ง ซึ่งยักไหล่ขณะเอนตัวเข้าไปหาเซียวส่า และถามว่า “พี่ส่า พี่คิดว่างานอะไรจะเหมาะกับพี่ใหญ่กับพี่รองจากตระกูลหยาง ถ้าพวกเขาเปลี่ยนอาชีพควรไปเป็นอะไรดี”
“เป็น ‘แฟนนาย’ ไง” เซียวส่าเค้นสองคำออกมา แล้ววิ่งหนีทันที
“เซียวส่า ตายซะเถอะ!” เซียวจิ่งร้องตะโกน
หยางจิ้งเชามองหน้าน้องเขยด้วยความประหลาดใจ และขมวดคิ้วถามว่า “นี่นายสอนลูกให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
เซียวหงลี่กล่าวอย่างใจเย็น “ผมไม่ได้สอน น้องสาวพี่เป็นคนสอน”
หยางจิ้งเชาพูดไม่ออก ขณะส่งสายตาเข้มให้เซียวหงลี่ “ก็เป็นเพราะนายไม่รับผิดชอบหน้าที่ของนายให้เต็มที่ไงล่ะ น้องสาวฉันถึงต้องสอนเขาเอง จนเขาเป็นแบบนี้ เฮ้อ…ให้ตายเถอะ เขาขาดความเป็นลูกผู้ชายจริงๆ!”
เซียวหงลี่นิ่งอึ้ง “…” โอเค ทั้งหมดเป็นความผิดของผม!
ขณะนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น พี่น้องตระกูลหยางมองหน้าหันไปมา ไม่ได้เข้าร่วมการทะเลาะแบบเด็กๆ ระหว่างเซียวจิ่งกับเซียวส่า เซียวจิ่งวิ่งไล่เซียวส่าไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นของตระกูลหยาง แต่จับเขาไม่ได้ ในที่สุดเซียวจิ่งก็ทรุดตัวลงบนโซฟา มองไปที่พี่น้องตระกูลหยางซึ่งนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่โซฟา ถามพวกเขาว่า “พวกพี่สองคนนั่งเฉยอยู่ทำไมล่ะ”
“ก็ส่าไม่ได้กวนอารมณ์เรานี่ ทำไมเราต้องช่วยนายด้วยล่ะ” หยางมู่เฟิงโต้
หยางมู่หวาพยักหน้า “ใช่ ส่าว่านายเป็นแต๋ว ไม่ได้ว่าเราสักหน่อย ทำไมเราต้องช่วยนายด้วย”
เซียวส่ายืนอยู่กลางห้องโถงหัวเราะออกมาดังๆ “ใช่ ตอนที่นายยังเป็นเด็ก พี่มู่หวากับพี่มู่เฟิงแค่อยากจะ…”
“โอ พระเจ้า! ” เซียวจิ่งโกรธจัด “เซียวส่า หุบปาก! “
“อย่าโกรธเลยน่า น้องเล็ก บอกตรงๆ นะ ตอนที่นายแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงตอนนั้น ฉันรู้สึกหลงรักนายมากๆ เลยแหละ”
ถังซีมองหน้าหยางจิ้งเสียนด้วยดวงตาเป็นประกาย หยางจิ้งเสียนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีกับสายตาลูกสาวที่จ้องมองมา เธอเหลือบมองเซียวส่าอย่างพูดไม่ออก ก่อนจะยิ้มให้ถังซีและเล่าว่า” ตอนที่แม่ตั้งท้องพี่จิ่ง ทุกคนคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง แม่ก็เลยซื้อชุดเจ้าหญิงมาเตรียมไว้ให้เขามากมาย รวมทั้งเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงที่อายุสี่ห้าขวบด้วย แต่แล้วแม่กลับให้กำเนิดลูกชายอีกคน จะทิ้งเสื้อผ้าพวกนั้นก็เสียดาย แม่เลยให้พี่ชายลูกสวมเสื้อผ้าพวกนั้น”
“คุณแม่! พอแล้วครับ!”
เฉียวเหลียงเฝ้าดูพวกเขาทะเลาะและถกเถียงกันด้วยความสนใจอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าคนรักของเขาสนใจชีวิตวัยเด็กของผู้ชายอื่น เขาก็อารมณ์เสียทันที แม้แต่บรรยากาศรอบตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
ถังซีไม่ได้เกรงกลัวความโกรธของเขาสักนิด เธอเร่งเร้าหยางจิ้งเสียนให้เล่าต่อไปด้วยดวงตาเป็นประกาย เซียวจิ่งรีบวิ่งไปกอดมารดาแล้วเอามือปิดปากเธอ ไม่ยอมให้เธอพูดอีก จากนั้นเขาก็หันไปมองถังซีและบอกว่า “โหรวโหรว อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา ดูสิ พี่แข็งแรงและเป็นลูกผู้ชายแค่ไหน! พวกเขาจะมาเรียกพี่ว่าแต๋วได้ยังไง”
ถังซีมองเซียวจิ่งอย่างจริงจัง กำมือชูขึ้นแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “แต่พี่เป็นแต๋ว!”
“โหรวโหรว นี่เธอยังเป็นน้องสาวพี่อยู่หรือเปล่า!”
ถังซีขยิบตา ขณะที่หยางมู่หวาหัวเราะ “นี่น้องเล็ก เธอรู้อะไรไหม เพราะว่าจิ่งใส่ชุดเด็กผู้หญิงและผมเขาก็ยาวตอนที่เขาเป็นเด็ก มู่เฟิงกับพี่คิดว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ และเกือบจะตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว เราเสียใจมากเมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นเด็กผู้ชาย!”
ประกายตาถังซีสดใสขึ้นอีก “ดูเหมือนพี่จิ่งจะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจได้ดีกว่าเป็นผู้ชายนะคะ!”
หยางจิ้งเชามองดูถังซี เมื่อเห็นว่าเธอเข้ากันได้ดีกับลูกชายของเขา และพูดคุยกันอย่างมีความสุขสนุกสนาน เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวกับเซียวหงลี่ว่า “ฉันชอบลูกสาวนายจังเลย”
เซียวหงลี่ก็หันไปมองถังซีบ้าง พอดีกับที่เธอหันมาสบตาเขา เธอยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง เซียวหงลี่ยิ้มตอบและเห็นด้วย “ครับ ผมก็ชอบลูกสาวผมเหมือนกัน”
หยางจิ้งเชาพยักหน้า และนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “นายไม่คิดบ้างหรือว่าลูกชายฉันเหมาะกับลูกสาวนาย”