นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 517 ขอจูบเธอได้ไหม
หญิงสาวปิดเปลือกตารอการสัมผัสลงบนแก้เป็นเวลานานแต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งใด ขณะที่หลิวเสี่ยวหนิงกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความสงสัยก็ได้ยินเสียงหัวเราะของจินจิ่นหรานดังแว่วมาข้างๆใบหูของเธอ
หลิวเสี่ยวหนิงลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง และสิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือรอยยิ้มอันอบอุ่นของจินจิ่นหราน
“คุณหัวเราะอะไร!” หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกเขินเล็กน้อยและจึงแกล้งหันหน้าไปทางอื่น “คุณอย่าคิดว่าจะได้จูบฉันอีกต่อไป”
“เมื่อกี้คุณพูดปฏิเสธเพราะคิดว่าฉันจะจูบคุณเหรอ?” จินจิ่นหรานเอ่ยถามขึ้นเมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกพลางลอบมองไปยังหลิวเสี่ยวหนิง
“ฉันไม่รู้” เมื่อหลิวเสี่ยวหนิงได้ยินน้ำเสียงทะเล้นของคนข้างกาย เธอก็รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายหลอกและรู้สึกโกรธเล็กน้อยในใจ
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้คุณ ใครจะไปคิดว่าคุณจะเอ่ยปากปฏิเสธออกมาได้” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าจินจิ่นหรานก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และจึงเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้หลิวเสี่ยวหนิง
“เข็ม… เข็มขัดนิรภัย?” หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ทำไมคุณน่ารักขนาดนี้เนี่ย?”
จินจิ่นหรานโน้มตัวเข้ามาใกล้หญิงสาวอีกเล็กน้อย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ แต่น้ำเสียงนุ่มทุ่มนั้นกลับฝังลึกเข้าไปในใบหูของหลิวเสี่ยวหนิงราวกับอีกฝ่ายกำลังร่ายมนต์สะกดเธอไว้ “ฉันขอจูบคุณตอนนี้ได้ไหม?”
หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นในทันที เธอทำได้เพียงจ้องเข้าไปในดวงตาของจินจิ่นหรานด้วยความว่างเปล่า เธอมองเห็นภาพสะท้อนร่างของตนเองจากรูม่านตาของชายตรงหน้าที่ขยายขึ้นทีละน้อย
เขาบรรจงจูบเธออย่างแผ่วเบาราวกับเธอเป็นสมบัติที่ควรค่าแก่การถนุถนอม เธอรู้สึกจั๊กจี้ที่ริมฝีปากยามเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับและบดจูบ หลิวเสี่ยวหนิงหดคอลงและรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงลง
จินจิ่นหรานวางมือข้างหนึ่งไว้ข้างลำตัวของหลิวเสี่ยวหนิง สายตาคมเปล่งกระกายความสุขอย่างท่วมท้น
เขาชอบหลิวเสี่ยวหนิงที่น่ารักเช่นนี้
จินจิ่นหรานขบเม้มลงบนริมฝีปากบางนุ่มเบาๆ และในขณะเดียวกันหลิวเสี่ยงหนิงก็ทำทีเหมือนจะเข้ามาหอมแก้มเขา
จู่ๆก็มีเสียงเคาะกระจกรถเข้ามาขัดจังหวะทุกอย่างลง
คนทั้งสองคนในรถต่างตกอกตกใจ หลิวเสี่ยวหนิงคว้าเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาดอย่างประหม่าและปรายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ใครจะไปคิดว่าคนที่เคาะกระจกรถของจินจิ่นหรานนั้นจะเป็นผู้จัดการสาวของเธอ
“ขอโทษที ที่จริงฉันก็ไม่อยากขัดจังหวะพวกคุณหรอก แต่ฉันยืนอยู่ตรงนี้มานานแล้ว และฉันก็ไม่มีโอกาสได้พูดกับคุณเลย”
ในตอนนี้ผู้จัดการสาวรู้สึกว่าตนเองกำลังกลายเป็น กขค ของคนทั้งสองคนบนรถอย่างสมบูรณ์แบบ
“มีอะไรรึเปล่า?”
หลิวเสี่ยวหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปที่ผู้จัดการสาวด้วยท่าทางเขินอาย
“โทรศัพท์ของคุณตก ฉันจะเอามาให้คุณ ฉันขอให้การเดตในวันนี้ของพวกคุณเต็มไปด้วยความสุข” ผู้จัดการสาวรีบจัดแจงยัดโทรศัพท์มือถือเข้ามาไว้ในฝ่ามือของหลิวเสี่ยวหนิงและรีบหันหลังเดินจากไปทันที ผู้จัดการสาวคิดแต่เพียงว่าวินาทีนี้เธอไม่อยากอยู่ใกล้คนทั้งคู่
หลิวเสี่ยวหนิงถือโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความงุนงง จากนั้นจึงหันไปมองจินจิ่นหรานและพบว่าเขายังคงอยู่ในท่าทีนิ่งเฉยดังเดิม
“ทำไมคุณยังไม่ขับรถออกไปอีกล่ะ?” หลิวเสี่ยวหนิงเอื้อมมือออกไปและดันหน้าอกของเขาแก้อาการเขินอายของตนเอง
จินจิ่นหรานไม่ได้พูดอะไร แต่ขยับแก้มเข้ามาชิดใกล้เธออีกครั้งราวกับต้องการจะหยอกล้อ
“ขับเร็วเข้าสิ!” หลิวเสี่ยวหนิงกลอกตามาที่เขาและเอื้อมมือออกไปผลักแก้มจินจิ่นหรานออกไป
จินจิ่นหรานกัดเม้มริมฝีปากแล้วสตาร์ทรถขับออกไป
ในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของหลิวเสี่ยวหนิงก็ดังขึ้นพร้อมข้อความจากผู้จัดการสาว
“ที่จริงแล้วท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นเพราะคุณกำลังมีความรัก ดูเหมือนว่าทักษะการแสดงของคุณจะแย่มากเลยนะ”
เมื่อเห็นมุกตลกของผู้จัดการสาว หลิวเสี่ยวหนิงก็กัดฟันแน่นด้วยความเขินอาย และหลังจากนั้นเธอก็ส่งอิโมจิรอยยิ้มกลับไปหาหญิงสาว
อันที่จริงมันก็ถือว่าเป็นการนัดเดตนั่นแหละ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คงเป็นจินจิ่นหรานที่มาช้อปปิ้งเป็นเพื่อนหลิวเสี่ยวหนิง
เนื่องจากเมื่อวานนี้จินจิ่นหรานพูดถึงสถานที่นัดเดทมากมาย แต่หลิวเสี่ยวหนิงไม่มีความสนใจต่อสถานที่นั้นๆเลย ทั้งสองจึงได้ลงมติกันว่าจะมาเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าไปพลางๆ
นี่ถือเป็นการออกเดทอย่างเป็นทางการครั้งแรกสำหรับทั้งสองคน ซึ่งหลิวเสี่ยวหนิงค่อนข้างรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่สุดท้ายพวกเขาก็ตกลงเลือกมาห้างสรรพสินค้าที่ไม่มีอะไรพิเศษ
“เอ่อ… ถ้าคุณเบื่อ เราไปที่อื่นกันเถอะ” หลิวเสี่ยวหนิงดึงหน้ากากของเธอลงเล็กน้อยด้วยความอึดอัดและมองไปที่จินจิ่นหรานที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ใช่ซะหน่อย ตราบใดที่ฉันอยู่กับคุณ ฉันไม่เคยรู้สึกเบื่อ” จินจิ่นหรานลูบผมของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างแผ่วเบาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
หลิวเสี่ยวหนิงทำแก้มป่องอย่างน่ารัก แต่ไม่มีใครเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นสิ่งนี้จินจิ่นหรานเอื้อมมือออกไปจับมือของหลิวเสี่ยวหนิงไว้แน่นและพาเดินไปข้างหน้า
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของจินจิ่นหราน หลิวเสี่ยวหนิงก็ตกตะลึง ความรู้สึกขมปร่าตีขึ้นมาเต็มอกและเธอจึงรีบเดินตามจังหวะการก้าวเดินของจินจิ่นหรานไปอย่างรวดเร็ว
คำพูดที่ว่าการช้อปปิ้งเป็นธรรมชาติของผู้หญิงนั้นเข้ากันได้ดีกับหลิวเสี่ยวหนิง เดิมทีจินจิ่นหรานเป็นฝ่ายจับมือเธอ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เป็นฝ่ายลากจินจิ่นหรานไปซื้อของทีละร้านทีละร้าน
“ดูดีไหม?” หลิวเสี่ยวหนิงหยิบเสื้อผ้ามาทาบกับตนเองแล้วหันไปให้จินจิ่นหรานดู
จินจิ่นหรานมองภาพตรงหน้าอย่างจริงจังและในที่สุดก็พยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
“คุณไม่มีคำแนะนำอื่นๆเลยเหรอ คุณเอาแต่พยักหน้ารับทุกอย่าง” หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้จินจิ่นหรานก็ยกยิ้มมุมปากของเขาขึ้น “คุณดูดีและเสื้อผ้าที่คุณเลือกทุกตัวก็เหมาะกับคุณมาก”
เมื่อได้รับคำชมเช่นนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็เหลือบมองจินจิ่นหรานผ่านทางกระจกบานใหญ่ เธอหันศีรษะของเธอกลับมาหาเขาอย่างกะทันหัน และใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปบนพื้นผิวของเสื้อผ้าพลางพูดออกมาเบาๆว่า “คุณสามารถช่วยฉันเลือกได้นะ … ”
“หือ?” จินจิ่นหรานฟังคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ และเมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นหลิวเสี่ยวหนิงก็หันกลับมาและพรุบตัวหายเข้าไปในห้องล็อกเกอร์สำหรับลองชุดซะแล้ว
จินจิ่นหรานลูบข้อมือของตนเองและเผยรอยยิ้มเบิกบานใจขึ้นที่มุมปาก เขาจ้องสายตามองตรงไปยังกระโปรงลายน่ารักที่ถูกแขวนโชว์อยู่
“เอากระโปรงตัวนี้และเอาเสื้อผ้าทั้งหมดที่ผู้หญิงเมื่อสักครู่ได้ลองสวม” จินจิ่นหรานเดินไปที่เคาน์เตอร์และหยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋า
“คุณใจดีกับแฟนคุณมาก” พนักงานแคชเชียร์หยิบการ์ดจากมือของเขาไปแล้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมในความน่ารักของจินจิ่นหราน
ตั้งแต่จินจิ่นหรานและหลิวเสี่ยวหนิงเดินเข้ามาภายในร้าน พนักงานประจำร้านต่างก็พากันเฝ้าดูทั้งสองคนอย่างเงียบๆ และจินจิ่นหรานเองก็ไม่ได้มีท่าทีเคร่งขรึมเหมือนหลิวเสี่ยวหนิง ใบหน้าชายหนุ่มนั้นดูดีมากขนาดนี้ก็สามารถดึงดูดสายตาจากใครอีกหลายคนได้มากโขทีเดียว
จินจิ่นหรานอมยิ้ม จึงทำให้เหล่าพนักงานประจำร้านยิ่งรู้สึกอิจฉาหญิงสาวที่ได้ครอบครองชายหนุ่มรูปงาม และพนักงานทุกคนก็ต่างพากันสงสัยว่าหลิวเสี่ยวหนิงที่ได้ครอบครองชายหนุ่มรูปงามท่านนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร
และในเวลานั้นเองหลิวเสี่ยวหนิงก็วิ่งออกมาจากห้องลองเสื้ออย่างว่องไว จินจิ่นหรานตกใจและรีบคว้าร่างของเธอมาไว้ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
“เร็ว ไปกันเถอะ” หลิวเสี่ยวหนิงตบมือของจินจิ่นหรานและเหลือบมองไปข้างหลังเขา
จินจิ่นหรานมองตามสายตาของเธอและเห็นบรรดาสาวๆ หลายคนกำลังเดินออกจากห้องแต่งตัว เมื่อพวกเขาเห็นจินจิ่นหรานและหลิวเสี่ยวหนิงที่หน้าเคาน์เตอร์ พวกเขาก็พากันชี้มายังทิศทางที่ทั้งสองคนยืนอยู่ทันที
“รีบไปเถอะ! มีคนจำฉันได้แล้ว!” เมื่อสถานการณ์ไม่สู้ดีตรงหน้าหลิวเสี่ยวหนิงก็รีบดึงจินจิ่นหรานแล้วพากันวิ่งหนีไป
“คุณผู้ชายคะ! เสื้อผ้าและบัตรเครดิตของคุณ!” ทันทีที่พนักงานแคชเชียร์เงยหน้าขึ้นมา เธอก็เห็นว่าลูกค้าทั้งสองคนของตนเองกำลังพากันวิ่งหนีไปไกลแล้ว
หลังจากที่หลิวเสี่ยวหนิงพาจินจิ่นหรานวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นค่อนข้างไกลพอสมควรแล้ว เธอจึงหยุดวิ่งและมองไปข้างหลังเธอด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครตามหลังเธอมา เธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เป็นอะไรไป?” จินจิ่นหรานถามเสียงต่ำ
“เมื่อสักครู่มีคนจำฉันได้แล้ว และพวกเขายืนกรานที่จะให้ฉันเซ็นลายเซ็นให้และพยายามจะขอฉันถ่ายรูป ฉันเลยรีบพาคุณวิ่งหนีออกมาแบบนี้ไง” หลิวเสี่ยวหนิงใช้มือพัดลมไปมาเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการวิ่งหนีแฟนคลับ
ที่จริงแล้วถ้าหากว่ามีแฟนคลับจำหลิวเสี่ยวหนิงได้เธอก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติอะไร แต่พอคนพวกนั้นจำเธอได้ก็เอาแต่จะขอลายเซ็นและพยายามบีบบังคับให้เธอถ่ายรูปด้วย
และถ้าเมื่อสักครู่เธอถูกพวกเขารั้งตัวไว้ล่ะก็มีหวังว่าคงมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่ๆ