บทที่ 1498 (3)+(4)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1498 (3)+(4) Ink Stone_Romance

บทที่ 1498 เช่นนั้นเจ้าชอบเขาหรือไม่? (3)

จิ้งจอกน้อยอดไว้ไม่อยู่เอ่ยถามข้อสงสัยนี้กับกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วมองนาง มอบความรู้ให้นางอย่างสงบนิ่งยิ่งนัก “ระดับการถูกธาตุไฟเข้าแทรกถึงแม้จะแตกต่างกันไป แต่อาการอัมพาตที่เกิดจากเหตุนนี้จะอยู่ในสภาวะเดียวกัน…”

จิ้งจอกน้อยยังไม่ลดละ “เช่นนั้นหากว่าทุกเดือนมีอาการข้างเคียงคือเป็นอัมพาตอยู่ไม่กี่วันเล่า? จะเจ็บหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ยามที่เกิดอาการข้างเคียงจะเจ็บปวดยิ่งขึ้น และคนที่เหลืออาการข้างเคียงอยู่ ต่อให้ยามปกติสองก็ไม่ได้เหมือนคนทั่วไป เนื่องจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะเป็นตะคริว ทุกวันล้วนต้องเจ็บปวดอยู่หลายชั่วยาม…”

ดวงหน้าพริ้มเพราของจิ้งจอกนั้นซีดเซียวรางๆ นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น

กู้ซีจิ่วก็ไม่พูดอะไรอีก รักษาให้นางจนเสร็จ แล้วเอ่ยปลอบนางสองประโยค หันหลังหมายจะจากไป จู่ๆ จิ้งจอกน้อยก็ดึงเธอไว้ “ซีจิ่ว!”

กู้ซีจิ่วหันกลับมา หลานไว่หู่เบิกตากว้างเอ่ยถามเธอ “ซีจิ่ว เจ้าสามารถรักษาอาการข้างเคียงประเภทนี้ได้ไหม?”

กู้ซีจิ่วแสร้งเลิกคิ้วแวบหนึ่ง “วางใจเถอะ เจ้าไม่เหลืออาการค้างเขียงหรอก”

หลานไว่หู่เอ่ยโพล่งออกมา “แต่ว่าเยี่ยนเฉินเหลืออยู่ รักษาไม่หายขาดมาโดยตลอด…” เท่าที่นางรู้ อาการข้างเคียงนี้ของเยี่ยนเฉินไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงย่อระยะเวลาลงเล็กน้อยท่านั้น เมื่อก่อนเป็นอัมพาตสองวัน ยามนี้เป็นอัมพาตวันครึ่ง…

กู้ซีจิ่วจึงถามนาง “เจ้ายังห่วงเขาอยู่หรือ?”

หลานไว่หู่แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หลุบตาต่ำ เม้มริมฝีปากแล้วตอบ “ยามนี้ข้ามองเขาเป็นพี่ชาย…ถึงอย่างไรอาการบาดเจ็บนี้ของเขาก็มีสาเหตุมาจากข้า ข้าจึงไม่สบายใจมาโดยตลอด…”

กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “อันที่จริงหนนี้ตั้งแต่พบเขายามแรกข้าก็มองออกแล้วว่าเขามีอาการบาดเจ็บเรื้อรังนี้อยู่ ได้มอบโอสถที่เหมาะสมให้เขาไปแล้ว”

หลานไว่หู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก “จะรักษาให้หายขาดได้ใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ “เขายืดเยื้อมานานเกินไป ข้าทำได้เพียงทำให้สองวันนั้นเขาไม่เป็นอัมพาตอีก แต่สองวันนั้นจะยังคงปวดขาอยู่ เว้นแต่ว่า…”

หลานไว่หู่ขยุ้มแขนเสื้อของเธอทันที “เว้นแต่ว่าอันใด?”

กู้ซีจิ่วกลับไม่อยากพูดแล้ว เพียงตบมือของหลานไว่หู่เบาๆ “จิ้งจอกน้อย บางเรื่องเมื่อพลาดไปแล้วก็ไม่อาจเอากลับมาได้อีก ไม่ต้องคิดมากถึงเพียงนั้นแล้ว โอสถนั้นของข้าถึงแม้จะขุดรากถอนโคนอาการข้างเคียงของเขาไม่ได้ แต่ก็ปวดขาแค่สองวันเท่านั้น ไม่ถ่วงรั้งอันใด ถึงขั้นที่สองวันนั้นเขาก็ยังต่อสู้กับผู้อื่นได้ เจ้าสบายใจได้แล้ว”

หลานไว่หู่เงียบงัน

นางไม่ถอดใจยังคิดจะดึงดันต่อไป “แต่ความปวดนี้ทรมานยิ่งนัก หากว่าสามารถทำให้เขาไม่เจ็บปวดอีกได้…”

กู้ซีจิ่วพูดอะไร เพียงมองดูนาง

หลานไว่หู่เมื่อถูกเธอจึงก้มหน้าลงไป

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “จิ้งจอกน้อย หลานเยวี่ยปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร?”

จิ้งจอกน้อยตอบตามจริง “ดียิ่งนัก”

กู้ซีจิ่วจึงถามต่อไป “เช่นนั้นเจ้าชอบเขาหรือไม่?”

หลานไว่หู่นิ่งงันไปครู่หนึ่งถึงได้ตอบ “พอ…พอได้กระมัง?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “พอได้?”

จะอย่างไรนางก็มีความรู้สึกว่าจิ้งจอกน้อยได้จับคู่กับคู่ครองที่นับว่าไม่เลวคนหนึ่ง ต่ออยู่ด้วยกันไปสักระยะก็รู้สึกว่าพอได้ เงื่อนไขของแต่ละฝ่ายก็สอดคล้องเหมาะสมกันยิ่งนัก สามารถแต่งๆ กันไปก็พอไหวเช่นนั้นกระมัง?

———————————————————-

บทที่ 1498 เช่นนั้นเจ้าชอบเขาหรือไม่? (4)

หลานไว่หู่ค่อนข้างกระสับกระส่าย พยักหน้าแล้วตอบ “เขาดีต่อข้าอย่างยิ่ง”

ตั้งแต่นางประกาศความสัมพันธ์กับเขา สองปีนี้ที่อยู่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เขาก็นับว่าดูแลเอาใจใส่นาง มารายงานตัวกับนางแทบทุกวัน พานางออกไปเที่ยวเล่นทุกแปดวันสิบวัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับนาง ค่อนข้างคล้ายกันออกเดทของชายหญิงที่กู้ซีจิ่วเคยเล่าไว้…

“ถ้าเทียบกับเยี่ยนเฉินเล่า?”

นามนี้คล้ายว่าจะทำให้จิ้งจอกน้อยเจ็บปวด นางเงียบไปแล้ว

บางทีอาจเป็นเพราะเหมยเขียวม้าไม้ไผ่เติบใหญ่มาด้วยกัน ยามที่นางอยู่กับเยี่ยนเฉิน จะสบายๆ และเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ยามที่เยี่ยนเฉินยั่วหยอกนาง นางอยากระบายอารมณ์ก็ระบายอารมณ์ได้เลย ปกติเยี่ยนเฉินโอ๋นางอยู่เสมอ ยามที่มีความสุขนางก็จะลากเยี่ยนเฉินไปวิ่งมา ถึงขั้นที่ว่ายามอยู่ด้านนอกเล่นจนเหนื่อยล้า ก็สามารถแอบอิงในวงแขนของเยี่ยนเฉินเพื่องีบหลับได้ แม้ว่าเยี่ยนเฉินจะไม่ชอบพูดนัก แต่ก็ดูแลนางดียิ่งนัก ต่อให้นางนอนอยู่ในหิมะก็จะไม่เป็นหวัด เพราะเยี่ยนเฉินจะอุ้มนางที่หลับใหลกลับไปยังโรงเตี๊ยม หรือไม่ก็หาถ้ำสักแห่ง ก่อกองไฟแล้วกอดนางไว้ในอ้อมอก โคจรพลังวิญญาณ ใช้อุณหภูมิร่างกายให้ความอบอุ่นนาง ทำให้ต่อให้นางอยู่ในห้วงนิทราก็รู้สึกเหมือนนอนอยู่ในผ้านวมที่อบอุ่น

แต่ยามที่อยู่กับหลานเยวี่ย อันที่จริงนางค่อนข้างประหม่า บนร่างหลานเยวี่ยมีรังสีอย่างหนึ่งที่อาจอธิบายได้ ทำให้หัวใจนางเสมือนเชือกเส้นหนึ่งที่ถูกขึงไว้ ยามที่เที่ยวเล่นด้วยกัน หลานเยวี่ยมักจะขอความเห็นจากนางเสมอ ยามกินข้าวก็ให้นางสั่งอาหาร แต่นางก็มีนิสัยกลัวที่จะต้องเลือก นางประหม่าได้ง่ายๆ ไม่รู้เลยว่าควรไปไหน ควรกินอะไร เนื่องจากไม่ว่าไปไหนกินอะไร ล้วนทำให้นางนึกถึงเยี่ยนเฉิน…

หลานเยวี่ยก็อยากแนบชิดสนิทสนมกับนางยิ่งขึ้นเช่นกัน อย่างเช่นอยากโอบกอดนาง แต่เขาเข้าใกล้เพียงเล็กน้อยนางก็ตระหนกแล้ว เส้นขนทั้งร่างแทบจะลุกชันขึ้นมาด้วยความระแวง นางไม่อยากให้เขากอดนาง ถึงขั้นที่เขาจับมือนางนิดหน่อย นางก็อยากชักออกมาตามสัญชาตญาณตลอด…

นางชอบคลอเคลียผู้อื่นชัดๆ แต่กับหลานเยวี่ยแล้วทั้งไม่กล้าและไม่อยาก

ยามที่อยู่กับเยี่ยนเฉินนางรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แต่เมื่ออยู่กับหลานเยวี่ยนางรู้สึกว่าตนเป็นสตรี ต้องเป็นสตรีที่มีความรับผิดชอบ

กู้ซีจิ่วมองนางอยู่สักพัก ถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “จิ้งจอกน้อย เจ้าถามใจตนให้ดีเถิด ว่าสรุปแล้วอยากอยู่กับผู้ใดกันแน่ คนสองคนเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องอยู่กันไปชั่วชีวิต อยู่ด้วยกันทุกเมื่อเชื่อวัน ให้กำเนิดบุตรธิดา…”

หลานไว่หู่สั่นระริกแล้ว มือขยุ้มมุมผ้าห่มแน่น วันหน้านางต้องอยู่กับหลานเยวี่ยไปชั่วชีวิต แถมยังต้องให้กำเนิดบุตรธิดากับเขาด้วยใช่ไหม?

ในใจหวาดผวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ถึงขั้นที่เกิดความรู้สึกว่าอยากหนีไปขึ้นมาวูบหนึ่งด้วย!

กู้ซีจิ่วเอ่ยอีกว่า “เรื่องใหญ่เช่นการแต่งงานมิใช่การละเล่นของเด็กน้อย อย่าได้เอาชั่วชีวิตของตนมาทิ้งเพราะความโกรธชั่วขณะเลย โดยเฉพาะเจ้าที่เป็นเผ่าจิ้งจอกคราม ชั่วชีวิตของเจ้าเนินนานยิ่งนัก…”

เธอหันหลังจะจากไป หลานไว่หู่กลับเอ่ยโพล่งออกมา “แต่ข้าแพ้พนันเขาไปแล้ว หมั้นหมายแล้ว ยังถอนหมั้นได้อีกหรือ? หลานเยวี่ยบอกว่าเผ่าจิ้งจอกครามถ้าหมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการแล้วก็เหมือนการแต่งงาน ไม่อาจเพิกถอนได้!”

เผ่าจิ้งจอกครามมีกฎเช่นนี้ด้วยหรือ? คงมิใช่ว่าหลานเยวี่ยหลอกลวงจิ้งจอกน้อยกระมัง?

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ตบไหล่หลานไว่หู่เบาๆ “นี่ก็ต้องถามหัวใจของเจ้าเองแล้ว! จิ้งจอกน้อย เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อการเลือกของตัวเอง วางใจเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหน ข้าล้วนจะสนับสนุนเจ้า”

ไม่ว่าจะทำอะไร ขอเพียงตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!

อย่าว่าแต่หมั้นเลย ต่อให้แต่งกันแล้ว ก็สามารถหย่าร้างได้!

หากว่าจิ้งจอกน้อยต้องการเพิกถอนสัญญาหมั้นหมายกับหลานเยวี่ยจริง กู้ซีจิ่วก็จะช่วยนาง เงื่อนไขแรกคือจิ้งจอกน้อยต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบก่อน…

ทางเลือกอยู่ในมือของตัวจิ้งจอกน้อยเอง กู้ซีจิ่วก็แค่จุดประกายขึ้นมาเท่านั้น

ในที่สุดเธอก็ก้าวออกมาแล้ว ด้านนอกแสงจันทร์ดั่งน้ำค้างแข็ง เฉกเช่นปรอทบนพื้นดิน

เธอเงยหน้ามองจันทราบนฟากฟ้า ขึ้นสิบห้าค่ำจันทร์เพ็ญกลมมน ไม่รู้ว่าตี้ฝูอีจะกลับมาวันนี้ไหมนะ?

นับว่าเธอกับตี้ฝูอีแยกจากกันก็แปดวันแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกันมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอแยกกับเขานานขนาดนี้ รู้ว่าเรื่องที่เขาไปจัดการจะเป็นยังไงบ้าง?

ยามที่ตี้ฝูอีจะจากไปได้ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับหนึ่ง บอกว่าจะออกไปตรวจสอบเรื่องหนึ่ง ให้เธอสงบใจคอยอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก่อน จัดการเรื่องราวของจิ้งจอกน้อย

————————————————————