DC บทที่ 210: หลังการศึก

 

“ผู้อาวุโสสูงสุดหาน เจ้าทางที่ดีควรมีคำอธิบายที่เหมาะสมกับเรื่องทั้งหมดนี้” ผู้นำนิกายตะโกนใส่อีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่ามีศิษย์รายล้อม ทั้งไม่คำนึงถึงหน้าตาของผู้อาวุโสสูงสุดหาน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสนิกายต่างพากันเห็นอกเห็นใจในความโกรธแค้นของผู้นำนิกาย ในเมื่อใจของพวกเขาเองก็แผดเผาไปด้วยความคับข้องใจหลังจากประสบกับความรู้สึกไร้อำนาจ และยิ่งต่อคนคนเดียวเสียด้วย

 

“และเจ้า เจ้าต้องไปกับข้าด้วยเช่นกัน” ผู้นำนิกายพลันชี้มือไปยังจางซิวยิง ซึ่งยังคงตกอยู่ในห้วงความคิด

 

เหล่าศิษย์คนอื่นและผู้อาวุโสนิกายล้วนพากันจ้องมองไปยังจางซิวยิงด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น พวกเขาล้วนสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับซูหยาง และพวกเขาบางคนยังรู้สึกอิจฉาเธอเสียด้วยซ้ำไป

 

ว่าไปแล้ว ใครบ้างไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่มีพลังอำนาจที่กระทั่งนิกายดอกบัวเพลิงทั้งหมดไม่อาจต่อกรด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะว่าจางซิวยิงเคยเป็นเพียงศิษย์นอกจนกระทั่งไม่นานมานี้ ส่วนใหญ่แล้วคนที่นั่นไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนจนกระทั่งวันนี้ อย่าว่าจะรู้จักชื่อเธอ

 

ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างพากันจ้องมองหน้าตาน่ารักใคร่ของจางซิวยิงด้วยดวงตาเบิกกว้างขณะที่เธอเดินตามผู้นำนิกายด้วยท่าทางประหม่า ราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะจดจำฝังใจรูปร่างหน้าตาของเธอไว้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เผลอล่วงเกินเธอเข้าโดยไม่เจตนาในอนาคต

 

ไม่ต้องพูดถึงศิษย์หลัก แม้กระทั่งผู้อาวุโสนิกายในที่แห่งนั้นพวกเขายินดีรับประทานอาจมดีกว่าที่จะไปล่วงเกินซูหยางหลังจากที่เห็นการแสดงออกถึงอำนาจที่เหนือกว่าอย่างน่าหวาดหวั่น ที่สามารถคุกคามได้แม้กระทั่งทั้งนิกายด้วยตัวของเขาเพียงคนเดียว

 

ยามเมื่อจางซิวยิง ผู้อาวโสสูงสุดหาน และผู้นำนิกายไปพ้นจากพื้นที่บริเวณนั้นและขังตัวเองไว้ในห้องส่วนตัว ผู้นำนิกายก็เริ่มตั้งคำถามผู้อาวุโสสูงสุดหานเป็นอันดับแรก

 

“เกิดบ้าอะไรขึ้นที่นั่น เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเป็นใคร”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดหานถอนหายใจลึกและเริ่มอธิบายให้เขาฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะไปถึง

 

“ชายคนนั้นที่ระบุตนว่าชื่อ ซูหยาง ได้โจมตีศิษย์ของผู้อาวุโสเหลาภายในเมืองดอกบัวพร้อมด้วยศิษย์ในคนอื่นอีกสามคน เขายังได้ยอมรับว่าเขาเป็นผู้ร้ายในเรื่องการตายของหวังหมิง ศิษย์ในที่พบเป็นขี้เถ้าเมื่อก่อนหน้านี้ภายในเขตศิษย์ใน”

 

“ด-เดี๋ยวก่อน ซ-ซูหยางโจมตีพวกเขาก็เพราะว่าพวกเขา–”

 

จางซิวยิงพยายามที่จะปกป้องซูหยางและการกระทำของเขาแต่ถูกขัดจังหวะโดยผู้นำนิกาย “เจ้าจักได้รับโอกาสให้อธิบายภายหลัง”

 

ผู้นำนิกายพยายามที่จะทำให้เสียงสงบนิ่งยามเมื่อพูดกับเธอ ราวกับว่าเขาเกรงว่าจะทำให้เธอกลัวหลังจากที่ได้ยินคำเตือนอย่างชัดเจนของซูหยาง

 

“ผู้อาวุโสเหลาเป็นคนแรกที่เข้าไปเผชิญหน้าซูหยาง และในระหว่างการปะทะกัน ผู้อาวุโสเหลาได้ตัดสินใจที่จะใช้ยันต์ขอความช่วยเหลือเรียกพวกเราทั้งหมด และนี่ก็เป็นตอนที่ข้าไปถึง และเพราะว่าเบื้องหลังของเขายังคลุมเคลือไม่แน่ชัดหลังจากที่ข้าได้โต้เถียงกับเขา ข้าได้ตัดสินใจที่จะให้เขาทิ้งแขนไว้ข้างหนึ่งเป็นการลงโทษที่ฆ่าศิษย์ของเราคนหนึ่ง เขาได้ปฏิเสธทั้งยังได้เยาะเย้ยพวกเรา และทุกสิ่งหลังจากนั้นก็คือความปั่นป่วนวุ่นวาย…”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดหานได้อธิบายให้ผู้นำนิกายว่าทั้งวิชาการต่อสู้และอาวุธวิญญาณล้วนไม่อาจทำอะไรซูหยางได้ และเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังต่อสู้อยู่กับภูเขาเหล็กกล้าที่ไม่มีวันขยับเขยื้อน

 

“ชายคนนั้น…เขาเป็นสิ่งที่ถูกสั่งตรงมาจากฝันร้ายสุดขีด…” ผู้อาวุโสสูงสุดหานถอนใจ รู้สึกเหมือนกับว่าอายุสั้นไปหลายปีหลังจากที่เหตุการณ์ในวันนี้

 

ผู้นำนิกายหลับตาลงครุ่นคิดหลังจากฟังคำอธิบายของผู้อาวุโสสูงสุดหาน

 

หลังจากนิ่งเงียบผ่านไปหลายนาที ผู้นำนิกายได้ลืมตาขึ้นมองดูจางซิวยิงและกล่าวว่า “เอาเลย แนะนำตัวเจ้าให้ข้าก่อนที่จะเริ่มด้วย”

 

จางซิวยิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ศิษย์คนนี้เรียกว่าจางซิวยิง ข้าเป็นศิษย์นอกอยู่จนกระทั่งไม่นานมานี้ และที่เมืองดอกบัว…ซูหยางเพียงทำร้ายพวกเขาก็เพราะว่าพวกเขายั่วยุเขาด้วยถ้อยคำหยาบคาย อีกทั้งศิษย์หลักคนนั้นเป็นฝ่ายโจมตีซูหยางก่อน ส-สำหรับหวังหมิง…เพราะว่าเขามักใช้ฐานะศิษย์ในของเขาบีบบังคับศิษย์นอกหญิงให้ไปหลับนอนกับเขา ซูหยางจึงฆ่าเขา…”

 

ผู้นำนิกายเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง หลังจากเงียบผ่านไปอีกหลายนาที เขากล่าวกับจางซิวยิงว่า “หวังหมิงได้บีบบังคับเจ้าหรือไม่”

 

เขาไม่สามารถหาเหตุผลดีใดๆที่ชักนำให้ซูหยางไปสู่หวังหมิง นอกจากว่าจางซิวยิงเป็นสาเหตุ

 

จางซิวยิงพยักหน้าด้วยท่าทางขมขื่น กล่าวว่า “ก่อนเขาตาย หวังหมิงได้กดดันข้าให้ไปหลับนอนกับเขา”

 

“เจ้าได้พบกับชายคนที่ชื่อซูหยางได้อย่างไร” ผู้นำนิกายถามเธอ

 

“ข้าพบกับซูหยางที่โรงประมูลดอกบัวเพลิงระหว่างการเปิดประมูลปีนี้” เธอกล่าว หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงรายละเอียดอย่างจงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เธอให้แก่นปราณหยินแก่เขาในช่วงเวลานั้น

 

“โรงประมูลดอกบัวเพลิง หรือว่าผู้อาวุโสหวังก็รู้จักเขา” เขาถามเธอ

 

จางซิวยิงพยักหน้า

 

ผู้นำนิกายเริ่มปวดหัวจากเรื่องทั้งหมดนี้ หวังชูเหรินจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากเธอทราบตัวตนของคนฆ่าญาติของเธอ จะดีที่สุดสำหรับเธอและนิกายดอกบัวเพลิงถ้าเธอไม่ตามไปแก้แค้นเขา

 

หลังจากครุ่นคิดไปหลายนาที ผู้นำนิกายก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดหาน ข้าต้องการให้ท่านไปพูดกับผู้อาวุโสหวังเกี่ยวกับซูหยาง และถ้าเธอต้องการแก้แค้นให้ญาติเธอ ข้าต้องการให้ท่านพยายามโน้มน้าวเธอให้โยนความคิดนั้นทิ้งไปทุกวิถีทาง”

 

และเขากล่าวต่อไปอีกว่า “สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้ ให้ทำเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้มาก่อน”

 

“ประทานโทษ” ผู้อาวุโสสูงสุดหานมองดูผู้นำนิกายด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“ยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าเจ้าจะไปหาเขาเองและบอกเขาให้รับผิดชอบเรื่องวันนี้” ผู้นำนิกายกล่าว

 

ผู้อาวุโสสูงสุดหานส่ายหน้าในทันที

 

“ส่วนสำหรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เห็นชัดว่าพวกเขามิมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขา และสำหรับเจ้าศิษย์จาง ข้าต้องขออภัยสำหรับการกระทำของหวังหมิง ในเมื่อมันเป็นความผิดพลาดในส่วนของข้าในฐานะผู้นำนิกาย นับแต่วันนี้ ข้าจักทำให้มั่นใจว่าจักไม่มีผู้กระทำผิดเช่นหวังหมิงอีก”

 

จางซิวยิงพลันโค้งคำนับและแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย”

 

แม้ว่าผู้นำนิกายอาจจะถือเกียรติและหยิ่งทระนง เขาก็ไม่ได้โง่เขลาและไร้เหตุผล เขาตระหนักถึงความผิดพลาดของตนเองและจะทำมันให้ถูกต้อง ส่วนความขื่นขมในใจที่เกิดจากการเผชิญหน้ากับซูหยาง ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถทำได้นอกจากพยายามลืมมันไป

 

นอกเหนือจากอาการบาดเจ็บที่ไม่มีผลข้างเคียงของเหล่าศิษย์บางคนแล้ว ก็ไม่มีอันตรายแท้จริงใดต่อนิกายดอกบัวเพลิงอีก ดังนั้นเขาสามารถเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ในวันนี้ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าจะมีสิ่งอื่นใด เขาก็ต้องขอบคุณซูหยางที่ไม่ได้ฆ่าเหล่าศิษย์ของเขาเมื่อเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น

 

“ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ในวันนี้”

 

ผู้นำนิกายส่งแขกผู้อาวุโสสูงสุดหานและจางซิวยิง แต่ก่อนที่จางซิวยิงจะจากไป ผู้นำนิกายได้กล่าวกับเธอว่า “ถ้าเจ้าพบเห็นว่ามีศิษย์คนอื่นเหมือนหวังหมิง เจ้าสามารถมาพบข้าและข้าจักจัดการเรื่องนั้นด้วยตนเอง”

 

จางซิวยิงพยักหน้า “ศิษย์เข้าใจแล้ว”

 

ครั้นเมื่อจางซิวยิงออกไปพ้นสถานที่นั้นแล้ว เธอก็มองไปยังฟ้ากว้างด้วยสายตาสับสน คิดถึงเหตุการณ์เหนือธรรมดาที่เกิดขึ้นในเวลาสองวันนี้เนื่องมาจากซูหยาง

 

ในเวลานั้น ผู้อาวุโสสูงสุดหานตรงไปยังที่พักของหวังชูเหริน