โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.458 – วิกฤตเมืองผู้ไซ

 

ก๊อก ก๊อก

 

ประตูห้องสุดหรูของฉินเฟิงถูกเคาะ

 

แต่ฉินเฟิงไม่สนใจ เพราะขณะนี้ เขายังอยู่ในห้องฝึกส่วนตัว ทำการดูดซับกำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธเลเวล B 

 

กว่า 20 สระน้ำกำลังภายใน เมื่อถูกกลั่น สุดท้ายฉินเฟิงได้มาเพียง 4 สระ

 

ฉินเฟิงถอนเทคนิคฝึกฝนกำลังภายในกลับคืน และออกจากห้องฝึกยุทธ

 

ไป๋หลีเปิดประตูเดินเข้ามา

 

“จิ่นเฟยบอกว่าพวกเรามาถึงเขตเมืองผูไซแล้ว ถ้าไปข้างหน้าอีกนิด จะถึงระยะยิงของหอธนูเมืองผูไซ เขาฝากมากถามว่าจะบินไปต่อดีรึเปล่า”

 

ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และส่งคำสั่งออกไป

 

“ค้นหาสถานที่ลงจอด”

 

“รับทราบ” โกวก๋วนเปล่งเสียงตอบรับ

 

ช่องที่ทั้งสองสนทนากัน คือช่องสัญญาณของเรือเหาะ

 

บนเรือเหาะมีผู้คนมากมาย แต่มีอาหารเตรียมไว้ไม่มากนัก ดังนั้นจำเป็นต้องแวะซื้อสินค้าบางอย่างในเมือง

 

เรือเหาะลงจอดในจุดปลอดภัยนอกเมืองผูไซ โกวก๋วนสั่งคนของเขา ว่าให้โปรยผงขับไล่สัตว์ร้ายรอบๆทันที เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้น

 

ส่วนฉินเฟิงพาไป๋หลีลงจากเรือเหาะ 

 

เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมของเมืองหวังแล้ว เมืองผูไซแทบจะกลายเป็นสวรรค์บนดิน

 

“พวกเราจะพักกันที่นี่ ส่งคนไปซื้อของจำเป็นมาตุนไว้ .. ยังไม่รีบไปอีก!” ฉินเฟิงสั่งการ

 

คนบนเรือเหาะเมื่อได้รับข่าว ก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนทันที จิ่นเฟยเองก็มิได้อยู่เฉย รับภารกิจมุ่งหน้าไปยังเมืองผูไซ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเหล่านั้นจากไปได้ไม่นาน ณ ตำแหน่งที่ฉินเฟิงยืนอยู่ จู่ๆใต้ฝ่าเท้าเขาก็เริ่มสั่นไหว กิ่งก้านของต้นไม้โดยรอบแกว่งไกว

 

โกวก๋วนเองก็ตระหนักถึงสถานการณ์โดยรอบ เขาชะงักไปทันใด

 

“แผ่นดินไหวงั้นหรอ?”

 

ใช่แล้ว ความรู้สึกนี้ มันเหมือนกับแผ่นดินไหวเลย

 

ฉินเฟิงเองก็ตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน

 

‘ทำไมจู่ๆมันถึงเริ่มขึ้นตอนนี้? อิงตามระยะเวลาที่ฉันจำได้ อย่างน้อยสมควรเหลือเวลาอีกราวๆ 1 อาทิตย์สิ!’ แม้สมองกำลังขบคิด แต่การกระทำกลับไม่เชื่องช้า

 

“อันดับแรก พวกเรากลับไปบนเรือเหาะก่อนเถอะ”

 

ลูกเรือที่ออกมาโปรยผงขับไล่สัตว์ร้าย ทั้งหมดกลับขึ้นไปบนเรือเหาะ 

 

โกวก๋วนลอยลำเรือเหาะ แต่หลังจากที่ทั้งหมดขึ้นมา การสั่นสะเทือนของผืนดินก็หยุดลงอีกครั้ง

 

“แผ่นดินไหวขนาดเล็กงั้นหรอ?” โกวก๋วนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

 

“พวกเรารอดูสถานการณ์กันก่อน อย่าพึ่งลดระดับเรือเหาะลง” ฉินเฟิงเตือน

 

“เข้าใจแล้ว” โกวก๋วนพยักหน้า แม้ในยุคโลกาวินาศ มนุษย์จะวิวัฒนาการไปอีกขั้นแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังหวาดกลัวภัยธรรมชาติอยู่ดี

 

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้น การให้เรือเหาะลอยลำเหนือผืนดินจะเป็นการดีที่สุด

 

ฉินเฟิงเองก็ร่ำรวยเงินทอง ดังนั้นการสูญเสียพลังงานเล็กๆน้อยๆแค่นี้ ไม่ถือเป็นปัญหาสำหรับเขา

 

อย่างไรก็ตาม หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรือเหาะของฉินเฟิงกลับได้รับแจ้งเตือนฉุกเฉิน ว่าทางฝั่งจิ่นเฟยถูกปิดกั้นเส้นทาง

 

“ลูกพี่ เส้นทางหลักถูกปิดกั้น มีกองทัพแมลงขนาดเล็กทางทิศตะวันออกของเมืองผูไซ แต่น่าแปลกจริงๆ เพราะพวกมันดันเป็นฝูงมังกรตลบดิน!”

 

มังกรตลบดิน คือไส้เดือนยักษ์ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเลเวล E 

 

อย่างไรก็ตาม หากเลเวล E อยู่รวมกันเป็นฝูงก็น่ากลัวไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าปล่อยให้สัตว์ร้ายเหล่านี้บุกเข้าไปในเมืองได้ล่ะก็ ขอแค่วันเดียว มันจะสามารถทำลายฐานของเมือง และถล่มสิ่งปลูกสร้างจนราบเป็นหน้ากลอง

 

และนั่นคือสิ่งที่จิ่นเฟยบอกว่าแปลก เพราะตามปกติแล้ว มังกรตลบดินจะไม่จับกลุ่มเป็นกองทัพกันแบบนี้

 

ฉินเฟิงเมื่อทราบข่าว ก็ตระหนักได้ทันที ดูเหมือนว่าตนจะเดาไม่ผิด ‘เจ้าสิ่งนั้น’ เกิดขึ้นแน่นอนแล้ว!

 

แน่นอน เกรงว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นเพียงลางบอกเหตุช่วงต้น

 

ฉินเฟิงจดจำได้อย่างชัดเจน ว่าก่อนเกินใหม่ในปีนี้ ในเดือนกรกฏาคมในเมืองผูไซ จะมีเหตุการณ์ครั้งสำคัญเกิดขึ้น

 

รอยแยกขนาดยักษ์จะปรากฏออกมาใต้ผืนดินใกล้ๆกับเมืองผูไซ

 

รอยแยกขยายไปทุกหนแห่ง จนเกิดรอยแตกร้าวขึ้นใต้ผืนดิน

 

ยังไม่พอ ท่ามกลางรอยแยก ยังปรากฏแร่ชีพจรขึ้นอย่างกะทันหัน

 

แร่ชีพจรชนิดนี้มีค่ามาก อย่างน้อยก็บนโลกมนุษย์ แร่เหล่านี้มัถูกเรียกว่า ผลึกชีพจรธรณี ซึ่งมีขนาดแตกต่างกันออกไป แค่ขนาดเท่าเล็บมือ ก็มีมูลค่ามากถึง 100 ล้านแล้ว!

 

ปรากฏการณ์เช่นนี้ เกิดจากการผสานรวมกันระหว่างสองมิติ ผลพวงของมันจะส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยครั้ง

 

ยังไม่พอ ภายในรอยแยกมิติ ยังมีเผ่าพันธุ์แมลงจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งแมลงทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแมลงที่มีความสามารถในการขุด ทำลายผืนดินได้

 

ด้วยเหตุนี้ ใต้ดินนอกเมืองผูไซ เลยเกือบจะกลายเป็นโพรงทางเดินขนาดใหญ่ แม้จะแตกแขนงไปหลายทิศทาง แต่ต้นทางของพวกมันล้วนนำไปสู่ทิศทางของรอยแยกมิติโดยตรง

 

ดังนั้นต่อจากนี้ไป เมืองผูไซก็จะพบกับกองทัพแมลงมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน ว่าเป็นเพราะผลึกชีพจรธรณี ทำให้มนุษย์ที่มาเยือน มีมากขึ้นเช่นกัน

 

ดังนั้น ความรุนแรงในการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่าย จึงไม่ด้อยไปกว่าในสมรภูมิหลงฉวนแม้แต่น้อย

 

จนกระทั่งถึงสามปีให้หลัง มีใครบางคนประสบอุบัติเหตุ ถูกจับตัวไปโดยฝูงมดเกราะเหล็ก โดนลากลงไปใต้ดิน แต่เคราะห์ดีสามารถหลบหนีออกมาได้ และระหว่างทาง เขาบังเอิญค้นพบตำแหน่งที่ตั้งของรอยแยกมิติซ่อนอยู่ใต้ดินพอดี จึงรีบรอยงานเรื่องนี้ไปยังพันธมิตรมนุษย์

 

เนื่องจากในเวลานั้นผลึกชีพจรธรณีไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว ทางพันธมิตรมนุษย์จึงส่งอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติมาที่นี่ เพื่อแก้ปัญหาโดยสมบูรณ์

 

แต่ตอนนี้ รอยแยกมิติที่ว่า ยังเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และนั่นหมายความว่าผลึกชีพจรธรณียังคงอยู่!

 

“นายอยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันจะออกไปดูสถานการณ์เอง” ฉินเฟิงกล่าว

 

“น้อมรับคำสั่ง ลูกพี่”

 

หากปล่อยให้จิ่นเฟยฝ่าออกมาเอง เกรงว่าในปัจจุบันเจ้าตัวจะไม่มีความกล้าเช่นนั้น

 

เพราะฝูงมังกรตลบดินเลเวล E ทรงพลังเกินไป ทั้งยังมีจำนวนมหาศาล เขาคงไม่กล้าใช้กำลังฝ่าออกมา

 

ฉินเฟิงวางสายจิ่นเฟย และติดต่อหาโกวก๋วน ออกคำสั่งในทำนองเดียวกัน

 

“คุณลอยลำต่อไป ผมกับไป๋หลีจะไปแวะไปดูทางฝั่งจิ่นเฟย”

 

ฉินเฟิงเรียกเมฆคราม และบินออกไป

 

บนท้องฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียงห้านาที ก็สามารถมองเห็นรูปร่างของเมืองผูไซได้ ปรากฏว่ากำแพงทั้งหมดล้วนทำมาจากไม้ใหญ่ มันทนทานมาก ทั้งยังมีคุณสมบัติเหมือนกับดอกไม้หยาดน้ำตา สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายขับไล่สัตว์ร้าย เมืองผูไซเลยไม่ค่อยถูกรุกรานโดยสัตว์ร้าย

 

แต่ตอนนี้ ณ ตำแหน่งห่างจากเมืองผูไซราวๆ 1,000 เมตร พื้นดินกระเพื่อมไหวอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกถึงมังกรตลบดินตนแล้วตนเล่ากำลังเลื้อยอยู่ใต้ดิน หอธนูที่อยู่ใกล้ที่สุด กำลังถูกมังกรตลบดินทำลาย ขณะเดียวกัน หอธนูอื่นๆต่างสั่นไหว 

 

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!”

 

ผู้ใช้พลังเลเวล F ที่แสนอ่อนแอ ร้องตะโกน คนๆนี้เป็นทหารยามที่เฝ้าอยู่บนหอธนู

 

ปัจจุบันหายนะได้มาเยือนแล้ว และเขาเป็นคนแรกที่โชคร้าย

 

ฉินเฟิงขับเมฆครามตรงไปอย่างรวดเร็ว ปากกระบอกปืนสาดรังสีไสว

 

ซี่!

 

ตูม!

 

ตามมาติดๆด้วยลำแสงที่สอง

 

 ครืน …

 

สองรังสีพลังงานตกลงกลางลำตัวของมังกรตลบดินโดยตรง ลำแสงอันทรงพลัง แยกมังกรตลบดินขาดเป็นสองซีก 

 

แต่การโจมตีนี้สังหารมังกรตลบดินได้เพียงสองเท่านั้น เมื่อตระหนักได้ถึงร่างสหายถูกแยก และกำลังดิ้นพล่าน ทั้งหมดที่เหลือก็มุดลงไปใต้ดินทันที

 

วิกฤตของหอธนูถูกยืดออกไปชั่วคราว

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีมังกรตลบดินจำนวนมากเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นดิน ส่งผลให้แผ่นดินสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา

 

อันที่จริงแล้ว หากคุณลองก้มมองสังเกตใกล้ๆ จะพบว่าพื้นดินที่นี่สูงกว่าปกติมาก นี่เป็นเพราะการดำรงอยู่ของมังกรตลบดิน ในขณะที่บางคนคิดว่าผืนดินสมควรร่วนและยุบตัวลง

 

ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาเลยไม่สามารถค้นพบความลับที่อยู่ใต้ดิน

 

“ไป๋หลี สัมผัสถึงรอยแยกมิติที่อยู่ใต้ดินได้ไหม?” ฉินเฟิงถาม

 

ไป๋หลีหลับตาลง สักพักพยักหน้า “สัมผัสได้ ยิ่งไปกว่านั้น เหมือนจะมีชิ้นส่วนต่างมิติที่เล็กมากๆ กำลังผสานรวมกันใต้ดินด้วยล่ะ”

 

นั่นแหละผลึกชีพจรธรณี!

 

แต่ตอนนี้ มันเพิ่งหลอมรวมกันเท่านั้น

 

และการหลอมรวม จำเป็นต้องใช้เวลา มิใช่เพียงลมหายใจเดียวก็เสร็จสมบูรณ์

 

เมืองผูไซไม่นิยมอุปกรณ์สื่อสาร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์กองทัพสัตว์ร้ายบุก ฝั่งในเมืองเลยยังไม่ได้รับข่าว

 

และเนื่องจากฉินเฟิงยิงปืนใหญ่ ทหารยามบนหอธนูเลยรู้สึกราวกับเขาเป็นผู้ช่วยชีวิต เร่งก้มหัวทักทาย และร้องเรียกสิ้นเฟิงด้วยความหวัง

 

ฉินเฟิงปล่อยเชือกลง ช่วยเหลืออีกฝ่าย