ตอนที่ 364 - หนีไม่พ้น (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 364 – หนีไม่พ้น (2)

ด้านนอกกำแพงเมืองเป็นดินแดนทุ่งหญ้าที่ราบเรียบ เจี้ยนเฉินยังคงบินข้ามอย่างรวดเร็ว ในแต่ละก้าว เขาไปไกลอย่างน้อย 20 เมตร แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้มายาพริบตา แต่เขาก็ยังเดินทางได้ค่อนข้างเร็ว

เมื่อสถานการณ์นี้เกิดขึ้นเจี้ยนเฉินรู้ว่าทุกเมืองโดยรอบนั้นไม่ปลอดภัยอีกต่อไป อำนาจทุกขั้วอำนาจได้ออกคำสั่งให้จับกุมเขา ในกรณีที่พวกเขาค้นพบเจี้ยนเฉิน เพราะเสือขาวนั้นเด่นมากเกินไปและเพราะเจี้ยนเฉินสัญญากับรัมกุยเนสว่าเขาจะดูแลลูกของนาง ลูกเสือขาวจะต้องอยู่กับเขา ตอนนี้ลูกเสือขาวอ่อนแอเกินไปที่จะป้องกันตัวเอง ถ้าหากจะลองใช้ชีวิตตามลำพัง มันก็มีโอกาสที่กลุ่มทหารรับจ้างหรือสัตว์อสูรอื่นจะเข้ามาทำร้ายมัน

ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังวิ่งอยู่ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างตามมาจากด้านหลัง หันหน้าไปทางด้านหลังของเขา เขาแสดงสีหน้าที่บูดเบี้ยวขณะที่เขาเห็นร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศที่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร

เมื่อเห็นอย่างนี้หัวใจของเจี้ยนเฉินก็เต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากต่อสู้กับบรรพบุรุษของตระกูลมู่หยวนในหุบเขา เขารู้ว่าเซียนสวรรค์นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าเขาใช้ทุกอย่างที่เขามี ทั้งสองฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัส มีความแตกต่างมากเกินไประหว่างเซียนปฐพีและเซียนสวรรค์ แม้ว่าหลังจากใช้ทักษะขโมยชะตาสวรรค์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาขึ้นมา 3 เท่า เขาก็แทบไม่สามารถต่อสู้กับเซียนสวรรค์ เจี้ยนเฉินไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากเซียนสวรรค์จากไป เพราะพวกเขาสามารถบินไปในอากาศได้ในขณะที่เจี้ยนเฉินทำไม่ได้

เมื่อมองดูเซียนสวรรค์ที่บินได้อย่างหม่นหมอง เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาทันทีเพื่อที่จะข้ามที่ราบและเดินทางด้วยความเร็วกว่าที่เคยเป็นสิบเท่า

การระเบิดความเร็วอย่างฉับพลันของเจี้ยนเฉินทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซียนสวรรค์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเซียนสวรรค์ก็เริ่มเพิ่มความเร็วของเขาด้วยเช่นกัน หลังจากเข้าใกล้เจียนเฉินและพยายามร่นระยะทาง

มายาพริบตาเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่เจี้ยนเฉินเข้าใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะเพิ่มความเร็วของเขาหลายเท่า แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะแซงหน้าเซียนสวรรค์ อย่าลืมว่าเจี้ยนเฉินกำลังวิ่งอยู่บนพื้นดินแต่อีกฝ่ายกำลังบินอยู่บนอากาศ

” เจี้ยนเฉิน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ทำไมไม่ส่งมอบผนึกสมบัติภูเขาให้กับตระกูลชิและเพื่อประหยัดพลังงานของเจ้า” ในขณะนี้เสียงของเซียนสวรรค์ที่สามารถได้ยินเหมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วโลก

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเช่นนี้ เจี้ยนเฉินหันกลับมาอีกครั้งเพื่อค้นพบว่าเซียนสวรรค์ที่บินอยู่ในอากาศเป็นบุคคลที่เขาได้พูดคุยกันในเมืองรับจ้างซึ่งเป็นหนึ่งในสี่พี่น้องไค

เจี้ยนเฉินยังคงพยายามวิ่งหนีอย่างต่อเนื่องไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับเซียนสวรรค์ เขาก็ยังไม่ต้องการที่จะต่อสู้ ถ้าเขาจะต้องการเอาชนะเซียนสวรรค์ แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นจำนวนมาก ด้วยราคาที่หนักหน่วงเช่นนี้ ถ้ามีกำลังเสริมเข้ามา เจี้ยนเฉินก็จะไม่มีแรงในการที่จะโต้กลับ

“เจี้ยนเฉิน ส่งผนึกสมบัติภูเขาคืนมา เจ้าหนีไม่พ้นหรอก เจ้าต้องยังไม่รู้สิ่งนี้ ตระกูลชิและตระกูลเจียเต๋อได้ร่วมมือกัน นอกเหนือจากเราสี่พี่น้องตระกูลไค ยังมีเซียนสวรรค์อีก 4 คนออกตามหาเจ้าในเวลาเดียวกัน เมื่อรู้ว่าเจ้าออกมาจากหุบเขาหมื่นพิษ พวกเรา 8 คนก็ไปยังเมืองใกล้เคียงและรอเจ้าอยู่ ข้าได้แจ้งตำแหน่งต่อพวกข้าอีก 7 คนแล้ว เจ้าไม่สามารถหลบหนีไปได้” เซียนสวรรค์พูด

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็มืดครึ้ม เขาไม่ได้คิดว่าเซียนสวรรค์ทั้งแปดจะไล่ตามเขา การเผชิญหน้ากับคนใดคนหนึ่งนั้นหนักเพียงอยู่พอแล้ว อย่าว่าแต่แปดคน ด้วยคนทั้งแปด มันจะไม่มีโอกาสให้เขาได้โต้กลับเลย

ความเร็วของเจี้ยนเฉินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่เขาหยิบแผนที่ออกมา เจี้ยนเฉินจดจำบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะสุ่มบินไปในทิศทางหนึ่งโดยไม่ลังเล การใช้ทักาะขโมยชะตาสวรรค์เพื่อเพิ่มความเร็วของเขาเป็นจำนวน 3 เท่า เขาพยายามที่จะแซงหน้าเซียนสวรรค์อีกครั้งโดยใช้ทักษะมายาพริบตา สิ่งที่เหลืออยู่ตรงจุดเริ่มต้นของเจี้ยนเฉินก็คือพายุฝุ่นอันยิ่งใหญ่

การระเบิดความเร็วอย่างทันทีทันใดของเจี้ยนเฉินทำให้ผู้อาวุโสจากพี่น้องตระกูลไคต้องตกตะลึง เมื่อเห็นร่างของเจี้ยนเฉินที่หายไปในตอนนี้ เขาพูดติดอ่างด้วยความประหลาดใจได้เพียงว่า” ปะ..เป็นไปไม่ได้! ขะ..เขาจะเดินทางเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร”

ในช่วงเวลาต่อมา ผู้อาวุโสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไล่ตามเจี้ยนเฉินในขณะที่พยายามทำให้แน่ใจว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้อยู่ไกลเกินไป

ด้วยความมุ่งมั่นที่เพิ่งค้นพบ ผู้อาวุโสก็บินขึ้นสูงขึ้นไปในอากาศและเริ่มตามรอยฝุ่นที่ทิ้งไว้เบื้องหลังความเร็วสูงสุดของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินไม่เคยเดินทางด้วยความเร็วเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้แม้แต่ทิวทัศน์ เขาก็ไม่สามารถแยกแยะได้อย่างสมบูรณ์เพราะมันผ่านเขาไปอย่างพร่ามัว ทักษะมายาพริบตาร่วมกับทักษะขโมยชะตาสวรรค์ทำให้เจี้ยนเฉินเร็วเกินกว่าที่เซียนสวรรค์จะทำได้ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะส่งผลให้มีการใช้พลังเซียนในปริมาณที่มาก ด้วยการเป็นเซียนปฐพีวัฎจักรที่ 4 เขาจะสามารถทำสิ่งนี้ได้ 1 ชั่วยาม หลังจากนั้น พลังเซียนของเขาก็จะหมดอย่างสมบูรณ์

เมื่อรู้สึกว่าพลังเซียนลดลง เจี้ยนเฉินนำแกนสัตว์อสูรระดับ 5 ออกมาจากแหวนมิติของเขาอย่างรวดเร็วและเริ่มฟื้นพลังเซียนบางส่วนในขณะที่เขาวิ่ง

1 ชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินเดินทางไปได้ไกลกว่า 2,000 กิโลเมตร บนถนน เขาได้ผ่านไปหลายเมือง แต่เจี้ยนเฉินไม่กล้าเข้าไปในเมืองหนึ่งเมืองใด

ตอนนี้พลังเซียนของเขาว่างเปล่า เจี้ยนเฉินนำลูกเสือขาวไปยังภูเขาใหญ่ ภูเขาค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ไม่สามารถเห็นยอดเขาได้เนื่องจากมีก้อนเมฆปกคลุมอยู่

เจี้ยนเฉินอุ้มลูกเสือขาวมาถึงป่าหิน เจี้ยนเฉินรีบเข้าไปขุดหลุมในหินปูนเพื่อซ่อนตัวเองในตอนนี้ นอกเหนือจากกองหินภายนอกแล้วยังมีหินยักษ์อีกก้อนหนึ่งที่ขวางทางเข้าทำให้ถ้ำซ่อนตัวอยู่ข้างใน

หลังจากการเตรียมการทั้งหมด เจี้ยนเฉินเดินโซเซเข้าไปในถ้ำอย่างอ่อนแรงหยิบไข่มุกราตรีออกมาเพื่อให้แสงส่องสว่างไปทั่วทั้งถ้ำ เขามองไปรอบ ๆ ถ้ำที่สร้างขึ้นใหม่

“โฮก .. โฮก ..” ในขณะนี้ลูกเสือขาวเริ่มร้องคร่ำครวญขณะที่เริ่มกัดแขนของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่กดอุ้งเท้าไปที่หน้าอก บางครั้งอาจได้ยินเสียงร้องที่มาจากท้องของมันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่ามันหิว

ถึงตอนนี้แม้แต่เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าลูกเสือขาวกำลังหิว เขารีบหยิบขวดนมออกมาเพื่อป้อนลูกเสือขาว เขารู้ว่ามันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 วันตั้งแต่ลูกเสือขาวได้กินนม ถ้ามันเป็นเด็กทารกมันคงจะร้องออกมาด้วยความหิว

หลังจากที่กินนมเสร็จจากขวดนมหนัก 10 กิโลกรัม ลูกเสือขาวก็พอใจ จากการเฝ้าดู เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจ ลูกเสือขาวนั้นตัวไม่ใหญ่มาก แต่มันก็สามารถดื่มนมสัตว์อสูรได้อย่างมากอย่างน่าประหลาดใจ

เจี้ยนเฉินมีนมทั้งหมด 50 กิโลกรัม แต่ลูกเสือขาวได้กินไปแล้วเกือบหนึ่งในห้า ถ้าความอยากอาหารของลูกเสือขาวยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ เขาจะสามารถให้อาหารลูกเสือขาวแบบนี้ได้อีก 4 ครั้งเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องสะสมนมสัตว์อสูรมากขึ้น แต่ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรวบรวมทรัพยากรอื่น ๆ จากที่ใดเพื่อที่ลูกเสือขาวที่จะเติบโตขึ้น อะไรคือทรัพยากรที่จำเป็นต่อจากนี้ไป” เจี้ยนเฉินขว้างขวดเปล่าด้วยท่าที่ที่ไตร่ตรอง

ลูกเสือขาวนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับหลับตาด้วยความพึงพอใจ ปีกของลูกเสือขาวโค้งงออย่างน่ารักอยู่ใกล้กับลำตัวในลักษณะที่ทำให้มองไม่เห็น

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินหยิบแกนสัตว์อสูรอีกแกนเพื่อฟื้นฟูพลังเซียน การใช้ทั้งทักษะมายาพริบตาและทักษะขโมยชะตาสวรรค์เป็นเวลานานทำให้พลังเซียนของเจี้ยนเฉินว่างเปล่า

5 ชั่วยามต่อมาเจี้ยนเฉินก็ยืนขึ้นในที่สุด ด้วยพลังของจิตวิญญาณกระบี่สีม่วง-ฟ้า อัตราการดูดซับของเขานั้นเร็วกว่าเดิมมาก ในอีก 5 ชั่วยามข้างหน้า พลังเซียนของเขาก็กลับมาสู่ระดับสูงสุดแล้ว

เจี้ยนเฉินเดินออกมาจากทางเข้าเล็ก ๆ ที่ด้านข้างของถ้ำ มันยังเช้าเกินไปเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นจากทางทิศตะวันออกแล้ว

เจี้ยนเฉินยังไม่ได้ออกเดินทาง เมื่อเขาหายไป เขาก็ขยับหินเพื่อขยายรูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก

อีกครึ่งชั่วยามต่อมา มีคนคนหนึ่งบินผ่านสายตาของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะหายตัวไปอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อตอนปรากฏตัว

ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง ร่างสีแดงเพลิงก็บินผ่านสายตาของเจี้ยนเฉินเช่นกัน

เจี้ยนเฉินรออีก 2 ชั่วยามก่อนที่จะเห็นชายทั้งหมดห้าคนบินผ่านท้องฟ้า หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็หายตัวไปเช่นกัน

ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงอย่างช้าๆ เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตก อีกครั้งเจี้ยนเฉินกลับไปที่ด้านในของถ้ำและเริ่มไตร่ตรองขั้นตอนต่อไปของเขา

จากสิ่งที่เขาได้เห็นมาก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าทั้งตระกูลเจียเต๋อและตระกูลชิกำลังเฝ้าดูพื้นที่ทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่พบจุดซ่อนตัวของเขาเนื่องจากทางเข้าที่ซ่อนอยู่และซ่อนตัวได้ดี มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่จะค้นพบพื้นที่ลับแห่งนี้ ดังนั้นนี่หมายความว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน

นอกจากนี้ เจี้ยนเฉินยังเป็นห่วงว่าตระกูลเจียเต๋อและตระกูลชิจะจ้างเซียนสวรรค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดพวกเขาต้องการยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎที่อยู่ในความครอบครองของเขา มันจะสมเหตุสมผลถ้าแม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขาจะมาด้วยตนเองเป็นการส่วนตัวเพื่อรับกลับคืนมา