บทที่ 566 : ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-7!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 566 : ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-7!

“คุณชายน้อยไม่ใช่คนรักสบาย หรือเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆ เขามีวิธีการฝึกกำลังภายในที่ลึกลับและทรงพลังอย่างมาก ข้าเองก็เห็นนายน้อยฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน กำลังภายในของเขาจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก!”

“คุณชายน้อยดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ก็สามารถเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวแม้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า และนับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ!”

“หากท่านคาดหวังว่าหลังจากที่นายน้อยรู้จักกับต้นตระกูลของตนเองแล้ว ก็จะยอมกลับเข้ามาอยู่ในกรงทองแห่งนี้ และใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยเช่นคนธรรมดาสามัญไปตลอดชีวิตแล้วล่ะก็ ความคิดนี้นับว่าผิดพลาดอย่างมาก.. มากจริงๆ! เพราะนายน้อยจะไม่ยอมใช้ชีวิตเช่นนั้นอย่างแน่นอน!”

“แต่หากนายท่านให้ข้าพาตัวนายน้อยกลับมา หลังจากที่เขาได้ทำความรู้จักกับต้นตระกูลของตนเองแล้ว ให้เขาได้รับรู้จุดอ่อนของตระกูลหลิง และศัตรูของพวกเรา การทำเช่นนี้ต่างหากที่จะช่วยปลุกจิตวิญญาณนักสู้ในตัวของนายน้อยขึ้นมา และยิ่งนายน้อยแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ ตระกูลหลิงก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น!”

ไม่ต้องสงสัยว่าเหล่ากุ่ยนั้นสามารถมองหลิงหยุนได้อย่างทะลุปรุโปร่งมากทีเดียว!

คำพูดของเหล่ากุ่ยนั้นไม่ต่างจากค้อนหนักที่ทุบลงกลางใจของหลิงลี่ มันมีพลังที่ทำให้เขารู้สึกสะเทือนและหวั่นไหวไปทั้งใจ!

หลิงลี่ลูบไล้ผมสีขาวของตนเอง และในใจก็ยากที่จะตัดสินใจได้!

ระหว่างชะตากรรมของตระกูลหลิง กับความเป็นความตายของหลิงหยุนในเวลานี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหลิงลี่ และแน่นอนว่าหลิงลี่ต้องระมัดระวัง และพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด!

“เหล่ากุ่ย.. เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชะตะกรรมของตระกูลหลิง และแม้แต่ชื่อเสียงของตระกูลหลิง เจ้ารับรองได้ไหมว่าหลิงหยุนจะปลอดภัย?”

เหล่ากุ่ยยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “ท่านผู้นำตระกูล.. ความแข็งแกร่งของนายน้อยนั้นเหนือกว่าข้า แล้วก็เหนือกว่าท่าน และคนอย่างนายน้อยก็ไม่เคยฝากชะตาชีวิตไว้ในมือของผู้ใด!”

“เด็กคนนี้..” หลิงลี่ถึงกับอึ้งไป และได้แต่เดินเอามือไขว้หลังกลับไปกลับมา

“แต่ข้าก็อดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้จริงๆ!” หลิงลี่เดินกลับไปกลับมาสองสามรอบ แต่แล้วก็หยุดกะทันหันพร้อมกับกัดฟันและขมวดคิ้วแน่น

นี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตระกูลหลิงก็จริง แต่หลิงหลี่ก็ไม่ต้องการให้หลิงหยุนซึ่งเป็นลูกนอกสมรส และได้พลัดพรากจากครอบครัวจนต้องไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอกมานานหลายปี ต้องมาเผชิญกับภัยอันตรายมากมายในเมืองหลวง หรือมามีส่วนร่วมในการเผชิญปัญหาต่างๆร่วมกับตระกูลหลิง

เหล่ากุ่ยยิ้มเล็กน้อย และเริ่มหงายไพ่ใบต่อไป “ท่านผู้นำตระกูล.. ท่านลืมไปแล้วหรือว่าหลิงหยุนไม่เพียงมีตระกูลหลิงคอยปกป้อง แต่ยังมีตระกูลฉินคอยหนุนหลังอยู่ด้วย..”

เหล่ากุ่ยเริ่มพูดให้หลิงลี่มั่นใจยิ่งขึ้น..

“ใหนยังจะมีหลานสาวของท่านเสี่ยวหมอเทวดา ที่เป็นคนรักของนายน้อยอีกคน!”

“นั่นสิ..!” หลิงลี่ถึงกับร้องอุทานเสียงดังออกมา เขามัวแต่เป็นห่วงหลิงหยุนจนลืมไปว่าหลิงหยุนเป็นลูกบุญธรรมของฉินจิวยื่อ!

หลิงลี่ยืนนิ่งสงบจิตใจอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วจู่ๆ เขาก็ตบหน้าตักตัวเองเสียงดังพร้อมกับร้องออกมาอย่างตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว

“เอาล่ะ.. ครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้า และทำตามเจ้าสักครั้ง!”

“แล้วเจ้าต้องเตรียมอะไรบ้าง? ข้าจะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับเจ้า!”

“ข้ายังต้องเตรียมการอีกมากมาย..”

เหล่ากุ่ยยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของผู้เฒ่าหลิง

มนุษย์เรานั้นจะขาดสิ่งใดในชีวิตก็ย่อมได้ แต่ไม่สามารถขาดความหวังได้! และจะสูญเสียสิ่งใดก็ได้ แต่ไม่ควรสูญเสียกำลังใจ!

“แล้วเจ้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”

เมื่อหลิงลี่ตัดสินใจแล้ว เขาจึงต้องการเตรียมการทุกอย่างให้ดีที่สุด!

“แต่ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี.. อย่างน้อยพรุ่งนี้ตอนเช้าเจ้าควรจะต้องถึงจิงฉูแล้ว!”

“ถ้าเจ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกข้ามา ข้าจะได้จัดหาให้!” หลิงลี่กำชับ

“ข้าขอท่านผู้นำเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น.. ขอให้ท่านเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ!” เหล่ากุ่ยตอบยิ้มๆ

ในที่สุดใบหน้าของหลิงลี่ก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา พร้อมกับตอบไปว่า “เจ้ายังต้องขอข้าอีกรึ?!”

……….

เที่ยงคืนผ่านไป ห่างจากตัวเมืองจิงฉูไปราวสามสิบกิโลเมตร..

การที่หลิงหยุนพาตี้เสี่ยวอู๋มาที่นี่นั้น ก็เพื่อจะให้เขาได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจในเรื่องจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และพลังชี่ได้มากขึ้น

“เขื่อนกักเก็บน้ำที่อยู่ตรงหน้านายตอนนี้เปรียบเหมือนจุดตันเถียนในร่างกาย ส่วนแม่น้ำนั่นก็เปรียบเหมือนเส้นลมปราณต่างๆที่ เชื่อต่อเข้ากับจุดตันเถียน”

หลิงหยุนยืนอยู่บนเขื่อน ยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านหน้าพร้อมกับอธิบายให้ตี้เสี่ยวอู๋ฟังอย่างละเอียด

“นายฟังนะ.. เสียงกระแสน้ำกำลังมา!”

ยังไม่เห็นน้ำ แต่สามารถได้ยินเสียงของกระแสน้ำ..

พื้นผิวน้ำยังคงสงบนิ่ง แต่เสียงกึกก้องสนั่นอยู่ในหูนั้น กลับดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงรัวกลองที่ดังจนแก้วหูแทบแตก

วิชานู่เตาของตี้เสี่ยวอู๋ก็คล้ายคลึงกับกระแสน้ำ ดังนั้นเพื่อให้ตี้เสี่ยวอู๋สามารถเข้าใจวิชานี้ได้ดีขึ้น หลิงหยุนจึงพาเขามาดูกระแสน้ำของจริง

ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า แต่ความมืดตรงหน้านี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบใดๆต่อหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ส่วนตี้เสี่ยวอู๋เองก็ฝึกดาราคุ้มกายมาถึงระดับย่อยสี่ ประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงเหนือกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังมีแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ทำให้เขาสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเช่นกัน

ในระยะไกลออกไปนั้น มีเส้นสีขาวปรากฏขึ้นบนผิวน้ำที่ปกคลุมไปด้วยหมอก และมันกำลังเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตก เพียงไม่นานเส้นสีขาวที่ปรากฏบนผิวน้ำนั้นก็พุ่งขึ้นเป็นแผ่นคล้ายกับน้ำตกขนาดยักษ์ และซัดมาทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว และรุนแรง!

ตี้เสี่ยวอู๋เกิดที่จิงฉูซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านสายน้ำ.. เขาจึงเคยเห็นน้ำขึ้นน้ำลง เห็นคลื่นซัดมามากมายนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

แต่หลังจากที่ได้ศึกษาวิชานู่เตา การมองกระแสน้ำของตี้เสี่ยวอู๋ก็แตกต่างไปจากเดิม!

หลิงหยุนปล่อยให้ตี้เสี่ยวอู๋พิจารณากระแสน้ำที่ซัดมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รบกวน ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงหันไปถามตี้เสี่ยวอู๋ว่า..

“เป็นไง? นายได้อะไรจากกระแสน้ำบ้าง?”

ตี้เสี่ยวอู๋ตอบกลับอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนฉันจะเข้าใจกระแสน้ำมากขึ้น!”

หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ “นายลองฝึกวิชานู่เตาดูอีกครั้ง..”

ตี้เสี่ยวอู๋ไม่รีรอ เขารีบนั่งลงขัดสมาธิหลับตา และเริ่มฝึกวิชานู่เตาไปด้วยในขณะที่ภาพกระแสน้ำเมื่อครู่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจชัดเจน

ตี้เสี่ยวอู๋มีความสุขอย่างที่สุด เขาเริ่มฝึกวิชานู่เตาด้วยการขับเคลื่อนพลังชี่ไปตามเส้นลมปราณต่างๆ แต่หลังจากเดินพลังชี่ไปตามเส้นลมปราณได้ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็ลืมตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ไม่สำเร็จ..”

ตี้เสี่ยวอู๋มีอาการโมโห และหงุดหงิด ในขณะที่ลืมตาขึ้นพูดอย่างผิดหวัง

แต่หลิงหยุนกลับดูพออกพอใจ เขาตอบกลับไปยิ้มๆ “ไม่ใช่ไม่สำเร็จ! นายได้ฝึกวิชาดาราคุ้มกายจนเข้าสู่ระดับสี่แล้ว เส้นลมปราณของนายจึงหนากว่าคนปกติ อีกทั้งพลังชี่ของนายก็ยังมีปริมาณน้อยเกินไป นายจึงไม่สามารถสัมผัสพลังชี่ที่เคลื่อนไปตามเส้นล้มปราณได้เท่านั้นเอง”

“แล้วเมื่อครู่นายก็ลืมจุดสำคัญไปด้วย นายเดินพลังชี่ไม่ต่อเนื่อง นายเดินพลังชี่ลูกแรกไปตามเส้นลมปราณแล้ว แต่ลืมที่จะขับพลังชี่ลูกใหม่ในจุดตันเถียน”

“แล้วนายก็ลืมจุดสำคัญไปด้วย นั่นก็คือการเดินพลังชี่ที่ต่อเนื่อง! นายเพียงแค่เดินพลังชี่ลูกแรกในเส้นลมปราณ แต่กลับไม่ขับเคลื่อนพลังชี่ลูกใหม่ในจุดตันเถียนเข้าสู่เส้นลมปราณต่อ สภาวะครึ่งๆกลางๆนี้ ทำให้ไม่มีคลื่นลูกใหม่ไปผลักดันคลื่นลูกแรก พลังจึงไม่พอ!”

“แต่นายเองก็เพิ่งจะฝึกวิชานี้ได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ครั้งแรกก็ฝึกได้ขนาดนี้นับว่าเป็นที่น่าพอใจมากแล้ว!”

“ไปขึ้นรถ.. กระแสน้ำระลอกที่สองกำลังจะมา เราจะไปล่าคลื่นกัน!”

รถแลนด์โรเวอร์เคลื่อนไปตามเขื่อน และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ช้าก็ไล่ตามกระแสน้ำลูกที่สองได้ทัน

“เอาล่ะ.. นายขับตามมา แล้วก็ระวังให้ดีด้วยล่ะ!”

หลังจากที่ร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋ไปแล้ว หลิงหยุนก็เปิดประตู และกระโจนออกไปจากรถทันที ปลายเท้าของหลิงหยุนสัมผัสกับพื้นเบาๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับนก และลอยละลิ่วไปอยู่กลางแม่น้ำ เท้าของเขาเหยีบอยู่บนกระแสน้ำที่กำลังพลุ่งพล่าน!

“โอ้โหพี่หยุน.. เท่ห์มากเลย!” ตี้เสี่ยวอู๋กรีดร้องออกมาอย่างตกใจ

หลิงหยุนไม่มีแม้กระทั่งเซิร์ฟบอร์ด แต่กลับสามารถขึ้นไปยืนอยู่บนกระแสน้ำที่ไหลพลุ่งพล่านด้วยเท้าเปล่า เมื่อกระแสน้ำพุ่งขึ้นและลดลง ร่างของหลิงหยุนก็ขึ้นๆลงๆตามกระแสน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว!

พลังลับหยินหยางภายในร่างกายของหลิงหยุนเริ่มปั่นป่วนอยู่ภายใน และร่างของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นบางเบาไร้น้ำหนัก ราวกับว่าหยดน้ำทุกหยดใต้ฝ่าเท้าของเขานั้นได้กลายเป็นเสมือนฝ่าเท้าของหลิงหยุนไปแล้ว พลังชี่ที่แข็งแกร่งภายในร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้ ไม่มีทางเลยที่ร่างของเขาจะร่วงตกลงไปในแม่น้ำได้

และนี่คือวิชาตัวเบาขั้นสุดยอดของหลิงหยุน เขาต้องการแสดงให้ตี้เสี่ยวอู๋เห็นเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตี้เสี่ยอู๋

“มหัศจรรย์มาก.. นี่เหมือนกับตำนานข้ามแม่น้ำที่เคยได้ฟังมาเลย..”

ตี้เสี่ยวอู๋จ้องมองหลิงหยุนที่ยืนสงบนิ่งอย่างมั่นใจอยู่บนคลื่นสีขาวด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดขีด!

หลังจากที่กระแสน้ำพัดกระแทกเข้ากับสิ่งกีดขวาง มันก็จะซัดกลับไปกระแทกเข้ากับกำแพงกั้นน้ำฝั่งตรงข้าม ทำให้เกิดกระแสน้ำวนที่หมุนวนไปทางทิศตะวันตก ดูราวกับภูเขาหิมะก็ไม่ปาน

หลิงหยุนเผชิญหน้าอยู่กับกระแสน้ำวนที่สูงกว่าเจ็ดหรือแปดเมตร ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว หลิงหยุนยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นไปยืนอยู่ด้านบน และกำหมัดไว้ทั้งสองข้าง!

หมัดปีศาจเถียนกัง!

ข้างหนึ่งรวบรวมพลังหยิน ส่วนอีกข้างหนึ่งรวบรวมพลังหยาง ข้างหนึ่งเย็น อีกข้างหนึ่งร้อน พลังปราณทั้งสองสายพุ่งออกมาจากหมัดของหลิงหยุนพร้อมๆกัน แล้วจึงเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ!

ตูม!

ตี้เสี่ยวอู๋ที่กำลังขับรถตามไปนั้นถึงกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง!

“โอ้แม่เจ้า!! นี่มันอะไรกัน?!”

ตี้เสี่ยวอู๋กระทืบเบรกอย่างแรง เขาจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลง และอ้าปากหวอด้วยความตกตะลึง..

หลิงหยุนโคจรดาราคุ้มกาย และพลังลับหยินหยางไปพร้อมกัน ก่อนจะซัดหมัดปีศาจเถียนกังใส่กระแสน้ำวนอย่างสุดกำลัง

พลังหยิน-หยางทั้งสองสายปรากฏขึ้นคล้ายกับเส้นโค้งสองเส้น และเส้นโค้งทั้งสองเส้นนี้ก็ก่อตัวเป็นกำแพงดวงดาวที่โปร่งใส เมื่อกระแสน้ำวนกระทบเข้ากับกำแพงใสที่เกิดจากพลังหยินบริสุทธิ์ กระแสน้ำจึงกลายเป็นน้ำแข็งทันที แม้แต่หยดน้ำที่กระเซ็นกระซ่านก็กลายเป็นหยดน้ำแข็งไปด้วยเช่นกัน!

หลังจากที่หลิงหยุนปล่อยหมัดปีศาจเถียนกังกระแทกกับกระแสน้ำวนจนกระจัดกระจายเป็นเกล็ดสีขาวแล้ว ร่างของเขาก็ค่อยๆ ร่อนลงมายืนอยู่บนเขื่อนไกลๆ พร้อมกับฉีกยิ้มจนลักยิ้มแก้มซ้ายสั่นไหว

“ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-7 สามารถปลดปล่อยพลังชี่ในร่างกายให้กลายเป็นอาวุธจู่โจมคู่ต่อสู้ได้ นี่สิจึงจะเรียกว่าหมัดปีศาจเถียนกังที่แท้จริง!”