เย่เทียนชำเลืองมองดูนามบัตรในมืออย่างไม่มีเหตุผล มีเพียงหมายเลขและชื่อเท่านั้นที่พิมพ์ไว้บนนั้น ซึ่งเรียบง่ายมาก
“เจิ้งเหวยหวา?เป็นคนประหลาดจริงๆ”
เย่เทียนส่ายหัวไม่รู้จะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี หางตาเหลือบเห็นจำนวนเงินที่กรอกในเช็คและรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมปากของเขา “และก็ยังเป็นคนแปลกที่ร่ำรวย!”
ไม่ใช่สิ่งอื่นใด ราคาที่กรอกในเช็คคือหนึ่งล้าน นี่เป็นการกระทำของคนรวยเขาทำกัน!
“คุณพูดถูก เขาเป็นคนแปลกจริงๆ”
หลังจากที่ถูกขัดจังหวะโดยเจิ้งเหวยหวา จี้เยียนหรันก็เก็บอารมณ์ฉุนเฉียวของเธอกลับและอธิบายว่า “เจิ้งเหวยหวากับพี่ใหญ่ของเขาเจิ้งเหวยกั๋ว ทั้งสองทำงานร่วมกัน พัฒนามาจากผู้ขายของข้างถนนไปสู่บริษัทแช่เจิ้งที่โด่งดังในขณะนี้ในเมืองเจียงหวยและแม้กระทั่งทั้งประเทศ”
“คือบริษัทแช่เจิ้ง?”
เพราะว่าเย่เทียนไม่ค่อยสนใจเรื่องธุรกิจมากนัก เขาจึงไม่คุ้นเคยเจิ้งเหวยหวามากนัก แต่ ก็เคยได้ยินบริษัทแช่เจิ้งอยู่
หนึ่งในห้าร้อยบริษัทซุปเปอร์ชั้นนำของโลก แม้ว่าจะอยู่หลังสุด แต่ก็อยู่ในอันดับต้นๆในเมืองเจียงหวย
ความจริงแล้ว ในชีวิตที่แล้วเย่เทียนก็ไม่ใช่ไม่สงสัยว่าบริษัทแช่เจิ้งเป็นคนทำร้ายตระกูลเฉิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่เทียนพยายามสืบบริษัทแช่เจิ้ง พบว่าสองพี่น้องทะเลาะกัน และในที่สุดบริษัทแช่เจิ้งขนาดใหญ่ก็พังทลายและหายตัวไปในประวัติศาสตร์อันยาวนาน
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นชาติที่แล้ว และบริษัทแช่เจิ้งในตอนนี้ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้เย่เทียนจึงตั้งใจแน่วแน่
แม้ว่ายาเพิ่มพลังจะออกสู่ตลาดแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดมากนักและความนิยมก็ยังไม่มาก ถ้าได้ความช่วยเหลือจากบริษัทแช่เจิ้ง จะไม่ง่ายกว่าหรือ?
อย่างอื่นเย่เทียนไม่รู้ แต่เขารู้ว่า บริษัทแช่เจิ้ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์เมืองเจียงหวย ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าโฆษณาได้มาก!
ในเวลาเดียวกัน คุณหมอสวีกำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลอย่างห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง หน้าซีดจนน่ากลัว
เพราะตดจนทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไม่กล้าบอกว่าอนาคตจะไม่มีใครเป็นเช่นนี้อีก แต่ก็กล่าวได้ว่าที่ผ่านมาไม่มีใครเคยเป็นเช่นนี้?
โรคตดที่มาอย่างกะทันหันนี้ทรมานเขาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่จากการตรวจสอบทุกรูปแบบก็พบว่าไม่มีปัญหา และไม่มีวิธีแก้ใดๆเลย
โชคดีที่ในช่วงสิบนาทีแรก โรคตดแปลกๆได้รับการบรรเทาลง และไม่ได้ตดอีก คุณหมอสวีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าเหตุผลหลักๆคืออะไร คุณหมอสวียังคงให้เหตุผลว่าเย่เทียนเป็นปัญหา
เขาโกรธมากเมื่อคิดถึงเย่เทียน วันนี้เขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง ถ้าเขาไม่แก้แค้น ในอนาคตเขาจะมีหน้าอยู่ต่อในสังคมอย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ คุณหมอสวีก็ค่อยๆหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างอ่อนแรงแล้วกดหมายเลข
“พี่เฮย ช่วยผมจัดการคนๆหนึ่งหน่อย!กล้ากลั่นแกล้งผม ผมจะให้ชีวิตต่อจากนี้ของเขาทำได้แค่เป็นขอทาน!”
…
เย่เทียนไม่ได้เลือกนอนในโรงพยาบาล แต่ไปเปิดห้องในโรงแรมรอบๆโรงพยาบาล
หลังจากตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีอุปกรณ์แอบดูเหมือนในรายงานข่าว เย่เทียนจุงนั่งลงและเอาหินทิพย์สองก้อนที่ทำความสะอาดแล้วออกมา
“น่าจะสามารถทะลุทะลวงไปสู่ฝึกพลังชั้นห้าได้แล้วใช่ไหม?”
พึมพำไปหนึ่งคำ เย่เทียนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป สองมือจับหินทิพย์ไว้ คัมภีร์หวงหมุนและเริ่มฝึกฝน
ยามดึกเริ่มมืดลง แต่ก็ค่อยๆสว่างขึ้น ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เย่เทียนที่หลับตาในที่สุดก็ลืมตาขึ้น และมีแสงจางๆลอดผ่านใต้ตาของเขา
และหินทิพย์สองก้อนในมือของเขาได้กลายเป็นหินสีเทาเล็กๆ และกลายเป็นของธรรมดาไป
เขาหายใจเข้าลึกๆ มองดูวันใหม่นอกหน้าต่าง เย่เทียนส่ายหัวอย่างไม่พอใจและถอนหายใจ “เห้อ อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จ เพียงอีกนิดเดียวเท่านั้น!”
หลังจากการฝึกฝนไปทั้งคืน แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากหินทิพย์สองก้อน เย่เทียนก็ยังล้มเหลวในการก้าวเข้าสู่ฝึกพลังชั้นห้า
อย่างไรก็ตาม มันทำให้เขาไปถึงจุดสูงสุดของการฝึกพลังชั้นสี่ ขาข้างหนึ่งของเขาได้ก้าวเข้าสู่ฝึกพลังชั้นห้าแล้ว เพียงรอให้ขาอีกข้างก้าวเข้ามา
เย่เทียนไม่ใช่คนที่คิดมากและลังเล ร่างกายของเขาเบาเหมือนนก กระโดดขึ้นจากเตียงและลงไปที่พื้นเบาๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ก็ไม่ได้ล้า
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว เย่เทียนก็ไปเยี่ยมจี้เยียนหรันที่โรงพยาบาลก่อน จากนั้นเขาก็กดหมายเลขของเจิ้งเหวยหวา
“น้องเย่ คนที่ผมจัดให้ไปรับคุณรออยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาลแล้ว”
ดูเหมือนเจิ้งเหวยหวาจะคาดเดาได้ว่าเย่เทียนจะมา ดังนั้นเขาจึงจัดรถมารอที่ทางเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เนิ่นๆ
หลังจากขึ้นรถ เย่เทียนก็ได้รู้เรื่องคร่าวๆของตระกูลเจิ้นจากคนขับด้วยคำพูดไม่กี่คำ
แม้ว่าภายนอกของตระกูลเจิ้นจะสงบสุขและรักกันดี แต่ในความเป็นจริง ความขัดแย้งย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้
สองพี่น้องไม่มีเรื่องอะไร เพราะโตมาด้วยกัน และยังเป็นพี่น้องแท้ๆ รู้ต้นตอกันและกัน แม้ว่าจะมีความขัดแย้ง พวกเขาจะคลายความขัดแย้งกันได้อย่างรวดเร็ว
ปัญหาสำคัญคือภรรยาทั้งสองของพวกเขา เข้ากันไม่ได้เลย อย่างกับน้ำกับไฟ เจอกันทีไร สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปอย่างไม่มีความสุข
และนี่ จู่ๆเจิ้งเหวยกั๋วก็เริ่มบ้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภรรยาของเขาก็ว่าร้ายว่าเป็นแผนชั่วของเจิ้งเหวยหวา จะขายบริษัทแช่เจิ้ง จะออกจากประเทศจีน เพื่อไม่ให้ตายในมือของเจิ้งเหวยหวา
โกรธก็ส่วนโกรธ โมโหก็ส่วนโมโห เป็นไปไม่ได้ที่เจิ้งเหวยหวาจะปล่อยให้บริษัทแช่เจิ้งแตกแยกกันไปแบบนี้ จึงทำได้เพียงปลอบพี่สะใภ้ไปด้วย หาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาเจิ้งเหวยกั๋วไปด้วย
เหตุผลที่เขาไปโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์เมื่อวานนี้ด้วยตนเอง เดิมทีตั้งใจจะเชิญว่านชิงเฟิงมาช่วยดูให้หน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับเรื่องของกงหย่วน และยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับเย่เทียน!
ระหว่างการสนทนา ในที่สุดรถก็หยุดลงอย่างช้าๆ
ผ่านหน้าต่างรถ เย่เทียนกวาดมองสภาพแวดล้อมภายนอก
คงเป็นเพราะเจิ้งเหวยกั๋วเป็นคนไม่ค่อยทำตัวเป็นจุดสนใจและถ่อมตน พื้นที่วิลล่าไม่ใหญ่ พื้นที่อาคารประมาณ 200 ตร.ม. ต่อให้รวมสนามหญ้าและที่จอดรถไว้ด้วยก็ประมาณไม่น่าจะเกิน 400 ตร.ม. .
อย่างไรก็ตาม ภายใต้แสงแดดที่ส่องลงมา วิลล่าสไตล์สวนทั้งหมดดูเหมือนจะถูกปกคลุมอย่างกลมกลืน
แดดยามเช้าไม่ร้อนนัก ลมพัดมาแผ่วเบา สัมผัสแห่งความง่วงนอนและความเหนื่อยล้าก็เกิดขึ้นช่วยไม่ได้ ทำให้คนอยากกลับไปนอนบนเตียงอันอบอุ่น
ที่ทางเข้าวิลล่า มีชายวัยกลางคนในชุดจีนยืนรออยู่แล้ว ไม่ใช่เจิ้งเหวยหวายังจะเป็นใครอีกล่ะ?
ฮีโร่ผู้เก่งกาจที่อยู่ในวงการธุรกิจยืนอยู่หน้าประตูและรอคอยอย่างซื่อๆ ซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ความจริงใจของเจิ้งเหวยหวาได้แล้ว
“น้องเย่ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
เมื่อเห็นว่ารถหยุดนิ่ง เจิ้งเหวยหวาก็รีบมาทักทายเขา
เย่เทียนตอบกลับโดยการพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเขาจ้องไปที่วิลล่า ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและเขาก็พึมพำกับตัวเองว่า”ดินแดนแห่งทิพย์ปลอม?”
เจิ้งเหวยหวาได้ยินไม่ชัด แต่ตระหนักได้ว่าสีหน้าของเย่เทียนไม่ปกติ และถามด้วยความสงสัย
“น้องเย่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เย่เทียนไม่ตอบสนองและก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปที่วิลล่า
“ไปเถอะ เข้าไปดู!”
แม้ว่าในใจของเจิ้งเหวยหวาจะสงสัย แต่เขาไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านี้ เพราะกลัวว่าพูดอะไรผิดแล้วจะทำให้เย่เทียนขุ่นเคือง เขาจึงพาเย่เทียนเข้าไปด้วยความเคารพและเดินเข้าไปในวิลล่า…