ตอนที่ 487 เมืองน้อยในป่ าใหญ่
หยางฉีเย่ว์กุมมือฉินหยุนเอาไว้แน่น นางขณะนี้เผยความตื่นเต้น
ออกมา
“พี่หยาง เหตุใดท่านตื่นเต้นกัน?” ฉินหยุนกุมมือนุ่มเอาไว้ มันสั่น
เล็กน้อยจนเขาอดไม่ได้ที่จะถามออก
“ข้ากังวล กังวลว่ามันจะมีอันตรายในสวนโบราณ!” หยางฉีเย่ว์มอง
ฉินหยุนด้วยดวงตางดงามซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
ฉินหยุนนึกถึงชาติภพก่อนของหยางฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์เสียชีวิตในสวนโบราณที่ดวงจันทร์ ดังนั้นนางที่กําลังจะ
เดินทางไปสวนโบราณแห่งอื่น จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึก
หวาดกลัวขึ้นมา
“ย่อมไม่เป็นไรขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มให้
หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ กระนั้นใบหน้าก็ยังเผยความกังวลอยู่ดี
“ข้าจะเปิ ดการทํางานค่ายอาคมเคลื่อนย้ายแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวขณะ
นําหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง บรรจุในมิติเก็บของก้อนอิฐบนพื้น
“เริ่มเลย!” หยางฉีเย่ว์ได้เห็นค่ายอาคมสั่นไหวเล็กน้อย นางขณะนี้
กุมมือฉินหยุนไว้แน่น ทั้งยังหอมแก้มเขาไปครั้งหนึ่ง
ฉินหยุนรับรู้เด่นชัด ว่าหยางฉีเย่ว์หอมแก้มตนเอง เขาถึงกับอึ้งไปวูบ
พร้อมกันนี้ ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายก็ทํางานแล้ว
“พี่หยาง!” ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเมื่อทํางานเสร็จสมบูรณ์ ฉินหยุน
ตะโกนร้องด้วยอาการตระหนก
ด้วยการหันมองรอบ พบว่าอยู่ในป่ าโบราณ กระนั้นข้างกายไม่มี
หยางฉีเย่ว์
เขารับรู้เด่นชัด ว่าเมื่อครู่กุมมือหยางฉีเย่ว์เอาไว้ เขายังรับรู้ถึงการ
หอมแก้มที่หยางฉีเย่ว์มอบให้ กระนั้น เมื่อค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเริ่ม
ทํางาน หยางฉีเย่ว์กลับหายไปแล้ว
“พี่หยาง ท่านอยู่ที่ใด!” ฉินหยุนตะโกนร้องเสียงดังทั่วทิศด้วยความ
กระวนกระวาย
เขาเดินไปมาวนรอบพร้อมตะโกน “พี่หยาง” ดังลั่นกว่าสามชั่วยาม
กระนั้นก็ยังไม่พบแม้เงาของหยางฉีเย่ว์
ฉินหยุนเกิดความกังวลล้นพ้นขณะล้มร่างลงกับพื้น เขาคว้าเส้นผม
ตนเองไว้พลางพึมพํา “หลังจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทํางาน เรากุม
มือพี่หยางเอาไว้ แต่นางก็หายไปอย่างกะทันหัน นี่มันเรื่องอะไร
กัน?”
“พี่หยาง ท่านไปอยู่ที่ใดแล้ว…”
ฉินหยุนใช้มือสัมผัสตําแหน่งที่หยางฉีเย่ว์หอมแก้มตนเอง ความ
นุ่มนวลและละมุนของริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงยังคงอยู่อย่างเด่นชัด
“ที่นี่ไม่มีค่ายอาคมเคลื่อนย้าย อย่างนั้นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่นคร
โบราณยุทธ์เต๋าก็เป็นการทํางานแบบทางเดียว!” เขาปล่อยเสียงถอน
หายใจยาวออกมา ได้แต่หวังว่าหยางฉีเย่ว์จะไม่พบปัญหาใด
“พี่หยุน พี่หยางย่อมไม่เป็นไร ข้ายังรับรู้ถึงพลังชีวิตอันแกร่งกล้า
ของนางได้!” โมโมขณะนี้โพล่งเสียงดังขึ้น “ข้าครอบครองโทเทม
จันทราทมิฬ ดังนั้นจึงสามารถรับรู้ถึงนางด้วยวิธีการพิเศษ! กระต่าย
น้อยยังบอก ว่าพี่หยางไม่เป็นไร เพียงแค่อาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
ระหว่างการเคลื่อนย้าย!”
ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยรู้สึกวางใจขึ้นบ้าง
เขานําเอายันต์ตามรอยตะวันออกมา เริ่มออกวิ่งราวคนบ้าสู่ทิศทางที่
ยันต์บ่งชี้
หลังจากเข้าสู่สวนโบราณ หากคิดกลับออกไปจากที่นี่ ก็คงมีแต่ต้อง
ผ่านเส้นทางหนามปี ศาจ
ทว่า ทางเข้าแห่งนั้นมีข้อจํากัดใหญ่หลวง คนที่คนเข้ามาได้ต้องอยู่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม นอกจากนี้ ยังต้องมีตั๋วสําหรับเข้า
สวนโบราณอีกด้วย
“พี่ชาย รอจนฟ้ามืด ข้าจะพยายามทดลองดูว่าสามารถใช้โทเทม
จันทราทมิฬ สัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์และโทเทมจันทราทมิฬของพี่
หยางได้หรือไม่ บางทีข้าอาจติดต่อกับนางได้!” โมโมกล่าวคําขึ้น
“ได้!” ฉินหยุนได้แต่มุ่งหน้าไปต่อจนกระทั่งฟ้ามืด
สวนโบราณแห่งนี้กว้างใหญ่
ต้นไม้ล้วนสูงกว่าสองถึงสามร้อยเมตร หลุมน้อยใหญ่ปรากฏขึ้นให้
เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า
ขณะฉินหยุนเดินทางผ่านป่ า เขารับรู้ได้ถึงออร่าโบราณ มันราวกับ
เขาได้ย้อนคืนสู่ยุคโบราณอีกครั้งหนึ่ง
เขาไม่ทราบเรื่องสวนโบราณแห่งนี้มากนัก ที่ทราบก็เพียงแค่มีผู้ฝึก
ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจํานวนมากเข้ามา
นอกจากนี้ สะพานพังทลายที่เป็นทางเข้าสวนโบราณ ยังถูกสร้างไว้
โดยสํานักเก้าตะวัน
ด้วยเหตุนี้ สํานักเก้าตะวันจึงครอบครองตั๋วเข้าจํานวนมหาศาล
เพื่อให้บรรดาศิษย์ของตนได้เข้ามา
แม้พวกเขาไปจากสามแดนอ้างว้างแล้ว ก็ยังหลงเหลือศิษย์ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจํานวนมาก เพื่อให้พวกเขาเข้าสู่สวนโบราณ
และออกค้นหาวิญญาณดวงตะวัน
ฉินหยุนเดิมคิดว่าคงมีคนไม่มากเข้าสู่สวนโบราณ กระนั้นกลับได้
พบเมืองเล็กแห่งหนึ่งในป่ าโบราณ!
และยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่งด้วย!
“หรือตลอดปี มานี้มีผู้คนมากมายเข้ามา จนกระทั่งเกิดเป็นเมืองเล็ก
แห่งนี้ขึ้น?” ฉินหยุนคาดการณ์ว่าในเมืองเล็กตรงหน้า สมควรมี
ประชากรนับหมื่นคน
เขาส่องกระจก ทําการติดหนวดเคราที่ใบหน้า เปลี่ยนชุดสวมใส่เป็น
สีนํ้าเงิน ปลอมแปลงโฉมเพื่อไม่ให้ผู้อื่นจดจําตนเองได้โดยง่าย
จากนั้นจึงเข้าเมืองไป
เข้ามาแล้ว ฉินหยุนพบว่าไม่ใช่เพียงแต่คนจากสามแดนอ้างว้างที่เข้า
มายังสวนโบราณแห่งนี้
มันยังมีเส้นทางเข้าจากแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง
กระนั้น ก็มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจึงสามารถเข้ามาได้
หลังจากเข้ามาในสวนโบราณ ผู้คนของแดนวิญญาณอ้างว้างและ
แดนอสูรอ้างว้าง จะไม่อาจกลับไปยังแดนต้นสังกัดของตนเองได้
กระทั่งว่าพวกเขาค้นหาวิญญาณดวงตะวันพบ พวกเขาก็ได้แต่
เคลื่อนย้ายกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง จากนั้นค่อยเดินทางจากแดน
ยุทธ์อ้างว้างกลับสู่แดนวิญญาณอ้างว้าง หรือไม่ก็แดนอสูรอ้างว้าง
ฉินหยุนขณะนี้ถึงกับเกิดความประทับใจที่วิญญาณดวงตะวันซุก
ซ่อนตนเองได้ดีเยี่ยม นี่ก็เพราะมันมีเมืองขนาดเล็กเช่นนี้ปรากฏขึ้น
หลายสิบแห่งตลอดช่วงหลายพันปี ที่ผ่านมา
หากเขาเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่นี่ เขาจะโดนแรง
กดดันเข้าเล่นงาน ทําได้แต่ต้องเคลื่อนย้ายกลับไปยังแดนยุทธ์
อ้างว้าง
ตําหนักจารึกเทวะเรืองอํานาจ ในเมืองเล็กตรงหน้า มันมีตําหนัก
จารึกเทวะตั้งตระหง่าน ทว่าก็ไม่มีทางที่จะมีอาจารย์จารึกแกร่งกล้า
ปรากฏตัวที่นี่
ฉินหยุนมุ่งหน้าตรงไปยังตําหนักจารึกเทวะ ที่นี่มีอาจารย์จารึกน้อย
นิด ชั้นแรกของหอเป็นโรงเตี๊ยมสําหรับให้ผู้คนได้มาร่วมดื่มกัน ชั้น
ที่สองเป็นส่วนจัดการกิจธุระของตําหนักจารึกเทวะ
ฉินหยุนเลือกที่นั่ง สั่งอาหารราคาแพงมามากมาย
อาหารที่สั่งล้วนราคาสูงลํ้า พวกมันไม่ได้ทําจากผักวิญญาณหายาก
หรือเนื้อสัตว์วิญญาณแต่อย่างใด ทว่าหลังปรุงเรียบร้อย กลิ่นที่หอม
โชยนั้นชวนดึงดูด
จานบนโต๊ะขณะนี้ ทั้งหมดทั้งมวลมีสีสันและกลิ่นที่เย้ายวนอย่างยิ่ง
ฉินหยุนกินอาหารตรงหน้าจนเต็มปากพลางลิ้มรสพวกมันไปด้วย
ถัดจากนั้น เขาจึงสั่งของทานเล่นน่าอร่อย รวมถึงผลไม้วิญญาณ
เพื่อให้โมโมและสหายได้กินด้วย
ที่ชั้นแรกมีคนอยู่น้อยนิด และพวกเขาล้วนสงสัย อีกฝ่ ายรํ่ารวยมา
จากที่ใด?
เพราะผลไม้ ของทานเล่น และอาหารเหล่านั้นบนโต๊ะ มูลค่ามันรวม
แล้วนับแสนเหรียญม่วง
ผู้ฝึกตนทั้งหมดในสวนโบราณต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะ
ไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดเข้าออกสวนโบราณ จํานวนเหรียญม่วงที่พวก
เขาครอบครองจึงมีอย่างจํากัด
หากพวกเขาคิดอยากได้รับเหรียญม่วงเพิ่มเติม ก็ต้องไปจับสัตว์
วิญญาณ หรือค้นหาสมุนไพรในป่ า หรือไม่ก็อาศัยโชคลาภสวรรค์
ประทานมอบเป็นสมบัติให้นํามาขาย
ขณะผู้คนพูดคุยถึงตัวตนของฉินหยุน เด็กสาวอายุราวสิบสองถึงสิบ
สามปี พลันเดินเข้ามา
เด็กสาวนี้มีใบหน้ารูปไข่งดงาม แม้เปรอะเปื้อนไปบ้าง แต่เพียงมอง
ก็ทราบว่านางรูปงาม
นางไว้ผมหางม้า สวมใส่ชุดสีขาวทรุดโทรมจนเป็นสีเหลือง รองเท้า
หนังสีขาวที่มีแต่รอยแตกของหนังเต็มไปหมด
เด็กสาวเมื่อเข้ามาแล้ว ได้พบเห็นอาหารละลานตาบนโต๊ะ นางอด
ไม่ได้ที่จะกลืนนํ้าลายอึกใหญ่ จากนั้นนํ้าเสียงอ่อนหวานกระจ่างชัด
ของนางค่อยดังขึ้น “หินในมือข้านี้เป็นวัสดุชั้นดีสําหรับการขัดเกลา
อุปกรณ์วิญญาณ ผู้ใดคิดอยากซื้อหาบ้าง ท่านลุง ท่านป้า พี่ชาย
พี่สาว หรือท่านยายผู้นั้น?”
ฉินหยุนมองตามเสียง พบว่าหินดังกล่าวพิเศษดังที่กล่าวอ้าง
ที่บนพื้นผิวก้อนหิน มันมีจุดประกายแสงสีเงินสว่างวิบวับปรากฏอยู่
ถึงตอนนี้ คนจากตําหนักจารึกเทวะ ชายชราก้าวเดินออกมา คว้าหิน
ก้อนนั้นไว้ เขามองมันและยิ้มตอบ “เด็กน้อย หินก้อนนี้ก็แค่หินดวง
ดาวเรืองแสงธรรมดา เป็นวัสดุขัดเกลาระดับตํ่า ไม่คู่ควรแม้สักหนึ่ง
เหรียญม่วง!”
“เป็นไปไม่ได้! ท่านปู่ และบิดาข้าเสี่ยงชีวิตขโมยมันมาจากสัตว์อสูร
พวกเขาถึงกับถูกกินไปเพื่อให้ได้รับหินก้อนนี้มา!” เด็กสาวกลั้น
นํ้าตาขณะกล่าวตอบโต้
นางไม่เชื่อ ว่าครอบครัวของนางต้องตายไปเพราะหินธรรมดาก้อน
หนึ่ง
ครั้งสวนโบราณแรกเปิ ดให้เข้า มีสัตว์อสูรจํานวนมากเข้ามา จนกระทั่ง
ถึงตอนนี้ มันยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้นลงแต่อย่างใด
“ห้าสิบเหรียญม่วง เท่านี้เป็นอย่างไร?” ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะ
กล่าวออก “ข้าคือผู้จัดการของตําหนักจารึกเทวะ เฉียนเฉ่า!”
“ท่านปู่ เฉียนเฉ่า หินก้อนนี้ลํ้าค่าอย่างยิ่ง สักห้าร้อยเหรียญม่วงไม่ได้
หรือ?” เด็กสาวชุดขาวอ้อนวอน
“แพงเกินไป!” เฉียนเฉ่าส่ายศีรษะ
ขณะนี้เอง ชายชราตะโกนจากอีกโต๊ะหนึ่ง “เด็กน้อย มาดื่มร่วมกับ
ข้า แล้วข้าจะมอบห้าสิบเหรียญม่วงให้ และข้าก็ไม่ได้ต้องการหิน
สกปรกของเจ้าแต่อย่างใดด้วย!”
“เด็กน้อย ข้ายินดีจ่ายหนึ่งร้อยเหรียญม่วงมาดื่มกินกับข้าเป็นอย่างไร?”
อีกโต๊ะหนึ่ง เด็กหนุ่มสวมใส่ชุดดูดีตะโกนดังพร้อมรอยยิ้มชั่วช้าบน
ใบหน้า
“เด็กสาวผู้นี้รูปงาม หากนางเติบโตและสวมใส่ชุดที่ดูดีกว่านี้ ย่อม
ต้องเป็นทาสหญิงโฉมงามคนหนึ่ง! หึหึหึ!” คนหนึ่งหัวเราะอย่าง
โฉดชั่วดังออกมา
หลายคนเริ่มเสนอราคาประมูลเด็กสาวชุดขาวเพื่อให้ไปดื่มกินด้วย
ในราคาสูงขึ้น
ราคาขณะนี้ทะยานไปถึงสองพันเหรียญม่วงแล้ว!
เด็กสาวในชุดขาวถือก้อนหินไว้พร้อมกัดริมฝีปาก รับรู้ว่าเรื่องราว
ผิดท่า ราวกับนางตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ าหิวกระหาย
กระทั่งว่านางยังเยาว์ แต่ก็ทราบเรื่องราวทางโลก เมื่อนางได้ยิน
ถ้อยคําของผู้คนตรงหน้า นํ้าตาแห่งการถูกเหยียดหยามและความ
โกรธร่วงโรย นางหันศีรษะพร้อมออกไปจากตําหนักจารึกเทวะ
กระนั้น ขณะนางคิดจากไป กลับถูกรั้งเอาไว้
“อย่าได้ไป! พวกเราเสนอราคาแล้ว เจ้าต้องเลือกว่าจะไปกับใครใน
พวกเรา!” ชายหนุ่มชุดดําที่ดูเหมือนคนไม่ดีเท่าใดนักยิ้มอหังการ
“ข้าไม่คิดขายหินนี่แล้ว!” เด็กสาวชุดขาวปาดคราบนํ้าตา สะอื้น
เล็กน้อยก่อนตะโกนตอบโต้อย่างอาจหาญ
“แม้เจ้าไม่ต้องการขาย เจ้าก็ต้องขาย!” ชายหนุ่มชุดดําหัวเราะตํ่า
ทราม “จงรีบบอกมาว่าจะขายให้แก่ใคร! พวกเราล้วนรออยู่!”
ผู้คนในพื้นที่บ่อยครั้งออกไปค้นหาวิญญาณดวงตะวัน และยังได้
ต่อสู้กับสัตว์อสูรและสัตว์วิญญาณในละแวกมากมาย พวกเขาล้วน
มาผ่อนคลายหาความสําราญกันที่นี่ ดังนั้นยิ่งมีพวกเดียวกันมากจึง
ยิ่งได้ใจ
ฉินหยุนพลันโพล่งขึ้น “ข้าจะซื้อมันที่หนึ่งแสนเหรียญม่วง!”
ได้ยินคํากล่าวของเขา ผู้คนล้วนหันมองมา เสียงที่อึกทึกกลายเป็น
เงียบงันไป!
ไม่มีใครสงสัยในคํากล่าวของเขา เพราะอาหารและของทานเล่นบน
โต๊ะนั่นก็มูลค่าเกินกว่าหนึ่งแสนเหรียญม่วงแล้ว
ผู้คนที่นี่ต่างทราบ ว่าศิษย์ของสํานักเก้าตะวันมาถึงไม่นานมานี้ พวก
เขาต่างคิดว่าบุคคลตรงหน้าเป็นศิษย์ของสํานักเก้าตะวัน
“เด็กน้อย ก่อนข้าซื้อหินของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ายืนยันว่าหินก้อนนี้
ลํ้าค่าจริงหรือไม่!” ฉินหยุนกล่าว
“ข้ายินดี… แต่ข้าจะยืนยันมันได้อย่างไร” เด็กสาวชุดขาวเดินเข้ามา
ครั้งแรก นางก็เห็นฉินหยุนนั่งอยู่แต่แรกแล้ว
อย่างไรแล้วฉินหยุนก็นั่งคนเดียวที่โต๊ะใหญ่ นอกจากนี้บนโต๊ะยัง
เต็มไปด้วยอาหารชั้นดีพร้อมขนมทานเล่น เป็ นเรื่องยากที่นางจะไม่
พบเห็นเขา
นอกจากนี้ นางยังได้เห็นว่าฉินหยุนหาได้สนใจนางเหมือนดังผู้อื่น
ราวกับเขาแตกต่างจากผู้คนที่นี่ ทําให้นางรับรู้ได้ถึงความลึกลับที่ซุก
ซ่อน
“หยดเลือดที่ก้อนหินนั่น หากก้อนหินนั่นดูดกลืนเลือดเจ้า เช่นนั้น
จึงเป็นของดี!” ฉินหยุนกินอาหารในจานเชื่องช้า นํ้าเสียงกล่าวเนิบ
นาบออกหลังเคี้ยวอาหารในปากจนหมด