รูปแบบอมคมขนาดใหญ่นั้น มีทั้งที่สามารถสร้างภาพมายาทำให้ผู้บุกรุกสับสนและกักขังผู้บุกรุกไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็สามารถสร้างอาคมสังหารที่เมื่อบุกรุกเข้าไปจะต้องพบกับการโจมตีนองเลือดอันไร้ที่สิ้นสุด หรือบางรูปแบบอาคมก็ใช้สำหรับป้องกันเพียงอย่างเดียว
รูปแบบอาคมของจักรพรรดิเพลิงนั้นคือรูปแบบอาคมป้องกัน ถึงแม้มันจะเป็นรูปแบบอาคมระดับหก แต่เนื่องจากมันคือรูปแบบอาคมป้องกันที่ราวกับเหล็กกล้า แม้จะเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ
หากจะสามารถทำลายจริงๆ จำเป็นต้องมีพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นกลางเป็นอย่างน้อย
พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดไปยังระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ แต่สิ่งที่เขาจะทำไม่ใช่ทำลายรูปแบบอาคม แต่เป็นการสร้างรอยร้าวให้กับมัน
ภายใต้การจ้องมองของเนตรแห่งสัจธรรม จุดอ่อนของรูปแบบอาคมไม่สามารถหลบพ้นไปจากสายตาของเขาได้
“วิธีสร้างรอยร้าวที่ง่ายที่สุดคือต้องทำลายแก่นอาคม แต่แก่นอาคมถูกตั้งอยู่ในรูปแบบอาคม ดังนั้นวิธีนี้จึงใช้ไม่ได้ ส่วนวิธีที่ลำบากขึ้นมาอีกเล็กน้อยคือโจมตีจุดอ่อนของรูปแบบอาคมซ้ำๆกันกลายครั้งจนเกิดเป็นช่องว่างให้รอดผ่านเข้าไปได้ชั่วคราว”
หลิงฮันพึมพำ “ข้าจะกระหน่ำโจมตีเจ็ดครั้งด้วยศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ข้าเชื่อว่าช่องว่างขนาดใหญ่ต้องเปิดออกแน่นอน”
หลิงฮันสูดหายใจลึก มือของเขาแบออก ทันใดนั้นลูกศรแห่งแสงทั้งเจ็ดดอกก็ปรากฏออกมา ตัวของลูกศรนั้นมีแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวกำลังหมุนวนเป็นเกลียวล้อมรอบพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมา
เนตรแห่งสัจธรรมและศรฆ่ามังกรทะลวงดาราคือการจับคู่ที่เหมาะสมที่สุด!
จู่qผู้คนที่อาศัยอยู่ในปราสาทก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นไปทั่วร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานจะเกิดสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น
‘ฟุบ’ หลิงฮันเกร็งนิ้วซ้ายทั้งห้าตั้งท่าเป็นคันศรและใช้มือขวาในการเหนี่ยวรั้ง ภายในเสี้ยววินาทีลูกศรทั้งเจ็ดก็ถูกยิงเข้าใส่รูปแบบอาคมขนาดยักษ์ ด้วยความเร็วและพลังที่มหาศาลขนาดนั้น คงไม่มีใครสามารถคว้าจับลูกศรเอาไว้ได้แน่นอน
‘ตูม’ ลูกศรที่ยิงออกไปไม่ได้ปะทะเข้ากับปราสาท แต่ปรากฏม่านบางอย่างขึ้นกลางอากาศและป้องกันลูกศรเหล่านั้นเอาไว้ แต่เมื่อม่านเหล่านั้นรับการโจมตีจากลูกศรเสร็จสิ้น รอยร้าวนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นที่จุดๆนั้นจนปริแตกออก
หลิงฮันยิ้ม ภายใต้เนตรแห่งสัจธรรมของเขา เขาสามารถตรวจพบจุดอ่อนของรูปแบบอาคมได้ทันที แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้รูปแบบอาคมขนาดใหญ่เกิดร้อยร้าวได้จริงๆก็คือศรฆ่ามังกรทะลวงดารา หากไม่มีศรฆ่ามังกรทะลวงดาราแล้ว แม้จะมองเห็นจุดอ่อนไปก็ไร้ความหมาย
แต่ถึงอย่างไรแก่นอาคมก็ยังไม่ถูกทำลาย มันดูดซับพลังจากสวรรค์และปฐพีอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูรอยแตกร้าว
“ลุย!” หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อลองพลังของศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ทันในเขากับฮูหนิวก็ผ่านเข้าร้อยร้าวนั้นไปข้างในทันที
“อะไรกัน!”
“เขาเข้ามาได้แล้วจริงๆ!”
“เป็นไปไม่ได้ รูปแบบอาคมขนาดใหญ่นั้นแม้แต่ระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ”
ทุกคนอุทานด้วยความตะลึง เรื่องแบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไป หลิงฮันเป็นเพียงระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น แต่ภายในพริบตาเขาสามารถสร้างรอยปริแตกให้กับรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ได้อย่างไร? หรือว่าเด็กนี่จะมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระตัวอ่อนวิญญาณ?
แล้วจะทำอย่างไรดี? แม้แต่การป้องกันของรูปแบบอาคมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วทีนี้ใครกันจะหยุดหลิงฮันได้?
“สหายน้อย ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดกับชายชราผู้นี้” ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา เขาดูมีอายุราวๆเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี ดวงตาของเขาดูอ่อนล้าราวกับจะสามารถปิดลงได้ทุกเวลา บนหัวของเขานั้นมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่
นั่นไม่ใช่เพลิงจริงๆ แต่เกิดจากพลังปราณ
“อดีตจักรพรรดิ!”
ทุกคนก้มหัวลงด้วยความหวาดกลัว
ชายชราผู้นี้คือจักรพรรดิรุ่นก่อนของแคว้นอัคคีและเป็นระดับบุปผาผลิบานเพียงคนเดียวของแคว้นแห่งนี้ แต่พลังของเขานั้นได้รับมาจากอำนาจแห่งจักรภพ เขาจะมีพลังเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในแคว้นอัคคีเท่านั้น
สำหรับดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวแล้ว ตัวตนระดับบุปผาผลิบานคืออาวุธลับที่ใช้ต่อต้านผู้บุกรุก
หลิงฮันนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาสามารถผ่านเข้ามายังรูปแบบอาคมได้ภายในการโจมตีเดียวทำให้ชายชราผู้นี้เปิดเผยตัวออกมา เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแคว้นอัคคีได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันขั้นสุดแล้ว
“ข้ามีเพียงคำขอเดียวคือการหยุดขุดเหมืองโบราณนั่นไปตลอดกาล” หลิงฮันกล่าว
อดีตจักรพรรดิแสดงสีหน้าลังเล
เหมืองโบราณนั่นคือสิ่งเดียวที่ช่วยให้จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณมองเห็นความหวังที่จะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน นั่นหมายความว่าอย่างไร? ภายในแคว้นอัคคีจะมีตัวตนระดับบุปผาผลิบานปรากฏตัวขึ้นมาเกินกว่าหนึ่งคน! จากนั้นแคว้นอัคคีก็จะมีอำนาจมากพอที่จะครอบงำแคว้นอื่นๆทั้งแปดและปกครองดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว
ยิ่งมีดินแดนและประชากรมาก อำนาจแห่งจักรภพก็จะแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงรากฐานของแคว้นอัคคีที่จะไม่อาจถูกสั่นคลอน
เหมืองโบราณมีความสำคัญมากเกินไป ดังนั้นอดีตจักรพรรดิจึงรู้สึกลังเล
“ก็ได้ ชายชราผู้นี้ให้คำมั่นสัญญาต่อเจ้า!” หลังจากคิดไปสักพัก อดีตจักรพรรดิก็พยักหน้าตกลง
…ถ้าต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ แผนการเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไร?
หลิงฮันพูด “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้ตอบรับเพียงปากเปล่า ไม่อย่างนั้น…” เขานำดาบกำเนิดมารออกมาพร้อมกับปลดปล่อยปราณดาบทั้งสิบเก้าเล่ม โดยปราณดาบแต่ละเล่มนั้นอัดแน่นไปด้วยอักขระที่ลึกลับ
มันคืออักขระที่เขาศึกษามาจากหัวกะโหลกของสัตว์อสูรจาดดินแดนพระเจ้าในสิบสองเขตแดนลี้ลับสวรรค์
หลิงฮันใช้ปราณดาบทั้งหมดโจมตีใส่ท้องฟ้าจนเกิดเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว บนท้องฟ้าได้ปรากฏช่องว่างมิติที่ปริแตก ราวกับท้องฟ้าได้ถูกบดขยี้
น่ากลัว! พลังของดาบนี้น่ากลัวเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้!
ร่างของทุกคนสั่นไหว ปราณดาบสิบเก้าเล่ม… หมอนี่ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า? แค่ปราณสิบอัน จอมยุทธผู้นั้นนับว่าเป็นสุดยอดราชันแล้ว แต่นี่เขาสร้างปราณดาบได้ถึงสิบเก้าเล่ม!
ในหมู่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน เขาไร้พ่ายอย่างสมบูรณ์!
ครั้งนี้อดีตจักรพรรดิละทิ้งความคิดที่จะหลอกลวงหลิงฮันทิ้งไปทั้งหมด
“ข้าไม่กล้า!” ท่าทีอดีตจักรพรรดิเปลี่ยนปราวกับจอมยุทธที่ต่ำต้อย
หลิงฮันพยักหน้าและจากไป เขาต้องทำการสอบปากคำน่าจือเหยียนอีก