บทที่ 1500+1501

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1500+1501 Ink Stone_Romance

บทที่ 1500 การปล้นนักโทษอันน่าตกตะลึง 1

ฝูงชนถูกขับไล่ให้แหวกออกเป็นทางสายหนึ่ง เด็กหนุ่มองอาจสิบคนสาดน้ำล้างถนนอยู่ด้านหน้า เด็กสาวงดงามสิบคนที่ตามอยู่ด้านหลังใช้พรมแดงปูทาง เด็กน้อยอีกสิบคนที่อยู่ด้านหลังคอยโปรยบุปผา…

จากนั้นด้านหลังถึงเป็นเกี้ยวอ่อนนุ่มที่แบกโดยนักพรตหญิงสิบคนที่มีท่าทีสุขุมปานเซียน ที่นั่งอยู่บนเกี้ยวอันอ่อนนุ่มคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในอาภรณ์ม่วงหน้ากากเงินและเซียนหญิงลี่หวางในชุดขาวแผ่วพลิ้ว

เดิมทีบรรยากาศของที่นี่เปลี่ยวร้างวังเวงยิ่งนัก แต่ทันทีที่คนกลุ่มนี้เข้ามา ก็หรูหราตระการตาขึ้นไม่น้อยเลย

ประชาชนมองคนทั้งสองที่พูดคุยกันอยู่บนเกี้ยวนุ่มสองคันอย่างสบายใจ จากนั้นก็มองครอบครัวกู้เซี่ยเทียนที่ถูกขึงไว้บนเสาเหล็ก เมื่อนำทั้งสองฝ่ายมาเทียบกันดู แทบทุกคนล้วนกำหมัดแน่น!

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เคยเป็นดั่งผู้กอบกู้โลกในดวงใจของปวงชน แม้นว่าประชาชนจะเห็นรถม้าของเขาอยู่ไกลลิบ ก็อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ อยากร้องสรรเสริญ ทุกครั้งที่ได้เห็นล้วนปีติยินดีอยู่หลายวัน ปรารถนาจะสูดดมดินโคลนที่เขาย่ำผ่านยิ่งนัก นั่นเป็นการเคารพบูชานับถือมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในปัจจุบันกลับเป็นดั่งฝันร้ายในใจของประชาชน ไม่ว่าเขาจะเหยียบย่างไปที่ใดล้วนเกิการสังหารนองโลหิตขึ้นเมื่อประชาชนเห็นรถม้าของเขาจะตัวสั่นสะท้าน คุกเข่าทำความเคารพเช่นกัน ทว่าในใจกลับปรารถนาจะลากเขาลงมาจากรถม้า กัดทึ้งเขาให้ตายทีละคำๆ…

ประชาชนทั้งหมดล้วนคุกเข่าลงไป ถูกบีบบังคับให้ต้อนรับการมาเยือนของเทพแห่งความชั่วร้ายผู้นี้

ประชาชนไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง ในลานอันกว้างใหญ่นอกจากเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยไม่รู้ความที่ถูกมัดไว้บนเสาเหล็กแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก

“หนวกหูเหลือเกิน…” ในที่สุดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เปิดปากแล้ว สายตาเย็นชาเฉยเมยของเขากวาดผ่านเด็กน้อยทั้งสามที่กำลังร้องไห้อยู่ น้ำเสียงคงมีเสน่ห์ดึงดูดเช่นที่ผ่านมา แต่ว่าวาจาที่กล่าวกลับทำให้ผู้คนที่อยู่ในลานล้วนหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างลับๆ “ตัดลิ้นของพวกเขาออกมาก่อนแล้วกัน”

“ขอรับ!” เพชฌฆาตรับคำสั่ง มือซ้ายจับคางของเหล่าเด็กน้อยไว้ ง้างปากพวกเด็กๆ ออก มือขวาชักกริชข้างกายที่เปล่งประกายเยียบเย็นขึ้นมา หมายจะตัดลิ้น

ประชาชนที่เฝ้ามองอยู่ด้านล่างแท่นต่างหน้าเปลี่ยนสี

ในยุคจีนโบราณ สิ่งที่เรียกว่าการแล่เนื้อเถือหนังคือการเฉือนเนื้อบนร่างคนออกมาทีละชิ้นๆ ต้องเฉือนกันนับพันดาบ ทำให้นักโทษได้รับเจ็บปวดทรมาน ถึงจะมอบความตายอันน่ายินดีให้ จำนวนครั้งในการแล่เนื้อเถือหนังก็แตกต่างกันไป หนักที่สุดคือเฉือนเป็นจำนวนสามพันหกร้อยครั้ง เบาที่สุดคือเฉือนแปดครั้ง

เพียงต่ยุคสมัยนี้กลับแตกต่างไปจากยุคโบราณที่ทุกคนรู้จัก  เมื่อก่อนไม่เคยมีการประหารด้วยการแล่เนื้อเถือหนังมาก่อน ดังนั้นเหล่าปวงชนจึงไม่ทราบว่าการเนื้อเถือหนังเป็นโทษทัณฑ์เช่นใด

ตระกูลของกู้เซี่ยเทียนเป็นตระกูลแรกที่ถูกตัดสินให้รับโทษแล่เนื้อเถือหนัง นี่จึงดึงดูดความสนใจให้ประชาชนมามุงดูกันเช่นนี้

สังหารคนก็เพียงตัดหัวเท่านั้น ประชาชนนึกว่าการแล่เนื้อเถือหนังจะเป็นทัณฑ์สังหารอย่างหนึ่ง เพียงมีขั้นตอนดำเนินการที่พิเศษขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นยามที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสั่งให้ตัดลิ้นของเด็กๆ ก่อน สีหน้าของประชาชนด้านล่างจึงเขียวคล้ำไปหมด!

ต่อให้กู้เซี่ยเทียนมีโทษประหาร ต้องประหารเก้าชั่วโคตร แต่การตัดลิ้นก่อนก็โหดร้ายเกินไปหน่อยกระมัง!?

ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องลงมือกับเด็กด้วยหรือ?!

ฝูงชนค่อนข้างมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ทุกคนทนไม่ไว้จึงเริ่มวิจารณ์ออกมา บางส่วนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อนอยู่แล้วก็ค่อนข้างข่มกลั้นความโกรธเคืองเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

สีหน้าของกู้เซี่ยเทียนก็แปรเปลี่ยนเช่นกัน ตะโกนเสียงดัง “หยุดมือ!”

ถึงแม้เขาจะถูกควบคุมไว้ แต่ไม่ได้ถูกสกัดชีพจร การตะโกนครั้งนี้จึงกึกก้องทรงพลังยิ่งนักอยู่ ทำให้เพชฌฆาตที่กำลังจะลงทัณฑ์คนนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย หยุดลงตามสัญชาตญาณ

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองไปทางเขา ยิ้มบางๆ “กู้เซี่ยเทียน เจ้ายังมีวาจาใดจะกล่าวอีกหรือ?”

“ข้าถูกผู้อื่นปรักปรำ เดือนร้อนไปถึงตระกูล ยามนี้จะถูกประหารทั้งตระกูลแล้ว เจ้าสั่งการให้สังหารในดาบเดียวก็พอแล้ว เหตุใดต้องตัดลิ้นเด็กด้วย? พวกเขายังเล็ก ยามนี้ร้องไห้งอแงก็เป็นเรื่องปกติ…” กู้เซี่ยเทียนเอ่ยอย่างโกรธแค้น

————————————————————————————-

บทที่ 1501 การปล้นนักโทษอันน่าตกตะลึง 2

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ้ม “ที่แท้ท่านแม่ทัพกู้ก็ไม่เข้าใจว่าอะไรคือการแล่เนื้อเถือหนัง…” เขาออกคำสั่งพัศดีด้านข้างคนหนึ่ง “ให้ความรู้ทุกคนเกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการของโทษทัณฑ์นี้เสียหน่อยเถิด”

พัศดีพยักหน้า ก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง บอกกล่าวขั้นตอนดำเนินการของการแล่เนื้อเถือหนังโดยละเอียดด้วยเสียงดังกึกก้อง…

เมื่อพัศดีกล่าวประโยคสุดท้ายจบลง สีหน้าชาวบ้านด้านล่างล้วนซีดเผือด!

โหดร้าย! โหดร้ายเกินไปแล้ว!

ที่แท้สิ่งที่พวกเขาจะได้เห็นเป็นโทษทัณฑ์ที่โหดร้ายและนองเลือดขนาดนี้! บางคนที่ใจไม่กล้าพอเริ่มล่าถอยไปด้านหลัง บางคนอยากออกไปด้านนอกในทันใด ไม่กล้าและไม่ต้องการเห็นภาพฉากนั้น!

ทว่าหลังจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและเซียนหญิงลี่หวางเข้ามา ประตูบานใหญ่ทั้งสี่ทิศล้วนปิดลง ยามนี้ ถึงแม้พวกเขาอยากออกก็ออกไปไม่ได้

ส่วนนักโทษที่กำลังจะถูกโทษประหารชีวิตด้านบนแท่นแต่ละคนยิ่งหน้าถอดสี ร่างกายพลันสั่นสะท้านอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

คนเหล่านี้ส่วนมากเป็นขุนพลที่ติดตามกู้เซี่ยเทียนออกศึกขึ้นเหนือล่องใต้ โรมรันพันตูในสนามรบที่อสูรกายเข่นฆ่าผู้คนดังผักปลา ทั้งชีวิตเห็นเหตุการณ์นองเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ถึงขั้นที่พวกเขาก็ไม่กลัวตาย ยามถูกตรึงไว้บนเสาประหาร ยังยืนยัดได้อย่างห้าวหาญงามสง่า จะไปกลัวอะไรกับความตาย ศีรษะขาดก็แค่บาดแผลใหญ่เท่านั้น

ทว่าหลังจากได้ยินพัศดีพูดถึงขั้นตอนดำเนินการแล้ว คนเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

ไม่มีผู้ใดแบกรับทัณฑ์ทรมานเยี่ยงนี้ได้!

เด็กและสตรีเหล่านั้นหวาดกลัวยิ่งนัก สีหน้าแต่ละคนซีดเผือด ร่างกายอ่อนปวกเปียก หลายคนเกือบเป็นลมล้มพับ

บุตรสาวทั้งสองกับอนุทั้งสองของกู้เซี่ยเทียนหวาดกลัวจนเป็นลมล้มพับไปแล้ว

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองกู้เซี่ยเทียนอย่างสบายอารมณ์ “บัดนี้เข้าใจแล้วสินะ? การตัดลิ้นเป็นเพียงขั้นตอนแรก ขั้นตอนหลังจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่ากังวลไปเลย ตัดเฉือนเพียงครึ่งหนึ่งพวกเขาก็ตายแล้ว ข้าวคุกที่พวกเจ้ากินเมื่อเช้านี้มีโอสถยื้อชีวิตเสริมวิญญาณ ทำให้พวกเจ้าเจ็บปวดเพียงใดก็ไม่มีทางเป็นลม ไม่มีทางล้มตายได้…”

วาจาโหดร้ายเยี่ยงนี้ เขากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้ทั้งลานกว้างเงียบสงัดในพริบตาราวกับป่าช้า!

กู้เซี่ยเทียนเดือดดาลอย่างสุดขีด ดวงตาแดงก่ำปานสายเลือดมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เขาทุ่มสุดตัว “ข้าไม่ได้สมคบต่างอาณาจักรก่อกบฏ! ข้าจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่ออาณาจักรเฟยซิงชั่วชีวิต มิเคยเอาใจออกห่าง! เป็นเจ้าต่างหากที่เล่นเล่ห์ เห็นได้ชัดว่าเจ้าอาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว! ตี้ฝูอี ประหารชีวิตก็แค่ให้ศีรษะถึงพื้น เหตุใดจะต้องทรมานถึงเพียงนี้ เจ้าโหดร้ายเยี่ยงนี้ กรรมจะตามสนองเจ้า!”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ้มบางๆ “กรรมตามสนอง? ข้าเป็นตัวแทนสวรรค์! โชคชะตาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ข้ามีแต่จะทำให้ผู้อื่นถูกกรรมตามสนอง!”

เขาพลันโบกสะบัดมือ สั่งการพัศดีผู้นั้นอ่านข้อหาของกู้เซี่ยเทียนอย่างเป็นทางการ

นี่เป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ  พัศดียืนด้านบนแท่นคลี่กระดาษยาวหนึ่งหน้ากระดาษ เริ่มอ่านออกเสียงดังกึกก้อง

สิ่งที่พัศดีอ่านมีเนื้อความว่าเขาไม่สำนึกบุญคุณเก่า สมคบต่างอาณาจักรก่อกบฏ ลอบสังหารจักรพรรดิ…ข้อหาจำพวกนี้

ถ้อยคำและประโยคกึ่งภาษาทางการกึ่งภาษาพูด ทั้งน่าเบื่อและยืดยาว ชาวบ้านก็ฟังเข้าใจคร่าวๆ แล้ว…

ก่อนการประหารชีวิต หลังจากอ่านข้อหาเสร็จสิ้น ชาวบ้านด้านล่างไม่ด่าทอผู้ถูกประหารชีวิตก็ร้องเรียก กล่าวโดยสรุปคือคึกครื้นเป็นอย่างมาก

ทว่ายามนี้เมื่อพัศดีอ่านจบ เบื้องล่างกลับเงียบงันผิดปกติ

แทบทุกคนล้วนรู้ดีว่ากู้เซี่ยเทียนถูกปรักปรำ ข้อหาเหล่านั้นที่ด้านบนอ่านเป็นเพียงการกล่าวโทษ ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง

วีรบุรุษผู้กล้าของอาณาจักรต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาจเช่นนี้ ทุกคนแทบจะข่มอารมณ์ความหดหู่และไม่พอใจไว้ตรงนั้น หากไม่ใช่การใช้อำนาจบีบบังคับ ดูถูกเหยียดหยามของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกคนระเบิดออกมานานแล้ว!

เมื่ออ่านข้อหาจบลงก็ถึงเวลาประหารชีวิตที่แท้จริงแล้ว

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ้มบางๆ “นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้โทษทัณฑ์ประเภทนี้ เพชฌฆาตอาจยังไม่ค่อยถนัดมือเสียเท่าใด ลองมือสักสิบคนดูก่อนเถิด ทุกคนจะได้เห็นชัดเจนและเข้าใจมากขึ้น”

————————————————————————————-