ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1472 – ราชันย์หนูวชิระทมิฬ สัตว์อสูรที่มีพลังแข็งแกร่ง

 

แม้จะรวดเร็วปานใด แต่ชิงสุ่ยก็มองเห็นว่างเงาดำนั้นคือสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายหนูที่มีสีดำมืดเหมือนหมึก ทว่าแวววาว และแม้ชิงสุ่ยจะมีเกราะทองคำวชิระช่วยป้องกันแต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงปะทะกับสัตว์อสูรพวกนี้โดยตรง

 

อสูรสยบมังกร!

 

ชิงสุ่ยเรียกอสูรสยบมังกรมาขวางหน้าเขาไว้ เพราเขากลัวว่าง้าวทองทะลวงศัตรูอาจจะป้องกันการโจมตีไม่ได้ ชิงสุ่ยจึงรีบหาวิธีป้องกันตนทันที

 

กรี๊ด!

 

เสียงแหลมเหมือนเสียงผิวปากดังไปทั่วบริเวณ ร่างสัตว์อสูรคล้ายหนูกระเด็นออกไปในทิศที่มันมาจากมา  อสูรสยบมังกรมีพลังความเร็วสูง ชิงสุ่ยคิดไม่ผิดที่เรียกมันมา อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรตัวเล็กของอีกฝ่ายนั้นก็น่ากลัวไม่เบา เพราะพวกมันคือราชันย์หนูวชิระทมิฬ !

 

ราชันย์หนูวชิระทมิฬเป็นสัตว์อสูรตัวเล็กที่กลายพันธุ์มาจากหนู และพบเจอได้ยาก ชื่อของมันสื่อถึงความสามารถในตัว เพราะมันแข็งแกร่งดุจเพชรสีดำ ทั้งยังมีฟันแหลมคม แม้ปะทะกับอสูรสยบมังกรอย่างจัง พวกมันก็แค่กระเด็นออกไปเท่านั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป อสูรตัวนี้คงจะทะลวงผ่านไปได้อย่างง่ายดายและกัดอาวุธของคู่ต่อสู้จนเละเป็นเต้าหู้

 

ชิงสุ่ยไม่คิดว่าจะได้เจอสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเหมือนอสูรสยบมังกรและหนอนไหมมังกรทอง แต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับทั้งสอง ความจริงระดับพลังของมันน่าจะพอ ๆ กับหนูทะลายปฐพีเสียมากกว่า

 

อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจที่อสูรสยบมังกรของชิงสุ่ยสามารถป้องกันการโจมตีของราชันย์หนูได้ เพราะสัตว์อสูรตัวเล็กนี้คือหนึ่งในความภาคภูมิใจของตน เขาคิดว่าอาวุธที่น่าจะป้องกันการโจมตีของมันได้น่าจะมีเพียงง้าวทองทะลวงศัตรูเท่านั้น เพราะราชันย์หนูวชิระทมิฬนั้นมีความว่องไวมาก จนยากที่จะรับมือ

 

“พ่อหนุ่ม เจ้าทำข้าประหลาดใจนักที่รู้ว่าเจ้ามีสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก”

 

อีกฝ่ายพูดพลางกวัดแกว่งกระบี่ราชันย์อสูร ก่อนสัตว์อสูรจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละตัว ตอนนี้สัตว์อสูรของฝ่ายคือราชันย์หนูวชิระทมิฬ 3 ตัว ส่วนสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็เป็นสัตว์อสูรดุร้ายตัวใหญ่ทั้งหมด และท่ามกลางพวกมันยังมีอสูรเกราะเหล็กมหากาฬ 2 ตัวรวมอยู่ด้วย

 

อสูรเกราะเหล็กมหากาฬนั้นแข็งแกร่งและรวดเร็ว จุดอ่อนเดียวของมันคือพลังในการต่อสู้ แม้จะมีขนาดตัวใหญ่มหึมาแต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว การโจมตีของมันอาจจะด้อยกว่าสัตว์อสูรตัวอื่น แต่การป้องกันของมันก็ยอดเยี่ยมมาก เป็นกฎการแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล

 

มันยอมเสียพลังการโจมตีไปครึ่งหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังการป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ยิ่งกว่านั้นมันยังมีทักษะการฟื้นฟูพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง สัตว์อสูรประเภทนี้ถือว่าหายากมาก ชิงสุ่ยเองก็อยากเห็นสัตว์อสูรประเภทนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยเจอสักตัว เมื่อเจอตัวเป็น ๆ ชิงสุ่ยก็คิดว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่งดงามมากทีเดียว

 

อย่างที่คิด….นิกายสาปอสูรไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างสัตว์อสูรนับสิบตัวที่อยู่ตรงหน้าชิงสุ่ยนั้นก็ล้วนเป็นสัตว์อสูรที่คนธรรมดาไม่มีโอกาสได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นอสูรเกราะเหล็กมหากาฬ 2 ตัว ราชันย์หนูวชิระทมิฬ 3 ตัว สัตว์อสูรที่มีการโมตีที่แข็งแกร่งอีก 2 ตัวและอีก 3 ตัวที่เหลือนั้นมีความสามารถในการโจมตีด้วยเบญจธาตุ

 

“วันนี้ ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ซึ้งว่าแท้จริงแล้วนิกายที่ฝึกสัตว์อสูรนั้นเขาต่อสู้กันอย่างไร”อีกฝ่ายมองชิงสุ่ยพร้อมรอยยิ้ม

 

ชิงสุ่ยจึงยิ้มตอบและมองกลับไป “ข้าลืมบอกท่านไป ว่าข้าก็เป็นนักฝึกสัตว์อสูรเช่นกัน

 

ในเวลาเช่นนี้ ชิงสุ่ยไม่ได้พยายามอวดเก่ง ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ดังนั้นถ้าเกิดสิ่งผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจนำมาซึ่งหายนะ ชิงสุ่ยจึงเรียกหงส์เพลิงนรกานต์ มังกรไอยราเกล็ดทองคำ อสูรอัสนี อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร และหนอนไหมหิมะ 2 ออกมาร่วมวงต่อสู้ทันที

 

เมื่ออสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรปรากฏตัว มันเรียกอสูรแมงมุมออกมาจำนวนมาก ท่ามกลางฝูงแมงมุมเหล่านั้น บางตัวก็เกิดการกลายพันธุ์ไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันออกมาพร้อมตั้งตารอโจมตี

 

ทันทีที่อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรเคลื่อนไหว ชิงสุ่ยใช้จังหวะนั้นสร้างรูปแบบผสานจตุรทิศ ก่อนเขาหาโอกาสใช้หงส์เพลิงสะบั้นศึกและเครื่องรางสวรรค์

 

ระหว่างที่อีกฝ่ายพยายามกู้สถานการณ์กลับคืน ชิงสุ่ยก็ตั้งรูปแบบผสานจตุรทิศเสร็จเรียบร้อย

 

ทุกอย่างยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของอีกฝ่ายเกิดประกายไฟลุกโชน  แม้จะมีสัตว์อสูรมากมายรายล้อมตัวเแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามพลังของสัตว์อสูรของชิงสุ่ยนั้น แทบจะทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย

 

ตอนนั้นเองถานท่าย หลิงเยียนและคนอื่นๆ เริ่มเป็นกังวล พลังของอีกฝ่ายนั้นมากกว่าที่พวกเขาคาดคิด หากพวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับชิงสุ่ย พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แค่เผชิญกับสัตว์อสูรพวกนี้ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แล้วพวกเขาจะเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสัตว์อสูรพวกนั้นได้อย่างไร

 

ชิงสุ่ยเริ่มวาดเครื่องรางสวรรค์… ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก ก่อนชิงสุ่ยจะรีบใช้วชิระสยบอสูร

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

ชิงสุ่ยเล็งเป้าหมายไปที่ราชันย์หนูวชิระทมิฬทั้ง 3 ตัว

 

เคล็ดวิชาล่าสังหาร!

 

นานมากแล้วที่ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้ทักษะนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในวิชาที่แข็งแกร่งมากของชิงสุ่ยเลยทีเดียว

 

เคล็ดวิชาล่าสังหารลดพลังความเร็วของอีกฝ่ายลง 30%

 

ทุกทักษะที่เกิดจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นล้วนน่ากลัว น่าเสียดายที่ทักษะที่ใช้ลดพลังนั้นไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ไม่อย่างนั้นชิงสุ่ยคงทำให้อีกฝ่ายช้าลงเหมือนเต่าด้วยปราณกระบี่วชิระและตราประทับซวนเทียน

 

แม้พลังอาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ เคล็ดวิชาล่าสังหารนั่นก็แข็งแกร่งมาก เขาสามารถลดพลังความเร็วของอีกฝ่ายลงได้อีกหน่อย หากเขาใช้ทุกทักษะร่วมกัน ชิงสุ่ยสามารถลดความเร็วของอีกฝ่ายได้มากที่สุดคือ 35%

 

จะเป็นอย่างไรหากเขาลดความเร็วของอีกฝ่ายลงได้ 35%? อย่างเช่นในระหว่างการต่อสู้ของผู้ฝึกตนที่มีพลังเท่ากัน ถ้าความเร็วของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดลง 35%  ก็ต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ไม่ว่าราชันย์หนูวชิระทมิฬจะเร็วเพียงใดแต่ชิงสุ่ยสามารถหลบการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย เพราะ 35% นั้นถือว่าเป็นจำนวนที่มากทีเดียว อีกฝ่ายพยายามบัญชาราชันย์หนูวชิระทมิฬทั้งสามให้โจมตีชิงสุ่ยพร้อมกัน

 

ชิงสุ่ยเองรีบบอกให้อสูรสยบมังกรจัดการอสูรหนู 1 ใน 3 ตัวและเขาจะรับมือกับ 2 ตัวทีเหลือ โดยสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็กำลังต่อสู้อยู่เช่นกัน

 

เมื่อเห็นว่าอสูรของตนถูกชิงสุ่ยลดความเร็ว สีหน้าของเขาดูตกใจมาก เพราะเขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างกลับกลายเป็นเช่นนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือฆ่าชิงสุ่ยเท่านั้น!

 

อีกฝ่ายคิด.. ไม่ว่าจะต้องวิธีใด เขาก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อกำจัดชิงสุ่ย!

 

อีกฝ่ายมองสัตว์อสูรรอบตัวชิงสุ่ยอย่างโมโห อาจเพราะชายคนนี้มีสัตตะดวงใจอสูร และเป็นอัจฉริยะในนิกายสาปอสูร แต่เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยไม่ยอมเรียกใช้สัตว์อสูรเหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่เขามีสัตว์อสูรตั้งมากมาย อีกฝ่ายจึงรู้สึกโกรธ

 

ราชันย์หนูวชิระทมิฬทั้งสองเข้ามาใกล้มาเรื่อย ๆ ในขณะที่ชายชราก็มุ่งหน้าไปโจมตีสัตว์อสูรของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยจึงสั่งให้หงส์เพลิงนรกานต์ เริ่มโจมตี รวมถึงอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรและแมงมุมตัวอื่น ๆ ก็เริ่มโจมตีเช่นกัน

 

ตึง!

 

ชิงสุ่ยโจมตีด้วยทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึกใส่หนึ่งใน ราชันย์หนูวชิระทมิฬ ร่างของมันถูกทะลวงด้วยง้าวทองทะลวงศัตรูจนตายคาที่..

 

ก่อนมันจะตาย มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องอะไรออกมา ชายชราใช้มือทาบอกด้วยความเจ็บใจ

 

ชิงสุ่ยจัดการสัตว์อสูรอีกตัวที่เหลือ แม้มันพยายามหนีไปหลบอยู่ด้านหลังของอสูรเกราะเหล็กมหากาฬแต่ชิงสุ่ยก็ใช้การโจมตีเดียวฆ่ามันในทันที

 

“ข้าต้องทำเช่นนี้ก็เพราะท่าน…”

 

ชิงสุ่ยบอก..อีกฝ่ายได้แต่มองชิงสุ่ยด้วยสายตางุนงงผสมแค้นเคืองก่อนจะเรียกสัตว์อสูรตัวใหม่ออกมา

 

ทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ!

 

อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเขาคืออสรพิษมังกร 3 หัว

 

อสรพิษมังกร 3 หัวขนาดใหญ่กลืนร่างของชายคนนั้นเข้าไป ท่าทางของมันดูดุร้ายมาก ทันใดนั้นเองมันพุ่งเข้าหามังกรไอยราเกล็ดทองคำอย่างไม่ลังเล

 

เคล็ดวิชาล่าสังหาร!

 

หุบเขา 9 เทวา!

 

อสูรสยบมังกรเองก็เข้าไปโจมตีเช่นกัน

 

รูปแบบผสานจตุรทิศนั้นแข็งแกร่งมาก โดยชิงสุ่ยให้อสูรสยบมังกรอยู่ในตำแหน่งมังกร ซึ่งตำแหน่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังความเร็วและความว่องไวให้แก่อสูรสยบมังกร

 

หงส์เพลิงนรกานต์ประจำตำแหน่งหงส์ฟ้ามันเพิ่มพลังจากการโจมตีด้วยเปลวเพลิงและทักษะสังหารไร้ปรานีอย่าง เพชฌฆาต 9 วิญญาณ..

 

เพลิงนรกภูมิ!

 

ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นจากพลังของทักษะเหล่านี้ เพลิงนรกภูมิของหงส์เพลิงนรกานต์มีพลังเพิ่มขึ้นถึง 400 ล้านสุริยะ และกลายเป็นการโจมตีหลัก

 

วชิระสยบอสูร!

 

เปลวเพลิงนรกานต์!

 

การโจมตีที่น่ากลัวทำให้ชายชราสีหน้าซีดเซียวด้วยความกลัว แม้จะแข็งแกร่งพอ ๆ กับ ผู้อาวุโสหลู่และมีพลังที่โดดเด่นเกินกว่าคนธรรมดามากถึง 200 ล้านสุริยะ ซึ่งผนึกป้องกันอสูรศักดิ์สิทธิ์ทำให้ชายชรามีพลังมากถึง 600 ล้านสุริยะ แต่เพราะถูกชิงสุ่ยลดพลังออกไป ตอนนี้เขาจึงมีพลังเหลือประมาณ 400 ล้านสุริยะเท่านั้น

 

เพลิงนรกภูมิของชิงสุ่ยเองนั้น แม้จะมีพลังเพียง 400 ล้านสุริยะ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ ชิงสุ่ยจึงสั่งให้อสูรสยบมังกรผสานพลังกับวิหคเพลิงเพื่อโจมตีพร้อมกัน…ชิงสุ่ยมั่นใจว่าชายคนนี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายสาปอสูร ดังนั้นเขาตั้งใจไว้ว่าถ้าสังหารอีกฝ่ายไม่ได้ เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายพิการเสีย..

 

พลังระดับพื้นฐานของอีกฝ่ายนั้นมหาศาล ทั้งยังมีผนึกป้องกันอสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นที่เขาไม่ได้หมายตานิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทและ พระราชวังจอมอสูรก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

 

ตอนนี้เขาก็จัดการสัตว์อสูรของอีกฝ่ายไปได้แล้วสองตัวแล้ว..

 

พลังฟ้าผ่าของอสูรอัสนีเองก็ยังคงโจมตีสัตว์อสูรของอีกฝ่ายเรื่อย ๆ และด้วยเคล็ดวิชาล่าสังหารก็ช่วยให้พลังของอีกฝ่ายก็ลดลงไปมาก

 

หงส์เพลิงนรกานต์รีบกำจัดสัตว์อสูรของอีกฝ่ายไป 5-6 ตัวด้วยเพลิงนรกภูมิ แต่มันยังไม่สามารถทำอะไรกับอสูรเกราะเหล็กมหากาฬได้

 

พลังป้องกันที่ อสูรเกราะเหล็กมหากาฬได้มาจากการลดพลังการโจมตีของตัวมันเองนั้นแข็งแกร่งมาก !

 

อัสนีจู่โจม!

 

อสูรอัสนีโจมตีราชันย์หนูวชิระทมิฬด้วยอัสนีจู่โจมแต่มันก็กัดใยแมงมุมของอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรที่พยายามตรึงตัวมันไว้จนขาด สัตว์อสูรตัวเล็กนี้ฉลาดมากทีเดียว ด้วยร่างกายที่เล็กและเรียบเนียนเหมือนหยก การจะตรึงตัวเอาไว้นั้นจึงเป็นเรื่องยาก แต่เพราะใยแมงมุมของอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรนั้นเหนียวมาก ไม่นานนักก็สามารถตรึงอสูรตัวเล็กได้ ราชันย์หนูวชิระทมิฬสูญเสียความเร็วก็ส่งผลให้พลังของมันลดลงไปถึง 90%

 

ราชันย์หนูวชิระทมิฬไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้  ชิงสุ่ยจึงรีบจับมันใส่ลงไปในเตาหลอมกลั่นอสูรขั้นแรกเริ่มอย่างไรรีรอ

 

ร่างของมันตัวสั่นระรัวเมื่อเห็น เตาหลอมกลั่นอสูรขั้นแรกเริ่ม แม้แต่ อสูรเกราะเหล็กมหากาฬก็คำรามอย่างกระวนกระวาย

 

ชิงสุ่ยใส่ส่วนผสมตามสูตร อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรใช้วิธีเดียวกันจับราชันย์หนูวชิระทมิฬตัวสุดท้ายใส่ลงไปในหม้อ

 

ชายชรารู้สึกราวกับหัวใจแตกสลาย เมื่อได้เห็นภาพนั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไร เขาก็ไม่สามารถละจากอสูรสยบมังกรและหงส์เพลิงนรกานต์ได้ และแม้สัตว์อสูรของเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เมื่อพลังความเร็วของมันลดลง สิ่งเดียวที่รอมันอยู่นั้นก็คือความตาย

 

“พวกแกจะรออะไรกัน! ไปฆ่ามันเดียวนี้!”ในตอนนั้นเองชายชราไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาสั่งทุกอย่างรอบตัวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

 

แทนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ..แต่อีกฝ่ายกลับสั่งให้คนของตนเข้าไปโจมตีชิงสุ่ยพร้อม ๆ กัน

 

“พวกท่านรนหาที่ตายเองนะ..”ชิงสุ่ยพูดขึ้น เขายิ้มและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร