ตอนที่ 489 ศิลาแสงดาว
สั่วจินเฟยมองที่ฉินหยุนพร้อมหัวเราะดัง “ในเมื่อเจ้าอยากอ้างตัวเป็น
ฉินหยุน เช่นนั้นข้าจะเติมเต็มความปรารถนาเจ้าให้ ทันทีเมื่อข้าพบ
ฉินหยุน ข้าจะทุบตีมันจนกว่าจะร้องขอความเมตตา!”
ศิษย์ผู้อื่นของสํานักเก้าตะวันเริ่มถอยห่าง
“ฉินหยุนงั้นหรือ? คิดอยากคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้าข้าที่ตรงนี้ หรือ
คิดให้ข้าทุบตีจนคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิต?” สั่วจินเฟยถูไถหมัด
ตนเองขณะมองฉินหยุนพร้อมแค่นเสียง
“เช่นนั้นลองทุบตีจนข้าต้องคุกเข่า! เพราะข้าคิดอยากเห็นนัก ว่าเจ้า
จะทุบตีจนข้าคุกเข่าอย่างไร!” ฉินหยุนลุกขึ้นยืนเชื่องช้าบอกต่อสั่ว
จินเฟย
ผู้อื่นต่างลุกขึ้นยืน หลบไปอยู่ด้านข้าง เพราะกังวลว่าการต่อสู้อาจ
รุนแรงจนส่งผลกระทบ
สั่วจินเฟยกําหมัดแน่นด้วยโทสะ ขณะนี้หันไปบอกกล่าวกับคนรอบ
ข้าง “ทุกคนจงนั่งและกินดื่มต่อ! ข้าไม่คิดสู้กับคนเช่นนี้ ใช้เพียงมือ
เดียวก็ทํามันคุกเข่าได้แล้ว!”
“อย่างนั้นแล้ว คิดใช้มือข้างใดทําให้ข้าต้องคุกเข่า?” ฉินหยุนเผยยิ้ม
บาง สีหน้าขณะนี้ไร้ซึ่งความกลัวเกรงแม้สักนิด
ฉื่อซินซินเร่งรีบเข้ามาดึงฉินหยุนไว้ นางไม่ต้องการให้ฉินหยุนถูก
รังแกเช่นนี้ “ท่านลุง รีบไปกันดีกว่า!”
สั่วจินเฟยจ้องมองฉื่อซินซินกราดเกรี้ยว มือขวาไหววูบพร้อมกล่าว
ด้วยโทสะ “ข้าจะทําให้เจ้าคุกเข่า ด้วยมือข้างที่สังหารนางเด็กนี่!”
คําพอกล่าวจบ ฝ่ ามือของเขาปลดปล่อยออร่ารุนแรง เกิดเป็นสายลม
เย็นเยือกพัดเข้าหาเบื้องหน้าของฉื่อซินซิน
ฉินหยุนเตรียมรับรอบด้านไว้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงคว้าฝ่ ามือ
ของสั่วจินเฟยด้วยมือหนึ่ง พร้อมใส่พลังเต๋าแรกเริ่มทรงพลังเข้าไป
จนเกิดการระเบิดออก!
แขนของสั่วจินเฟยระเบิดออกด้วยพลังเต๋าแรกเริ่มที่แกร่งกล้า แขน
ข้างนั้นถึงกับพ่นเอาละอองโลหิตฟุ้งกระจาย!
ละอองโลหิตนี้กระเซ็นกระจายต่อหน้าทุกผู้คน!
“อ๊าก!” สั่วจินเฟยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แขนของเขาพิการโดย
สมบูรณ์ ขณะนี้มือของฉินหยุนยังคงจับแขนของเขาเอาไว้อยู่
“เจ้าพูดไม่ใช่หรือ ว่าจะทุบตีจนข้าคุกเข่า?” ฉินหยุนแค่นเสียงพร้อม
ระเบิดพลังออก ทําการฉีกกระชากแขนข้างนั้นออกจากร่าง
สั่วจินเฟยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง!
บรรดาศิษย์ของสํานักเก้าตะวันล้วนตื่นตะลึงเมื่อพบเห็นเรื่องราว
พวกเขายืนเหม่อมองอย่างไม่ทราบควรทําอย่างไรดี
แน่นอนว่า พวกเขาคิดอยากช่วยเหลือสั่วจินเฟย ทว่าได้เห็นความ
แข็งแกร่งของฉินหยุน อีกฝ่ ายย่อมไม่ใช่คนที่รับมือได้ด้วยง่าย
“เจ้า… เป็นฉินหยุนตัวจริงงั้นหรือ? จงตาย!” สั่วจินเฟยกราดเกรี้ยว
ถึงขนาดเส้นเลือดบวมปูดที่หน้าผาก เสียงตะโกนด้วยโทสะคําราม
ออก หุ่นเชิดถูกปลดปล่อย
มนุษย์จระเข้นี้เป็นหุ่นเชิด พละกําลังของมันสูงลํ้าทัดเทียมขอบเขต
วรยุทธ์วิญญาณ
จระเข้เกราะนี้สูงกว่าสองเมตร ร่างกายปกคลุมด้วยเกราะหนังจระเข้
สีดํา รูปร่างดูกํายํา ทําให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกว่ายากแก่การทําลาย
ปราการป้องกันของเกราะหนา
ฉื่อซินซินขณะนี้แตกตื่นจนถึงขั้นทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม นางเข้าไปหลบ
ซ่อนด้านหลังของฉินหยุน
ผู้คนต่างหวาดกลัวขณะมองมนุษย์จระเข้ปรากฏตัว พวกเขาล้วน
กระโดดหนีหายผ่านหน้าต่างด้วยความเกรงกลัวจะได้รับผลกระทบ
“ฉินหยุน จงคุกเข่าร้องขอความเมตตา แล้วมนุษย์จระเข้จะได้สังหาร
เจ้าอย่างไม่เจ็บปวด!”
“คุกเข่าสิโว้ย! หากปล่อยให้มันสู้ เมืองได้พังราบ อย่าได้ลากผู้อื่นลง
เหวไปกับเจ้าด้วย!”
“มนุษย์จระเข้นั่นได้ฉีกฉินหยุนออกเป็นชิ้นเนื้อแน่ เพราะมันมีพลัง
ทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!”
ผู้คนขณะนี้ร้องตะโกนกันไม่หยุด
สั่วจินเฟยคํารามเสียงดัง “ฉินหยุน เจ้าทําลายแขนข้า! ตอนนี้ไม่
เพียงแต่จะทําให้เจ้าคุกเข่า ข้าจะกัดกินเจ้าทั้งเป็น! คุกเข่าตอนนี้และ
ร้องขอความเมตตาก็ไร้ประโยชน์แล้ว จงยอมรับความตาย!”
อีกฝ่ ายขณะนี้ ควบคุมมนุษย์จระเข้ให้พุ่งทะยานเข้าปะทะกับฉินหยุน!
ฉินหยุนขมวดคิ้ว ปลดปล่อยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร ตั้ง
สมาธิโจมตีที่ทุกส่วนของร่างกายจระเข้
การโจมตีหุ่นเชิดด้วยพลังจิต ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ผู้คนล้วนรอคอยว่าจะเรื่องราวจะจบลงที่ตรงใดขณะพบเห็นหุ่นเชิด
มนุษย์จระเข้เกราะพุ่งทะยานเข้าใส่ ผู้อื่นล้วนคาดคิด ว่าฉินหยุน
จะต้องถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเนื้อโดยมนุษย์จระเข้เกราะ!
กระนั้น หุ่นเชิดกลับหยุดที่ตรงหน้าฉินหยุน!
ทันทีที่ร่างหุ่นเชิดหยุดลง ฉินหยุนนําเอากระบี่สีดําออกมาเล่มหนึ่ง
สับฟันใส่หุ่นเชิดตรงหน้า เขาไม่ใช้แม้วิชายุทธ์ใด ก็สามารถสับฟัน
ร่างมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ฟุ่ บ ฟุ่ บ ฟุ่ บ ฟุ่ บ!
เสียงของมีคมสับฟันขนาดได้ยินดัง!
มนุษย์จระเข้เกราะที่มีการป้องกันแกร่งกล้า ขณะนี้ถูกแล่เป็นชิ้นเนื้อ
โดยฉินหยุน!
“นายน้อยสั่ว โจมตีเด็กสาวนั่น!” ชายชุดดําคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้น
สั่วจินเฟยตอบสนองรวดเร็ว เขามองไปทางด้านฉื่อซินซินที่อยู่ข้าง
กายฉินหยุน หมัดพุ่งผ่านอากาศ ปลดปล่อยออกซึ่งขุมพลังแกร่งกล้า!
ฉินหยุนโบกมือไหววูบ สลายพลังหมัดด้วยคลื่นพลังเต๋า ถัดจากนั้น
เขาค่อยโยนมีดสั้นเล่มหนึ่งเข้าใส่สั่วจินเฟย!
เสียงตัดผ่านอากาศกรีดร้องดัง มีดบินลัดผ่านอากาศเสียบเข้าที่ศีรษะ
ของสั่วจินเฟย แทงทะลุกะโหลกไปราวจิ้มเข้าใส่เต้าหู้!
ถัดจากนั้น ด้วยฉินหยุนควบคุม มีดสั้นจึงทะยานเข้าหาร่างชายชุดดํา
ที่ร้องบอกเมื่อครู่
ศีรษะของชายชุดดําปรากฏรูขึ้นเด่นชัด อีกฝ่ ายถูกสังหารโดยมีดบิน
ไปเรียบร้อยแล้ว!
มีดบินกลับคืนสู่มือของฉินหยุน มันไม่มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนแม้
เพียงนิด ภาพลักษณ์ยังคงสะอาดสะอ้าน ทว่าผู้พบเห็นกลับรู้สึก
หนาวจับใจ
สั่วจินเฟย ผู้ซึ่งบอกว่าสามารถสังหารบุคคลขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ขณะนี้สิ้นชีพแล้ว วิญญาณยุทธ์ระดับแพลทินัมก็ถูกฉินหยุนแยก
ออกมา
ฉินหยุนสังหารสั่วจินเฟยเรียบร้อย เขาจึงนั่งลงกินอาหารของตนเอง
ต่อ ราวกับเมื่อครู่หาได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นไม่
ทุกผู้คนขณะนี้ล้วนมองเขาด้วยอาการตื่นตะลึง!
หญิงสาวทรงเสน่ห์อุทานเสียงเบา “เจ้า… เป็นฉินหยุนจริงหรือ?”
“ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นฉินหยุนตัวปลอม เพียงแต่พวกเจ้าไม่คิดเชื่อข้า
เอง!” ฉินหยุนยิ้ม ดึงให้ฉื่อซินซินนั่งลง เขากล่าวออก “ซินซิน กิน
ต่อ!”
ฉื่อซินซินขณะนี้เกิดความหนักอึ้งภายใจ เพราะคลื่นพายุก่อเกิดและ
หายไปอย่างรวดเร็ว ทว่านางก็สงบใจได้ในไม่ช้า
“ฉินหยุน เจ้าจงรีบหนีไปเสีย! หากข่าวคราวความตายของสั่วจินเฟย
ถึงหูสํานักตะวันทองคําในเมืองใกล้เคียง เมื่อนั้นสํานักตะวันทองคํา
จะมาเยือน พวกเขาจะมาพร้อมขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า!” เสียง
หญิงสาวทรงเสน่ห์ดังขึ้น
ฉินหยุนทราบ ว่าสํานักเก้าตะวันย่อมมีรากฐานสํานักในสวนโบราณ
ฉื่อซินซินเผยเสียงเบา “พี่หยุน ท่านต้องไป! ข้าเลี้ยงท่านแล้ว อย่าให้
มันต้องสูญเปล่า!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ก็ได้ งั้นก็ไม่ต้องกิน!”
จากนั้น เขาเดินเข้าหาร่างของสั่วจินเฟย คว้าร่างนั้นขึ้นมาและกล่าว
คํา “พวกเราจะนําร่างของสั่วจินเฟยกลับไปส่งที่สํานักตะวันทองคํา!”
หญิงสาวทรงเสน่ห์คิดว่าฉินหยุนจะจากไป แต่พอได้ยินคํากล่าวอีก
ฝ่ าย นางอดไม่ได้ที่จะเผยความมึนงงออกมาวูบหนึ่ง
ฉื่อซินซินคิ้วขมวด “พี่หยุน นี่ไม่เป็นไรหรือ?”
“เมื่อครู่นี้ข้าลงมือหนักไปหน่อย ทําให้เผลอสังหารชายคนนี้ไป เป็น
ข้ารู้สึกผิดนัก ดังนั้นข้าสมควรนําร่างเจ้านี่กลับไปส่งคืนให้ต้นสังกัด!”
ฉินหยุนยิ้มพร้อมลูบที่หัวของฉื่อซินซิน
สายตาของเขามองที่หญิงสาวทรงเสน่ห์และเอ่ยถาม “แม่นางตรงนั้น
พาข้าไปยังสํานักตะวันทองคําได้หรือไม่? ไว้ข้าจะมอบหนึ่งหมื่น
เหรียญม่วงให้เป็นการตอบแทน!”
แม้หญิงสาวเป็นศิษย์สํานักเก้าตะวัน แต่ตัวนางนับถือฉินหยุนเป็น
อย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ นางได้ทราบวีรกรรมของฉินหยุนที่เปรียบดั่งตํานาน ทํา
ให้นางเกิดความนับถืออีกฝ่ ายจากใจ ขณะนี้ได้เห็นอีกฝ่ ายด้วยตา
ตนเอง นี่คือตํานานที่ยังมีชีวิต!
“ตกลง!” หญิงสาวพยักหน้ารับ หันกายกลับ พร้อมออกเดินนําหน้า
ฉื่อซินซินจ่ายค่าอาหาร เป็ นเงินเกือบสองแสนเหรียญม่วง
เฉียนเฉ่าจากตําหนักจารึกเทวะ รับชมเรื่องราวตั้งแต่แรกมาโดย
ตลอด เป็นเขาไม่กล้าพูดกล่าวออกแม้ครึ่งคํา
เขาสัมผัสได้ถึงพลังเต๋าแรกเริ่มน่าขนลุกของฉินหยุน พลังอํานาจนั่น
เป็นอะไรที่เขาไม่อาจรับมือได้ จึงได้แต่เสียงสื่อสารไปยังตําหนัก
จารึกเทวะอื่นที่แกร่งกล้ากว่าด้วยยันต์สื่อสาร บอกต่อพวกเขาให้ส่ง
คนมาโดยเร็วที่สุด
ศิษย์อื่นของสํานักเก้าตะวันยังไม่กล้ากล่าวอะไรแม้ครึ่งคํา! สั่วจินเฟย
แข็งแกร่ง กระนั้นที่ได้เห็นคือเขาตายอย่างอเนจอนาถ นอกจากนี้ ยัง
เป็นฉินหยุนที่ลงมือสังหาร
ระดับการฝึกฝนของเขาเพียงแค่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม พวก
เขาไม่มีโอกาสเอาชนะฉินหยุนได้!
กระทั่งว่าสํานักพวกเขาแข็งแกร่งล้นพ้นในเก้าแดนอ้างว้าง พวกเขา
ก็ยังต้องเกิดความสะพรึงกลัวยามเผชิญพลังสะกดข่มของฉินหยุน
กระทั่งผายลมยังไม่กล้า!
สํานักตะวันทองคําอยู่ใกล้เมืองเล็กแห่งนี้พอสมควร ใช้เวลาเพียง
ครึ่งชั่วยามก็มาถึง หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่นําพาฉินหยุนมา นามนางว่า
เฉียวอวี้ เป็นศิษย์ของสํานักตะวันอัคคี
หลายคนล้วนตามมา พวกเขาคิดอยากรับชม ว่าฉินหยุนจะส่งร่าง
ของสั่วจินเฟยกลับสํานักตะวันทองคําอย่างไร!
ที่นี่คือสวนโบราณ สํานักตะวันทองคําจึงสร้างขึ้นเป็นการชั่วคราว
เป็นเพียงบ้านพักหลังไม่ใหญ่มาก กระนั้นนี่ก็ถือว่าเป็นกองกําลังที่
แกร่งกล้าแล้ว!
ตรงหน้าทางเข้าสํานักตะวันทองคํา มีชายชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้าจํานวนหนึ่งยืนอยู่ พวกเขาคล้ายได้รับแจ้งผ่านเสียง
สื่อสารมากันแล้ว จึงทราบถึงความตายของสั่วจินเฟย
ทางด้านบุคคลที่สังหารสั่วจินเฟย ไม่ใช่ใครอื่น เป็นตัวตนที่
สะเทือนฟ้าดินของแดนยุทธ์อ้างว้าง ฉินหยุน!
ไม่ช้า ก็มีผู้อาวุโสอีกหลายคนของตําหนักจารึกเทวะมาถึง พวกเขา
ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าในที่นี้บ้างก็มาตั้งแต่แรกเริ่ม
และก้าวหน้าที่นี่ บ้างก็สะกดระดับพลังไว้และเข้ามา และหากเมื่อใด
พวกเขาก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ เมื่อนั้นพวกเขาจําเป็นต้อง
ออกไป
ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าในสวนโบราณ ก็ยัง
นับได้ว่าแข็งแกร่ง
ผู้อาวุโสของสํานักตะวันทองคําเผยนํ้าเสียงเย็นเยือก “เจ้าเป็นฉินหยุน
จริง! ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังเข้าสู่สวนโบราณมาได้! เป็ นเจ้าที่ลงมือ
สังหารศิษย์เหนือลํ้าของสํานักพวกเราไปมากมายครั้งอยู่ภายนอก!”
“ครานี้เจ้าสังหารศิษย์พวกเราไปอีกคนหนึ่ง แล้วยังกล้าดีนําร่างกลับ
มาให้ด้วย!”
ฉินหยุนนําร่างสั่วจินเฟยออกมา โยนร่างนั้นลงกับพื้นพร้อมกล่าว
“เป็นมันที่คิดสังหารข้าก่อน!”
ผู้คนล้วนกล้าบอก ฉินหยุนไม่ได้มาเพียงเพื่อส่งร่างอีกฝ่ ายกลับคืน
เขามาเพื่อยั่วยุสํานักตะวันทองคํา!
ผู้อาวุโสหลายคนของสํานักตะวันทองคํามองศพที่พื้น ความโกรธ
พลันปะทุออก กระนั้น พวกเขาไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม เพราะพวกเขา
กําลังรอให้คนจากสํานักอื่นมาถึง
เฉียนเฉ่าจากตําหนักจารึกเทวะเร่งรีบเดินมาบอกต่อฉื่อซินซิน “แม่
สาวน้อย หินที่เจ้าขายแก่ข้ามีความผิดพลาด มันหาได้ใช่วัสดุวิญญาณ
ระดับราชัน! ข้าต้องการคืนสินค้า!”
“อา… แต่ว่า… ขณะนี้เหลือเพียงแค่หนึ่งล้านเหรียญม่วงแล้ว!”
ฉื่อซินซินเผยความตื่นตะลึง นางมองไปทางฉินหยุนพร้อมกล่าว
กระซิบตอบ
บรรดาผู้อาวุโสสํานักตะวันทองคําต่างพยักหน้าพึงพอใจ ที่ได้เห็น
ตําหนักจารึกเทวะเข้าข้างพวกตนเอง
“หากข้ายืนยันได้ว่าหินนั่นเป็นวัสดุวิญญาณระดับราชัน อย่างนั้นเจ้า
จะทําอย่างไร?” ฉินหยุนแค่นเสียง
“หากเจ้ายืนยันได้ เช่นนั้นหินนั่นก็เป็นของเจ้า และข้าก็ไม่ต้องการ
เหรียญม่วงกลับคืนแต่อย่างใด!” ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะก้าว
เดินออกมาพร้อมแค่นเสียง “แม้ว่าหินก้อนนี้ดูดกลืนเลือดมนุษย์ได้
แต่มันเป็นศิลาแสงดาวระดับต้น หาได้ใช่ศิลาแสงดาวระดับราชัน!”
ฉินหยุนรับหินดังกล่าวมา “ศิลาแสงดาวมีความแข็งเป็นเลิศ ยากแก่
การหลอม มันเป็นวัสดุที่ดีสําหรับการหลอมสิ่งเล็กน้อย หรือเป็น
อาวุธมีคม รวมเข้ากับกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันในขั้นตอนการ
หลอม มันจะมีระดับความแข็งเทียบเท่าอาวุธลึกลํ้า!”
“ถูกต้อง! พวกเราไม่มีกําลังพอขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน
ดังนั้นจึงไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นของจริง!” ชายชราแค่นเสียง
ตอบโต้
“เจ้าทําไม่ได้ แต่ข้าทําได้!” ฉินหยุนยิ้มพร้อมนําเอาหม้อราชสีห์สวรรค์
สะกดมังกรออกมา เขากล่าวต่อ “ข้าจะหลอมหินนี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณ
ระดับราชัน นี่จะเป็นการยืนยันว่าหินนี่คือศิลาแสงดาวของจริง!”