DC บทที่ 213: ปลุกเธอขึ้น

 

เมื่อซูหยางพูดว่าโหลวหลานจีจะตื่นขึ้นมาด้วยตนเองคืนนี้ ทุกคนในห้องมองดูเขาราวกับว่าเขาเป็นบ้า

 

“จ-เจ้าพูดว่าอะไรนะ” ผู้อาวุโสหวูต้องการที่จะฟังให้ชัดว่าเธอได้ยินเขาได้ถูกต้องหรือไม่จึงถามขึ้น

 

“ผู้นำนิกายไม่ได้เจ็บป่วยหรือถูกพิษ เหมือนดังเช่นที่เหล่าหมอได้พูดไว้ ว่าไปแล้วสติของเธอถูกบังคับให้หลับโดยวิชาที่ลึกลับอย่างลึกล้ำ ดังนั้นเป็นเหตุให้เธอตกอยู่ในการสลบไสล” ซูหยางอธิบายให้พวกเขาฟังถึงสาเหตุในกรณีของโหลวหลานจี

 

“ว่ากระไรนะ วิชาการต่อสู้เป็นสาเหตุของทั้งหมดนี้รึ”

 

หมอทั้งสามที่ยังคงอยู่ที่นั่นต่างพากันครุ่นคิดตามคำพูดของซูหยางในทันใด กระทั่งผู้อาวุโสนิกายต่างพากันเงียบ

 

“เหตุผลนี้ค่อนข้างเป็นเหตุเป็นผลจริงๆ” หมอคนหนึ่งกล่าวขึ้นสองสามอึดใจหลังจากนั้น

 

“มันสามารถอธิบายได้ว่าทำไมผลลัพธ์จึงออกมาเป็นลบเมื่อทดสอบอาการเจ็บป่วยและพิษของเธอ” อีกคนกล่าว

 

“เจ้ารู้จักวิชาการต่อสู้ที่ใช้บนตัวเธอหรือไม่ว่าเป็นวิชาอะไร” หมอคนหนึ่งหันไปถามซูหยาง

 

เมื่อผู้อาวุโสนิกายเห็นบรรดาหมอพลันถือซูหยางเหมือนกับว่าเขาเป็นคนหนึ่งในพวกเขา ดวงตาของพวกเขาพลันกลมโตด้วยความตกตะลึง หรือว่าเขามีความรู้ด้านยาอย่างลึกซึ้งจริงๆ ช่างน่าแปลกใจ

 

ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “โชคร้าย ข้ามิรู้จักวิชาเบื้องหลังการสลบไสลของเธอ”

 

แม้ว่าเขาจะกล่าวเช่นนั้น อย่างไรก็ตามซูหยางรู้เป็นอย่างดีถึงวิชาฝีมือที่ใช้เพื่อทำให้โหลวหลานจีตกอยู่ในสถานะหลับไหล อีกทั้งรู้ถึงคนที่ทำเช่นนั้นด้วย

 

“เช่นนั้นทำไมเจ้าจึงรู้ว่าเธอจักตื่นขึ้นมาคืนนี้แม้กระทั่งเรามิทำอะไรเลย” ผู้อาวุโสหวูพลันถามเขา

 

“ง่ายมาก ก็โดยทางปราณไร้ลักษณ์ของเธอ ซึ่งแสดงสัญญาณของการตื่นของเธอ” ซูหยางกล่าว

 

“ว่ากระไร นี่เป็นจริงรึ” ผู้อาวุโสหวูหันไปมองดูบรรดาหมอ แต่พวกเขาเพียงส่ายหน้า

 

พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขายังไม่รู้ว่ามีวิธีวิธีที่จะอ่านปราณไร้ลักษณ์ด้วยซ้ำ

 

ผู้อาวุโสหวูหันไปหาซูหยางและกล่าวว่า “ถ้าทุกสิ่งที่เจ้ากล่าวมาก่อนหน้านี้เป็นจริงและผู้นำนิกายจักตื่นขึ้นคืนนี้ เช่นนั้นพวกเราต้องให้รางวัลเจ้าอย่างงามสำหรับเรื่องนี้”

 

“เช่นนั้นคงไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้นอกจากรอจนถึงที่สุด เฮ้อ…” ผู้อาวุโสนิกายต่างพากันถอนหายใจ

 

“รอ ใครพูดกันว่าเราต้องรอให้เธอตื่น” ซูหยางพลันกล่าวขึ้น

 

“เจ้าหมายความว่าอะไร” ผู้อาวุโสหวูถามเขาด้วยคิ้วขมวดอย่างสับสน

 

ซูหยางไม่ได้ตอบคำถามเธอทันทีแต่หันไปเผชิญหน้ากับโหลวหลานจีอีกครั้ง

 

เขาพลันยกมือขวาขึ้นกลางอากาศให้นิ้วเหยียดเปิดเผยให้เห็นฝ่ามือ ดูราวกับว่าเขาต้องการตบหน้าใครสักคน

 

“จ-จ-เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร” ผู้อาวุโสหวูสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเธอเห็นท่าทางของเขา

 

“ท่านถามอะไรกัน ข้ากำลังจะปลุกเธอขึ้น” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉยในขณะที่เขาเหวี่งมือไปยังใบหน้าสงบสุขและสะสวยของโหลวหลานจี

 

“หยุด”

 

ผู้อาวุโสหวูพุ่งตัวไปหยุดเขา แต่น่าเสียดาย เธอช้าไปเพียงเล็กน้อย ดังนั้น เพี๊ยะ

 

เสียงโหลวหลานจีถูกตบดังขึ้นได้ยินชัดไปทั้งห้อง

 

บรรดาหมอปิดปากที่อ้ากว้างด้วยความตกใจของพวกเขา ในขณะที่ผู้อาวุโสนิกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ

 

“ทำไมเจ้าช่างกล้า—” ผู้อาวุโสหวูยกมือของเธอขึ้นด้วยความโกรธและเตรียมที่จะโจมตีซูหยาง

 

“งือออ…”

 

ในขณะที่ผู้อาวุโสกำลังขยับ โหลวหลานจีก็ร้องครางออกมาเบาๆ แสดงปฏิกิริยาเป็นครั้งแรกในเวลาสองวันนี้ จนทำให้ผู้อาวุโสหวูชะงักค้างและมองไปยังโหลวหลานจีที่กำลังตื่นขึ้นด้วยดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตระหนก

 

“ทำไมใบหน้าข้าจึงเจ็บ…” โหลวหลานจีค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆและลูบใบหน้าด้วยท่าทางง่วงงุน ดูเหมือนกับงงงันกับความเจ็บบนแก้มของเธอ

 

“ผ-ผู้นำนิกาย…” ดวงตาผู้อาวุโสหวูคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความสุขและโล่งอกกับสัญญาณการตื่นขึ้นมาของโหลวหลานจี

 

“ทำไมมีคนมากมายอยู่ในห้องของข้า” ยามเมื่อโหลวหลานจีนึกถึงสถานการณ์ขึ้นมาได้ เธอก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงและถามพวกเขา

 

“ผ-ผู้นำนิกาย ท่านจำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน” ผู้อาวุโสนิกายถามเธอ

 

แม้ว่าเธอยังสับสน โหลวหลานจีหลับตาลงครุ่นคิด อย่างไรก็ตามเธอรู้ได้อย่างรววดเร็วว่าความทรงจำของเธอไม่ชัดเจนและทั้งหมดที่เธอสามารถจำได้ก็คือเธอมุ่งตรงไปยังที่พักของซูหยางเพื่อลงโทษเขา

 

“ข้าจำได้ว่าออกไปข้างนอกเพื่อหาศิษย์คนหนึ่ง แล้วทำไมข้าจึงมาหลับอยู่ในห้อง” โหลวหลานจีขมวดคิ้วและถามผู้อาวุโสนิกาย

 

“ท่านรู้ไหมว่า…” ผู้อาวุโสหวูเริ่มอธิบายทุกสิ่งให้กับโหลวหลานจีตั้งแต่เริ่มต้น

 

“ท่านถูกพบตัวว่าหลับไหลอยู่กลางเขตศิษย์นอกและถูกนำตัวกลับมายังห้องของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นท่านมิมีการตอบสนองไม่ว่าพวกเราจะพยายามปลุกท่านเพียงใด…”

 

“เราจึงออกไปรวบรวมบรรดาหมอที่ดีที่สุดภายในภาคตะวันออก แต่น่าเสียดายพวกเขาทุกคนล้วนสับสนกับเงื่อนไขที่เกิดกับท่าน…”

 

โหลวหลานจีตื่นตระหนกที่รู้ว่าเธอได้หลับไปนานถึงสองวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการไม่ตอบสนองของเธอเมื่อผู้อื่นพยายามที่จะปลุกเธอขึ้น

 

“ช-เช่นนั้นทำไมตอนนี้ข้าจึงตื่นขึ้น พวกเจ้าทำอย่างไรกัน” เธอถามพวกเขา

 

ผู้อาวุโสหวูยิ้มขื่นขมและกล่าวว่า “เออ…ศิษย์ซูหยางตรงนั้น—เอ๋”

 

ผู้อาวุโสหวูหยุดพูดเมื่อเธอพบว่าซูหยางได้หายตัวไปอย่างลึกลับจากห้อง เขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และทำไมจึงไม่มีใครที่นั่นสังเกตเห็นเขาไป

 

“ซูหยาง ซูหยางมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้” โหลวหลานจียิ่งสับสนกับสถานการณ์แต่ยิ่งเกิดความสนใจในเมื่อชื่อซูหยางถูกหยิบยกขึ้นมา

 

“เอ้อ…เขา…เขาเป็นคนที่ปลุกท่านตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล…” ผู้อาวุโสหวูกล่าวด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน

 

“ซูหยางทำรึ” ดวงตาของโหลวหลานจีเป็นประกายด้วยความดีใจและชื่นชม “เขาทำได้อย่างไร”

 

“อือ…เออ…เขา…” ผู้อาวุโสหวูไม่ต้องการสร้างภาพติดลบให้กับซูหยางหลังจากที่ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ แต่อนิจจา…

 

“เขาตบหน้าท่าน…” เธอกล่าวด้วยเสียงเบา

 

“เขาทำอะไรนะ” โหลวหลานจีตากลมโตด้วยความตกใจ ร่างกายเธอเริ่มสั่นสะท้านด้วยความโกรธ