จี้เจิ้งยี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลรีบเดินเข้ามาทันที
แม้ว่าเขาจะกลัวมาก แต่จี้เจิ้งยี่ก็ยังรีบเข้ามาขวางถังหลี่ไว้อย่างรวดเร็ว
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันบางอย่าง เราทุกคนที่นี่เป็นคนซื่อสัตย์และไม่ทำเรื่องที่ไม่ดีอย่างการขโมยกระเป๋าเงินของคุณแน่นอน … ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ จี้เจิ้งยี่ก็พูดต่อ “ดูสิ… ลองมองหากระเป๋าอีกสักรอบดีไหม บางทีมันอาจหายไปอยู่แถวๆนี้”
“นอกจากนี้ ทางเราจะไม่คิดค่าอาหารของพวกคุณทั้งหมด คิดว่ายังไงครับ”
จี้เจิ้งยี่รู้ว่าการคุยกับคนเหล่านี้นั้นไม่ง่าย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่ทำให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ชายหัวล้านจ้องมองมาที่เขาก่อนจะตะโกนออกมา “ถ้าฉันเป็นคนขโมยกระเป๋าเงินของแก แล้วจากนั้นก็บอกกับแกว่าจะไม่คิดเงินค่าอาหารที่แกกินเข้าไป แกว่ามันยุติธรรมหรอไงหะ!”
“รีบส่งกระเป๋าเงินของพวกเราคืนมาเร็ว!”
“ไม่อย่างนั้น…!”
ไม่ทันที่ชายหัวโล้นจะพูดจบ เขาก็พลักจี้เจิ้งยี่ก็ออกไปอย่างแรง
“ตุบ!”
จี้เจิ้งยี่ถูกพลักกลับไปหลายก้าวก่อนจะล้มลงกระแทกโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อเห็นสิ่งนี้…
คนที่กำลังกินเนื้อเสียบก็เห็นว่าสถานะการณ์ไม่ค่อยดีก็เริ่มลุกจากไปที่ละคน
ในตอนแรก อารมณ์เจียวหยางนั้นดีมาก แต่เมื่อเห็นสิ่งที่ชายหัวโล้นทำ ใบหน้าของเขาก็อึมครึมขึ้นทันที
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าความจริงแล้วชายหัวโล้นไม่ได้ทำกระเป๋าตังหาย แต่ชายหัวล้านกำลังจงใจใส่ร้ายจี้เจิ้งยี่อยู่
จุดประสงค์ก็คือต้องการเงิน 10,000 หยวน!
วันนี้ ในที่สุดเจียวหยางก็ได้นัดทานข้าวกับหลินฟานที่ร้านบาร์บีคิวของเพื่อนเขาสักที
แต่ตอนนี้กลับมีคนมาหาเรื่องเพื่อนของหลินฟานต่อหน้าเขา
แล้วจะเอาใบหน้าของเขาไว้ที่ใหน?
เจียวหยางค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “นายบอกว่าทำกระเป๋าเงินหายอย่างนั้นเหรอ โอเค! ได้! ถ้าอย่างนั้นก็บอกฉันหน่อยว่ากระเป๋าเงินของนายสีอะไร มีอะไรในนั้นอีกนอกจากเงิน 10,000 หยวน”
ชายหัวล้านไม่คิดว่าจะมีคนกล้าพูดกับเขาแบบนี้ เขาจึงตะโกนตอบกลับ “เอาล่ะ! นายคงอยากให้ฉันดูแลนายเป็นพิเศษสินะ!”
การแสดงออกนี้ของเจียวหยางก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันเป็นผู้ว่าจังหวัดเจียงเป่ย ฉันสามารถดูแลทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเจียงเป่ยได้ทั้งหมด! แถมยังสามารถรักษาปากของนายให้สะอาดได้ด้วยนะ!”
ชายหัวล้านและคนอื่นๆไม่กลัวคำพูดของเจียวหยางเลย
“คุณเป็นผู้ว่าของจังหวัดเจียงเป่ยอย่างนั้นหรอ! คิดว่าแกกำลังหลอกเด็กอยู่รึไง!” ชายหัวโล้นกล่าวเยาะเย้ยก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าเจียวหยางอย่างแรง
“เพลี้ย!”
เลือดสองสายไหลออกมาจากจมูกของเจียวหยางอย่างน่ากลัว ความเจ็บปวดในหัวใจของเขาทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านผู้ว่า!”
“ท่านผู้ว่า คุณโอเคไหม”
กลุ่มคนในองค์กรของรัฐ กลุ่มนักธุรกิจและคนอื่นๆต่างก็พากันร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ผู้ว่าการเจียงเป่ยถูกตบหน้า!
หัวหน้าหน่วยสืบสวนรีบตะโกนออกคำสั่งลูกน้องทันที “จับมันไว้!”
เมื่อพูดจบ หน่วยคุ้มกันที่อยู่รอบๆก็รีบเข้าไปกดชายหัวโล้นและพวกของเขาลงกับพื้นก่อนจะล็อคแขน ล็อคขาอย่างแน่นหนาทันที
ชายหัวล้านนอนอยู่บนพื้น อดทนต่อความเจ็บปวดแล้วพูดออกมาว่า “พี่ห่าว ให้ฉันได้โทรหาพี่ห่าวสิ แล้วพวกแกจะได้โดนดีแน่…”
ชายหัวโล้นยังพูดไม่ทันจบ หัวหน้าหน่วยสืบสวนก็กระแทกชายหัวล้านลงกับพื้นอีกครั้ง
ตอนนั้นเองเจียวหยางที่หยุดเลือดกำเดาไหลได้แล้วก็พูดขึ้น “โทรหรอ? โอเค ฉันก็อยากเหมือนกันรู้ว่าวันนี้เราจะจับไอพวกนี้ได้กี่คน!”
เมื่อหัวหน้าหน่วยสืบสวนได้ยินดังนั้น เขาก็ปล่อยตัวชายหัวโล้นได้โทรหาพวก
ระหว่างนั้น หัวหน้าหน่วยสืบสวนก็หยิบมือถือออกมาแล้วโทรออกทันที “ทีมที่ 1 ทีมที่ 2 ทีมที่ 3… มาทางทิศตะวันออกของถนนหลัวให้เร็วที่สุด! เข้าใจนะ! ”
เมื่อชายหัวล้านและคนอื่นๆได้ยินที่หัวหน้าหน่วยสืบสวนพูด ความวิตกกังวลอย่างรุนแรงก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา
“ตึก ตึก ตึก!”
ผ่านไปไม่นานนัก ชายฉกรรจ์เกือบสามสิบคนที่ถือท่อเหล็กและมีดอยู่ในมือ…พากันเดินเข้ามาจากระยะไกล
เมื่อชายหัวล้านเห็นคนเหล่านี้ ความกังวลของพวกเขาก็หายไปในทันที
ชายเครายาวที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ตะโกนมาแต่ไกล “ใครมันไม่ดูตาม้าตาเรือ ถึงขนาดกล้าตีคนของข้าวะ!”
ชายหัวล้านรีบชี้ไปที่หัวหน้าหน่วยสืบสวนก่อนจะตะโกนอย่างโกรธแค้น
“พี่ห่าว!”
“ไอบ้านั้นแหละที่เป็นคนตีผม!”
ชายที่มีเครายาวมองไปในทิศทางที่คนหัวโล้นชี้ไป ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็กระตุกขึ้นอย่างแรง
ผู้ชายหัวล้านและลูกกระจ๊อกเหล่านี้เป็นพวกปลายแถวระดับล่างๆ พวกเขาจะไม่รู้จักกับพวกคนใหญ่คนโตก็คงไม่แปลก
แต่นี่มันไม่ใช่กับเขา
เพียงมองผ่านครั้งแรกเท่านั้น เขาก็จำตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที
พี่ห่าวรีบเร่งฝีเท้าไปหาหัวหน้าหน่วยสืบสวนทันที
ชายหัวล้านคิดว่า “พี่ห่าว” จะต้องช่วยสั่งสอนคนที่กล้ามาทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน
เขาเลยตะโกนใส่หัวหน้าหน่วยสืบสวนอย่างเย่อหยิ่งต่อ “ไอแก่ เมื่อกี้แกยังทำตัวเย่อหยิ่งอยู่เลยไม่ใช่รึไง คราวนี้แกโดนดีแน่!”
ไอแก่?
กล้าด่าหัวหน้าหน่วยสืบสวนในที่สาธารณะว่าไอแก่งั้นหรอ?
กล้าดียังไง…
“เพลี้ย!”
ชายเครายาวตกใจกลัวจนเอามือตบหน้าชายหัวโล้นอย่างแรง
จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “หัวหน้าเติ้ง ฉันขอโทษ พวกปลายแถวอย่างนี้ไม่เคยเจอคุณมาก่อน อย่าถือสาเลยครับ…”
หัวหน้าเติ้ง?
เติ้งจี้หู!
หัวหน้าหน่วยสืบสวนของจังหวัดเจียงเป่ย!
ตอนนั้นเอง ชายหัวล้านก็กลับมารู้สึกตัวทันที
ถ้าชายคนนี้เป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนละก็ แล้วคนที่เขาพึ่งตบหน้าไปล่ะ?
เมื่อชายหัวล้านนึกถึงเรื่องนี้ หยาดเหงื่อเย็นๆก็ปรากฏบนหน้าผากของเขา
เติ้งจี้หูพูดอย่างเย็นชา “อย่าถือสาได้หรอ? มันพึ่งจะตบหน้าผู้ว่าการเจียงเป่ยไปเมื่อกี้นี้!”
“อะไรนะ?” ชายเครายาวตะโกนออกมาพร้อมกับความหวาดกลัวในใจ
ในขณะเดียวกัน เขาก็มองไปด้านหลังของเติ้งจี้หูอย่างรวดเร็ว
เขาเห็น…
ชายคนหนึ่งที่ดูอ่อนโยนแต่กลับเต็มไปด้วยอ่อร่าของผู้บังคับบัญชายืนอยู่ มีคราบเลือดอยู่แถวๆจมูกของเขา
นี่… คือเจียวหยาง ผู้ว่าการจังหวัดเจียงเป่ยไม่ใช่หรอ?
และเจียวหยางยังโดนตบจริงๆด้วย แถมยังโดยตบจากคนของเขาอีก?
นี่……
นี่มัน……
ชายเครายาวรู้สึกเหมือนกับว่าท้องฟ้ากำลังหมุนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาซีดขาวเป็นไก่ต้มทันที
“ไอ้ปัญญานิ่ม!”
ชายเครายาวตะโกนออกมาก่อนจะเตะชายหัวล้านลงกับพื้นอย่างแรง ก่อนจะตามไปกระทีบซ้ำ
“ตุบ! ตับ!”
หนึ่งที สองที สามที…
ตอนนั้นเอง รถตำรวจกลุ่มใหญ่ก็ขับเข้ามาราวกับพายุลูกใหญ่
เจ้าหน้าที่ที่แต่งเครื่องแบบลงจากรถพร้อมกับอาวุธในมือ พวกเขาตั้งขบวนล้อมพี่ห่าวและลูกน้องคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
ลูกน้องของพี่ห่าวพากันตื่นตระหนก พวกเขาล้มตัวลงกับพื้นทีละคน พร้อมกับจับหัวของตัวเอง และไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวสักนิดเดียว
“จับไปให้หมด!” เติ้งจี้หูตะโกน
เจียวหยางเช็ดคราบเลือดอยู่ใต้จมูก เขาอดทนกับความเจ็บปวดก่อนจะหันไปพูดกับหลินฟาน “น้องหลิน ต้องขอโทษจริงๆ กลายเป็นว่าต้องมาทำให้น้องเห็นเรื่องที่น่าอับอายซะได้”
หลินฟานพูด “มีคนแบบนี้อยู่ทุกหนทุกแห่งนั้นแหละ… พี่ควรไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาก่อนจะดีกว่า”
“โอเค แล้วพี่จะหาโอกาสเพื่อแสดงความยินดีกับน้องในครั้งต่อไปนะ”เจียวหยางพยักหน้าพร้อมกับพูด
“วี๊หว่อ วี๊หว่อ วี๊หว่อ!”
หลังจากที่รถตำรวจจากไป ถนนทั้งสายก็กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง