บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 234 ปกติ?
หนึ่งคืนหลังจากไป๋จูเหวินกลับมาที่บ้าน? นอกจากเสียงพูดคุยที่บอกว่าเพิร์ลได้กลับมาแล้วก็ไม่มีอะไรดูแปลกไปเลย สําหรับปราสาทขุนนางสักหลัง ทันทีที่กลับมาครอบครัวโรซารี่ก็เรียกแพทย์ประจําตระกูลมาดูอาการของไป๋จูเหวินทันที โดยมันให้ความเห็นว่าร่างกายของไป๋จูเหวินนั้นไม่เป็นอะไรเลย เพียงแต่อาการความจําเสื่อมนั้นน่าจะหายในอีกไม่นาน ทําให้พวกพ่อกับแม่ดีใจอย่างมากรวมทั้งปู่ของมันเองก็ด้วย
เคร๊ง!! ตูม!! เสียงยามเช้าที่ควรจะเป็นเสียงธรรมชาติและนกร้องกลับกลายเป็นเสียงการต่อสู้กันเสียอย่างนั้น ทําให้ไป๋จูเหวินที่พึ่งตื่นอดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง
ตูม!! เสียงระเบิดจากลานดินที่อยู่ตรงกลางปราสาทดังกระหึ่มไปทั่ว มันทําให้ไป๋จูเหวินได้เห็นว่าบนลานกว้างตรงกลางนั้นมีเหล่าหญิงสาวจํานวนหนึ่งกําลังฝึกซ้อมฝีมือกันอยู่ ดูจากหน้าตาแล้วพวกมันต่างเป็นคนที่อยู่ในรูปที่ไป๋จูเหวินได้ดูเมื่อวันก่อน แสดงว่าพวกมันต่างก็เป็นคนในตระกูลโรซารี่นั่นเอง
ชิ้ง…เสียงดาบของผู้หญิงคนหนึ่งฟันดาบของผู้หญิงอีกคนจนขาดครึ่ง การต่อสู้ยามเช้าแบบนี้ควรเป็นการฝึกฝีมือ แต่พวกนางดูเอาจริงเอาจังกันมาก แถมฝีมือก็ไม่เลว อีกด้วย
“ยอดเลย”ไป๋จูเหวินรําพึงออกมาพลางมองวิชาดาบของเหล่าหญิงสาวอย่างชื่นชม พวกนางน่าจะเก่งกว่าวัลเดนอีกกระมัง ท่าทางเรื่องสอนบุตรด้วยดาบจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียแล้ว
“คุณหนู” ขณะไป๋จูเหวินกําลังมองเหล่าหญิงสาวของตระกูลฝึกซ้อมกันอยู่นั้น แม่บ้านประจําตระกูลก็เข้ามาในห้องพร้อมถังน้ําและเสื้อผ้าสําหรับเปลี่ยน
“กําลังดูอะไรอยู่เจ้าคะ” แม่บ้านถามพลางมองไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง
“เปล่า..ข้าเห็นว่าพวกนางฝึกฝนดันได้น่าสนใจดี”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มเงื่อนๆ ใครใช้ให้ด้านล่างนั่นมีแต่ผู้หญิงกัน แบบนี้เหมือนมันกําลังแอบมองอยู่เลยไม่ใช่หรือยังไง
“พอคุณหนูเพิร์ลหายแล้วก็ต้องลงไปฝึกเหมือนกันนะเจ้าคะ นายท่านบอกว่าให้คุณหนูพัก 3 วันเท่านั้นนะเจ้าคะ” แม่บ้านตอบพลางหัวเราะออกมา สมกับเป็นครอบครัว ที่ฝึกกันหนักจริงๆ ขนาดคนที่รอดมาจากความตายพึ่งกลับมาถึงบ้านแท้ๆยังให้เวลาพักเพียง 3 วันเท่านั้น
“ถ้าอยากดูละก็ลงไปข้างล่างเถอะเจ้าค่ะ แต่ก่อนอื่นก็ต้องเปลี่ยนชุดก่อนนะ” แม่บ้านว่าพลางวางชุดของไป๋จูเหวินลงบนเตียง ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของไป๋จูเหวินออกอย่างรวดเร็วทําเอาไป๋จูเหวินสะดุ้งโหยง
“อายอะไรกันเจ้าคะ ดิฉันเห็นร่างกายของคุณหนูมาตั้งแต่เกิดแล้ว”แม้จะบอกแบบนั้นก็ตามแต่ไป๋ปจูเหวินกลับไม่ชินเอาเสียเลยกับการมีใครมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แบบนี้ แถมเสื้อผ้าที่ใส่ยังใช่แบบที่ไป๋จูเหวินเคยชินอีกต่างหาก โดยเสื้อที่มันได้สวมคือเสื้อสีขาวที่มีบางอย่างกลมๆใช้ขัดกันเพื่อติดให้เสื้อที่ผ่าตรงกลางติดกัน กับกางเกงขายาวสีดําและผ้าที่ทําเป็นรูปเท้าที่ม้านเรียกว่าถุงเท้ารวมถึงรองเท้าหนังทรงประหลาดอีกต่างหาก แต่เสื้อผ้าที่เอาออกมากลับพอดีกับร่างกายของไปจูเหวินอย่างประหลาด ราวกับเป็นชุดที่ตัดมาให้ไป๋จูเหวินสวมอยู่แต่แรกแล้วก็ไม่ปาน
.
เคร๊ง!! หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วไป๋จูเหวินก็ลงมาที่ลานฝึกอย่างที่แม่บ้านแนะนํา ดูเหมือนก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินเองก็เคยฝึกฝนอยู่ที่นี่อย่างที่แม่บ้านบอกกระมัง แต่มันกลับไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย หรือว่าอาการความจําเสื่อมของมันจะรุนแรงจนจําบ้านเกิดไม่ได้กัน?
“ท่านเพิร์ล” ทันทีที่ไป๋จูเหวินลงมาที่ลานฝึกหญิงสาวส่วนหนึ่งก็หันมาทักทายด้วยท่าที่สุภาพอ่อนหวาน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้หันมาทักทายมัน
“น่าแปลกจริงๆที่คนขี้แพ้กล้ากลับมาแบบนี้”หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางจ้องมองไป๋จูเหวินด้วยสายตาดูถูกตระกูลโรซารี่นอกจากจะบ้าการต่อสู้แล้วยังใส่ใจเรื่องผลแพ้ชนะอย่างมาก ปกติหากพ่ายแพ้สัตรูในสนามรบพวกมันจะโดนลงโทษซ้ํา บ้างถึงกับถูกขับออกจากตระกูลเลยก็มี แต่ไป๋จูเหวินกลับไม่เป็นอย่างนั้น นั่นเพราะตัวไป๋จูเหวินที่อยู่ ในรูปนั้นเป็นบุตรชายคนเดียวของหัวหน้าตระกูลท่ามกลางบุตรสาวกว่า 7 คน ทําให้มันได้รับการเอาใจมากกว่าคนอื่นๆ ถึงขนาดแพ้สงครามกลับมายังไม่โดนต่อว่าสักคํา
“ท่านแคร ตอนนี้อาการของท่านเพิร์ลค่อยข้าง” หญิงสาวคนหนึ่งพยายามอธิบาย เพราะเรื่องความจําเสื่อม ทําให้ตอนนี้ไป๋จูเหวินไม่น่าจะฟังเรื่องที่แครบ่นออกมาเข้าใจ
“จริงสินะ ตอนนี้เจ้าจําอะไรไม่ได้เลยนี่นา”แครว่าพลางโยนดาบเล่มหนึ่งมาให้ไป๋จูเหวิน
“เจ้าลืมแม้กระทั่งวิชาดาบของตระกูลเราไปด้วยหรือเปล่า ถ้าลืมไปแล้วข้าจะสอนให้เจ้าใหม่เอง”แครว่าพลางชักดาบของตนออกมาจากฝึกอีกข้าง ดูเหมือนการฝึกซ้อมของตระกูลโรซารี่จะใช้ดาบจริงแทนดาบไม่เลยสินะ
“เรื่องนั้น”ไป๋จูเหวินไม่ทราบจะตอบว่าอะไร เพราะมันลืมไปหมดแล้วจริงๆ นอกจากวิชาที่มันได้เห็นเมื่อครู่แล้ว มันก็จําวิชาดาบอะไรไม่ได้เลย
“ดูให้ดี” แครว่าพลางพุ่งตัวไปข้างหน้าพรอบดาบในมือ ดาบของแครนั้นเป็นดาบที่ค่อนข้างเล็กรูปร่างเหมือนกระบี่ แต่ไม่มีความยืดหยุ่นเท่า
ฟุบๆๆๆ ดาบในมือของแครแทงเข้ามาใส่ไป๋จูเหวินอยู่หลายครั้ง แต่ดวงตาสีแดงของไปจูเหวินกลับสามารถมอง การเคลื่อนไหวของดาบออกอย่างหมดจด เพียงขยับไม่กี่ครั้งก็สามารถหลบดาบของแครได้อย่างง่ายดาย
ตูม! คลื่นดาบของไป๋จูเหวินผ่าเอาสนามฝึกเสียหายไปกว่าครึ่ง รวมทั้งแครเองที่หลบแทบจะไม่ทัน
ไม่ใช่นี่ไม่ใช่วิชาดาบของตระกูลโรซารี่ แต่นี่ก็เป็นวิชาดาบที่ไป๋จูเหวินพอจะนึกออก แม้จะรู้สึกตุ้นๆแต่คลื่นดาบเช่นนี้เคยมีคนใช้กับมันหรือเปล่านะ
“เจ้า…”แครพูดพลางมองมาทางไปจูเหวินด้วยท่าทีไม่พอใจ
“นี่เจ้าลืมแม้กระทั่งกฎห้ามใช้พลังรูนในสนามฝึกซ้อมงั้นเหรอ” แครต่อว่าพลางมองพื้นที่แตกกระจายอยู่เบื้องหน้า เพราะสนามฝึกซ้อมภายในปราสาทมีพื้นที่ค่อนข้างจํากัด ภายในจึงเปิดให้ฝึกซ้อมเพียงกระบวนท่าเท่านั้น ห้ามใช้พลังโดยเด็ดขาด เพราะหากใช้แล้วบ้านอาจจะพังได้นั่นเอง
“ขะ ขออภัยขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองรอยฟันของมันที่เกือบจะไปถึงตัวอาคารอยู่แล้ว
“ช่างเถอะ เจ้าอย่าเผลอใช้พลังออกมาอีกก็แล้วกัน” แครว่าพลางพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง
เคร๊งๆๆ คราวนี้นางโจมตีไวขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ทุกครั้งที่แทงออกมากลับไม่มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย แม้นางจะมีท่าทีเหมือนกําลังโกรธและต่อว่าไป๋จูเหวิน แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สาวของมัน? ทําให้นางไม่ได้กะจะทําร้ายมันจริงๆ แม้ปากจะเหมือนหาเรื่อง แต่นางก็กําลังใช้กระบวนท่าของตระกูลออกมาที่ละท่าๆเพื่อดูว่าน้องของนางจะยังจําวิชาได้หรือไม่
เคร๊งๆๆๆ ไป๋จูเหวินแม้จะไม่มีความทรงจําเกี่ยวกับวิชาดาบตระกูลโรซารี่เลย แต่เพียงไมองไม่กี่ครั้งมันก็เข้าใจกระบวนท่าและสามารถเลียนแบบได้อย่างรวดเร็ว
“ท่าทางจะยังจําได้สินะ” แครว่าพลางเก็บดาบของตนเองกลับเข้าฝัก เมื่อเห็นว่าไป๋จูเหวินสามารถร่ายรําวิชาดาบตระกูลโรซารี่ออกมาได้อย่างไม่ติดขัด นางก็ฟันธงว่าน้อ งชายของนางคงได้ความทรงจํากลับมาไม่มากก็น้อยแล้วแน่ๆ
“พี่เพิร์ล คราวหน้าไปฝึกวิชาสายมนตรากับข้านะ” หญิงสาวคนหนึ่งว่าพลางเดินเข้ามาเกาะแขนไป๋จูเหวินเอาไว้
“อะ อืม…”ไป๋จูเหวินตอบด้วยท่าทีอึ้ง มันไม่ทราบเสียด้วยซ้ําว่าสายมนตราคืออะไร
“แมรี่เป็นคนที่เก่งวิชาสายมนตราที่สุดในเด็กรุ่นเรา ให้นางช่วยฟื้นความจําให้เจ้าเถอะ” แครว่าพลางเดินไปหยิบผ้าผืนหนึ่งมาซับเหงื่อของตนเอง
“งั้น ฝากตัวด้วยนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเงื่อนๆ พวกนางดูสนิทสนมกับตัวมันอย่างมาก แต่มันกลับไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าพวกนางเป็นพี่น้องกับมันจริงบางทีการได้ความทรงจําคืนมาเร็วๆก็อาจจะดีก็ได้
หลังจากนั้นไป๋จูเหวินได้สอบถามแมรี่เด็กที่อายุน้อย กว่าไป๋จูเหวินราวๆ 3 ปีว่าสายมนตราคืออะไร โดยนางให้คําตอบว่าในอาณาจักรไชน์นั้นแบ่งนักรบออกเป็น 2 สาย นั่นคือสายศาสตรากับสายมนตรา โดยสายศาสตรานั้นจะเน้นไปที่การใช้อาวุธและใช้พลังรูนเสริมในการโจมตี แต่สายมนตรานั้นจะเน้นการใช้พลังรูนควบคุมสิ่งต่างๆเพื่อโจมตีแทน อย่างเช่นแม่มดขาวที่ไป๋จูเหวินพลาดท่าแพ้มาก่อนความจําเสื่อมนั้นก็เป็นประเภทมนตรา โดยนางใช้เวทสายฟ้า เป็นหลักทําให้เรื่องที่ไป๋จูเหวินความจําเสื่อมกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะหากโดนกระแสไฟฟ้าจํานวนมากขนาดนั้น เข้าไป สมองก็โดนกระทบได้เช่นกัน
“เฮ้ พวกเจ้ามีใครเคยเห็นเด็กคนนี้หรือเปล่า”ราชสีห์เพลิงที่กําลังตามหาไป๋จูเหวินอยู่นั้นพูดพลางชูรูปของไป๋จูเหวินให้เหล่าชาวเมืองดู
“เจ้ากําลังตามหาเจ้าหนูนั่นงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดพลางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
“โอ้ เจ้าเคยเห็นจูเอ๋อของข้างั้นหรือราชสีห์เพลิงเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินว่ามีคนรู้จักไป๋จูเหวิน ในที่สุกมันก็หาเจอแล้วกระมัง
“ใครจะไปลืมมันได้” หญิงวัยกลางคนว่าพลางกัดฟันกรอด
“มันเป็นคนฝากรอยแผลเป็นนี้ให้กับข้า”ได้ยินดังนั้นนางก็เปิดผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นรอยปาดที่แก้มของนาง แม้นางจะเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่นางก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น ยังพอเห็นความงามบนใบหน้าของนางได้ลางๆ แต่รอยแผลเป็น ที่แก้มของนางนั้นกลับบดบังสิ่งนั้นจนมิดไปเลย
“อะไรกัน จูเอ๋อทํางั้นหรือ ราชสีห์เพลิงขมวดคิ้วพลางมองบาดแผลของนาง หากได้ยาของมันช่วยบางที อาจจะรักษาแผลของนางได้กระมัง
“ใช่”นางตอบด้วยน้ําเสียงเย็นเฉียบ นึกถถึงวันนั้นในสงครามนางยังโกรธไม่หาย เจ้าเด็กนั่นโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นจกะจะแลกชีวิตกับนาง มันฝากรอยแผลเอาไว้บนหน้าของนางแต่นางก็ซักมันจนตกทะเลไปเหมือนกัน
“แล้วจูเอ๋ออยู่ที่ไหนล่ะ เจ้าบอกข้าได้ไหม” ราชสีห์เพลิง ถามพลางนํายาออกมาจากมิติของมัน
“ข้าฆ่ามันไปแล้ว”
ตูม! แทบจะทันที่ที่หญิงสาวพูดออกมา หมัดของราชสีห์เพลิงก็อัดเข้าใส่ร่างของนางอย่างแรงทําเอาร่างของนางลอยหรือไปกระแทกกําแพงร้าน แต่ดูเหมือนกําแพงร้านจะช่วยอะไรนางไม่ได้เลย เพราะนางทะลุกําแพง ล้านลอยไปบนถนนและทะลุกําแพงของร้านฝั่งตรงข้ามเข้าไปในนั้นอีกครั้ง
“เจ้าบอกว่าเจ้าฆ่างูเอ๋อของข้าไปแล้วงั้นหรือ”ราชสีห์เพลิงกัดฟันแน่นพลางปล่อยเพลิงออกมาจากร่างกาย เล่นเอาเหล่าคนรอบๆต่างพากันถอยหนี แม้ราชสีห์เพลิงจะ ไม่ทราบแต่เมืองที่มันมานั้นโดนยึดเป็นของอาณาจักนอื่นไปแล้ว และแม่มดขาวที่มันพึ่งต่อยปลิวไปเมื่อครู่ก็คือยอดฝีมือของอาณาจักรที่ว่านั่นเอง
หมับ! ราชสีห์เพลิงเดินไปที่ร่างของแม่มดขาวพลางดึงร่างของนางขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
กึก…แต่ก่อนที่จะต่อยซ้ําลงไป อยู่ๆหมัดของราชสีห์เพลิงก็หยุดลงเสียก่อน มันไม่เชื่อว่าจูเอ๋อของมันจะตายง่ายๆ อย่างน้อยก็ต้องให้ยัยผู้หญิงคนนี้พาไปดูศพเสียก่อนมันถึงจะเชื่อ
หมับ! ราชสีห์เพลิงแบกเอาร่างของแม่มดขาวขึ้นบ่า ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดเลยแม้แต่คนเดียว อย่าล้อเล่นน่าขนาดแม่มดขาวผู้เก่งกาจเรื่องมนตราสายฟ้าที่สุดยังโดนหมัดเดียวจอดเลย พวกมันเข้าไปขวางไม่เท่ากับยอมไปโดนช้างเหยียบหรือ